จากใจนายทหาร! จากลูกชาวนาสู่รั้วของชาติ ชี้ "บิ๊กตู่" ช่วยหาทางออกให้ประเทศ อย่าสร้างความเกลียดชังแก่ทหาร!

LIEKR:

จากใจนายทหาร! จากลูกชาวนาสู่รั้วของชาติ ชี้ "บิ๊กตู่" ช่วยหาทางออกให้ประเทศ อย่าสร้างความเกลียดชังแก่ทหาร!

        จากกระแสการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บนโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์จากสมาชิกเฟสบุ๊ก "Mammoth Nutt" ที่ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมาจนถึงช่วงสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ทำให้ชาวเน็ตให้ความสนใจและแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก

        สมาชิกเฟสบุ๊ก "Mammoth Nutt" ได้ระบุไว้ว่า...

        "ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมต้องไปปฏิบัติภารกิจสำคัญเดือนกว่าๆ อาจห่างหายไประยะหนึ่ง ก่อนไปจึงขอพูดในฐานะประชาชนคนไทยที่มีอาชีพเป็นทหารสักนิด..."

        "ผมเป็นลูกชาวนากำเนิดแร้นแค้น ตอนเด็กต้องต่อสู้ดิ้นรนตื่นเช้าไล่ควายไปไถนา วิ่งไต่คันนากลับมาปั่นจักรยานไปโรงเรียน ห่อข้าวเที่ยงใส่ใบตองไปกินเพราะไม่เคยมีสตางค์ติดตัว หน้าแล้งหอบหนังสือไปนอนอ่านใต้ต้นไม้ขณะปล่อยควายเล็มหญ้ากลางทุ่งนา กลางคืนจุดตะเกียงท่องหนังสือเพราะที่บ้านไม่มีไฟฟ้า ผมสอบติดแพทย์จุฬาแต่พ่อแม่ไม่มีปัญญาส่งเรียน แต่ความฝันสูงสุดคือเข้ามาเป็นทหารด้วยแรงจูงใจจากเรื่องเล่าในสนามรบของพ่อที่เป็นพลทหารผ่านศึกที่เชียงตุง...

        เข้ามาเป็นนักเรียนทหารผมได้เรียนรู้มากมาย ระบบทหารสร้างผมให้มีวินัย มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ทำให้ผมที่เป็นลูกชาวนาแร้นแค้นมีเพื่อนทุกระดับ ทั้งลูกนายพล ลูกพ่อค้าใหญ่ ลูกข้าราชการระดับบิ้ก และอื่นๆอีกมากมาย ผมเรียนรู้จากเพื่อนๆ ได้รับความรักความเอ็นดูจากครอบครัวของเพื่อน ทำให้ผมรู้สึกมาตลอดว่าผมช่างโชคดีเสียจริง จบมารับราชการพื้นที่อีสานบ้านเกิด ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ได้ทำงานหลากหลายทั้งชายแดน ทั้งตอนใน ทั้งในนาม UN ร่วมกับทหารหลายชาติ ทั้งไปเป็นต้นแบบนายทหารปกครอง ผบ.พัน.รร.จปร. ผมผ่านมาทุกสมรภูมิ ทุกสถานการณ์ ทุกสภาพแวดล้อม เห็นทั้งดีทั้งแย่"

        "สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามทำมาตลอดคือ การตอบแทนสังคมตามกำลังที่ทำได้ ตอนเป็นนักเรียนนายร้อยรวบรวมเสื้อผ้าเหลือใช้จากเพื่อนๆใส่เป้เป็นสิบๆเป้ฝากรถไฟไปแจกจ่ายพี่น้องที่ยากไร้แถวบ้านเกิด รวบรวมเงินจากพรรคพวกที่มีกำลังตระเวนมอบทุนแก่เด็กดีแต่ขาดโอกาส สร้างสนามกีฬา จัดกิจกรรมกีฬาที่ชุมชนต่างๆ ส่งเสริมวัด นำชุมชนสร้างสาธารณประโยชน์ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นเจ้าของค่ายมวย เป็นประธานชมรมรักบี้ แม้แต่เป็นประธานสโมสรฟุตบอลก็ยังเคย คนรอบข้างมักพูดเสมอว่าทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะมากมายทั้งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร...

        ชีวิตผ่านมาตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ ผ่านอะไรมามากมาย ผมเห็นว่าโลกเราเปลี่ยนไปมาก จากโลกสองขั้วคอมมิวนิสต์ กับประชาธิปไตย เห็นสหภาพโซเวียตรัสเซียหัวขั้วฝั่งคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้สงครามเย็นต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตย ทำให้ประเทศถดถอยแตกเป็นประเทศย่อยๆนับสิบประเทศ จีนอีกหัวขั้วหนึ่งฝั่งคอมมิวนิสต์ต้องปรับตัวเองเอาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมาผสมทำให้อยู่รอดแล้วกำลังร่ำรวยเข้มแข็งเป็นที่ครั่นคร้ามของฝั่งประชาธิปไตย รัสเซียต้องปรับตัวหันกลับไปเอาสังคมนิยมเดิมของตนมาผสมเพื่อฟื้นฟูประเทศให้เข้มแข็งดังเดิมซึ่งตอนนี้ก็เริ่มกลับมาแล้ว สิงคโปร์ผมว่าเขาเป็นประชาธิปไตยกึ่งสังคมนิยม มีกรอบระเบียบภายในประเทศมากมายที่ทำให้เขาเข้มแข็งแม้เป็นประเทศเล็กๆไม่มีทรัพยากรอะไรก็ตาม"

