เชื่อว่าหลายคนคงเคยอ่านเรื่องราวแนวนี้มาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เกาะที่แออัดที่สุดในโลก หรือ เกาะที่มีเมฆเป็นของตัวเอง หรือ เกาะสวรรค์กลางมหาสมุทร หรือ บ้านลอยน้ำในป่า 

    และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูบ้านหลังเดียวที่ตั้งอยู่บนเกาะอันห่างไกล ท่ามกลางมหาสมุทร จนได้รับฉายาว่า บ้านที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ในหมู่เกาะเวสมาร์นายาส ประเทศไอซ์แลนด์

    เกาะที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่มีชื่อว่า Elliðaey เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ และทั้งเกาะมีบ้านหลังนี้อยู่แค่หลังเดียวเท่านั้น

    ชาวบ้านเล่ากันว่า บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่อาศัยมาตั้งแต่ 1930 แม้จะเวลาจะผ่านมากว่า 90 ปีแล้ว แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นสิ่งเกาะสร้างปริศนาที่เป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวที่ตั้งอยู่บนเกาะ

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ และหนึ่งในข่าวลือที่เล่าต่อกันว่า บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ และอีกข่าวนึงก็บอกว่าเจ้าของบ้านเป็นคนคลั่งศาสนา แถมชาวบ้านเองก็บอก เคยเห็นคนมาขอซื้อเกาะนี้จากรัฐบาลไอร์แลนด์ แถมยังมีข่าวลือด้านลบมากมายที่ทำให้ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าอยู่บนเกาะนี้

    เหนือสิ่งอื่นใดข่าวลือก็ย่อมเป็นแค่เรื่องเล่าที่สมมติขึ้นมา เพราะไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด ความจริงของบ้านหลังนี้นั้นถูกเปิดเผยว่า บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 1950 โดยเป็นที่พักของสมาคมนายพราน ที่ใช้เป็นที่พักในการล่านกพัฟฟิน 

    นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านหลายครอบครัวที่อยู่ตามเกาะต่างๆ ในบริเวณหมู่เกาะนี้ แต่ต่อมาไม่นานชาวบ้านก็ย้ายออกเกาะไปอาศัยรวมกันเป็นชุมชนในเมือง เพราะเกาะนี้ห่างไกลความเจริญ

.

    แม้ว่าจะย้ายถิ่นฐานตัวเองไปในเมืองแล้ว หากช่วงไหนต้องการล่านก ล่าปลา พวกเขาก็จะกลับมาพักในบ้านบนเกาะแห่งนี้ แม้ว่าเวลาผ่านไปนานหลายปีบ้านหลังนี้ก็ยังตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะโดนไม่มีทีท่าจะว่าพุพัง

    แม้ว่าบ้านหลังนี้จะอยู่ไกลความเจริญ ไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปาใช้แบบบ้านในเมือง แต่บ้านหลังนี้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี มีห้องซาวน่า มีระบบกักเก็บน้ำฝน และมีรั้วกันบริเวณอย่างสวยงาม และอยู่ใกล้กับรังของนกทะเลเป็นอย่างมาก

.

.

    ต่อมาไม่นาน เกาะนี้ก็ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่คุ้มครองของอุทยานแห่งชาติมีการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย และนายพรานไม่สามารถกลับมาใช้ที่นี่เพื่อล่าสัตว์ได้แล้ว และถูกจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย

    หากใครสนใจไปท่องเที่ยวบนหมู่เกาะนี้แล้ว ก็สามารถติดต่อบริษัททัวร์นำเที่ยวได้เลย โดยบริษัทจะพาไปตามเกาะต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติและรวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย

ที่มา : Odditycentral, theadventuresland, fiebreviajera