        "หันกลับมามองหัวขั้วประเทศฝั่งประชาธิปไตย ทั้งอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ถึงแม้คนเขามีความพร้อม มีวินัย เข้าใจในความเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ทุกวันนี้ภายในประเทศเขากำลังถดถอย มีปัญหามากมายทั้งการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม อื่นๆ ซึ่งคนที่ติดตามข่าวสารก็คงเห็น...

        ผมไม่ได้บอกว่าสังคมนิยมดีกว่าประชาธิปไตย หรือบอกว่าประเทศไหนดีกว่ากัน แต่ผมกำลังพยายามสื่อให้เห็นว่า ไม่มีอะไรดีที่สุด และอะไรดีในอีกที่หนึ่งไม่ใช่ว่าจะดีสำหรับที่อื่นเสมอไป แต่ละที่มีสภาพแวดล้อมต่างกันเพราะฉะนั้นต้องดูปัจจัยแวดล้อมแล้วพิจารณาว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้เหมาะสม เมื่อพื้นฐานคนไทย พื้นฐานวัฒนธรรมประเพณีไทยเราเป็นแบบนี้ ดังนั้นเราควรเดินหน้าประเทศไทยเราไปแบบไหน เทียบเคียงประเทศอื่นเขาได้แต่อย่าไปคิดว่าเขาดีกว่าเราเพราะหากเอาระบบของเขามาใช้กับเรามันอาจจะเละกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้"

        "นายกลุงตู่ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาบริหารประเทศหรอกครับ ตอนนั้นท่านทะเลาะกันถึงขั้นประหัดประหารกัน บิ๊กตู่ก็พยายามให้พวกท่านหันมาคุยกันหาทางออกให้ประเทศ พวกท่านก็ยึดจุดยืนท่านไม่ได้มองส่วนรวมไม่ยอมกัน จนจำเป็นให้บิ๊กตู่ต้องควบคุมอำนาจและบริหารประเทศเอง ท่านทำมา 5 ปีพยายามปฏิรูปหลายๆอย่างซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างก็สำเร็จแต่หลายอย่างก็ต้องใช้เวลา คนหมู่มากมาร่วมกันทำงานก็มีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา คนดีเราก็ส่งเสริมคนไม่ดีก็หาทางกันออกไป"

        "ในฐานะทหาร สิ่งที่ผมไม่สบายใจคือ การสร้างวาทกรรมให้ผู้คนเกลียดทหาร มองทหารเป็นอีกพวกหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วทหารอย่างพวกผมเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ใครมาเป็นรัฐบาลใครมาเป็นผู้บังคับบัญชาเราปฏิบัติตามนโยบายอยู่แล้ว คนในชนบท 80% ผมมั่นใจว่าเมื่อมีปัญหาเขาก็มองเห็นทหารเป็นที่พึ่ง เป็นลูกหลาน เมื่อทหารชายแดนบาดเจ็บล้มตายพี่น้องคนไทยทุกคนรู้สึกสูญเสียร่วมกัน ทหารเข้าหมู่บ้านไปช่วยเหลือชาวบ้านทุกคนต้มไก่ต้มปลาหุงข้าวเลี้ยงดูเพราะรู้สึกว่าเป็นลูกหลาน...

        ทหารทั้งหมดเกือบ 400,000 คน ทำงานเสี่ยงภัย ช่วยเหลือพี่น้องในชนบทเกินกว่า 300,000 อีกไม่ถึงแสนอยู่ในตำแหน่งบริหารที่ท่านเห็นแล้วไม่พึงใจในเมือง ถามว่าเหมาะสมแล้วหรือยังที่พวกท่านพยายามสร้างวาทกรรมความเกลียดชังแก่องค์กรโดยที่ท่านไม่เคยรู้เลยว่าคนส่วนใหญ่ขององค์กรเขาลำบาก เสี่ยงภัย เพื่อให้ท่านกินอิ่มนอนอุ่นเช่นทุกวันนี้อย่างไร"

        "....เลือกคนมาบริหารประเทศอย่างมีสติ สิ้นเดือนเมษาพบกันใหม่ครับ สวัสดี...."

โพสต์ต้นฉบับ

        หลังจากที่โพสต์จากทหารนายนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตให้ความสนใจและเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วยและให้กำลังใจนายทหารรายนี้กันเป็นจำนวนมาก

ข้อมูลและภาพจาก สมาชิกเฟสบุ๊ก Mammoth Nutt