ต่าย อรทัย เล่าชีวิต ต้องเป็นสาวโรงงาน ก่อนได้เป็นนักร้องดัง ชาวเน็ตยังชมดังแต่ไม่ลืมตัว

LIEKR:

กว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้เคยล้มลุกคลุกคลานมาเยอะจริงๆ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

           ต่าย อรทัย หลั่งน้ำตาเล่าชีวิตในวัยเด็กสุดลำบาก ผ่านการเป็นสาวโรงงาน ทำสวน ทำไร่ กว่าจะมีวันนี้ที่เป็นนักร้องดัง ไม่ใช่เรื่องง่าย 

           เป็นนักร้องลูกทุ่งที่หลายคนชื่นชอบ สำหรับสาว ต่าย อรทัย  ที่ถึงแม้จะอยู่วงการมานาน แต่เจ้าตัวก็ไม่มีข่าวเสียหายออกมา ล่าสุด (29 พฤศจิกายน 2561) สาวต่ายได้มาเปิดใจถึงเส้นทางชีวิต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีนุ้ย สุจิรา และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกร

- ย้อนอดีต ครั้งหนึ่งเคยเป็นสาวโรงงานมีได้เงินวันละ 160 บาทจริงหรือเปล่า ?

           ต่าย อรทัย : ก็ต้องย้อนไปปีที่จบ ม.6 ใหม่ ๆ มันก็หลายปีแล้วนะ ประมาณ 2542 ค่ะ ตอนนั้นค่าแรงก็ได้วันละ 160 กว่าบาทค่ะ คือจริง ๆ ตอนนั้นก็อยากเรียนต่อ เพราะว่าสอบเข้าที่ ม.ราชภัฎอุบลฯ ได้แล้ว แต่ว่าด้วยอะไรต่าง ๆ ที่เราก็ไม่พร้อม เลยไม่ได้ไปเรียน

- ครอบครัวมีกันอยู่ทั้งหมดกี่คน ?

           ต่าย อรทัย : คือจริง ๆ มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นน้องชาย 3 คน เราเป็นพี่สาวคนโต แล้วเราก็แบกภาระของครอบครัว ตอนนั้นน้องชายคนโตก็ไม่ได้เรียนต่อ จบแค่ ป.6 เพราะว่าลำบากกันจริง ๆ เราเป็นพี่ก็ต้องเสียสละให้น้อง ตอนเด็ก ๆ ก็อยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณยาย แต่ช่วงประมาณ 11 ขวบ คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน เราก็อยู่กับคุณยาย แล้วก็น้องชายมาตลอด คืออาจจะด้วยเป็นคนสมัยก่อนแบบบ้าน ๆ ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กก็จะมีคำถามเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราก็จะรู้สึกว่าไม่เหมือนคนอื่น ความรู้สึกเหงามันเกิดขึ้นกับเด็กทุกคนอยู่แล้ว ก็ได้คุณยายแล้วก็ญาติพี่น้องช่วยเติมเต็มความเหงาให้บ้างค่ะ

- ตอนนั้นลำบากมากถึงขนาดต้องทำสวน ทำไร่เลย จริงไหม ?

           ต่าย อรทัย : คือต้องบอกว่าโชคดีที่ต่ายเองมีโอกาสได้เรียนหนังสืออยู่บ้าง แล้วบ้านเราก็อยู่ตามต่างจังหวัดมีท้องไร่ท้องนาอะไรแบบนี้ สิ่งที่จะเป็นรายได้เสริม ก็แบบเกี่ยวข้าว ดำนา ดายหญ้าไร่มัน หรือไปขุดมัน มันก็จะมีอยู่แค่นี้ ก็ถือว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดก็จะมีวิถีชีวิตแบบนี้

- แล้วกลายมาเป็นนักร้องดังได้ยังไง ?

           ต่าย อรทัย : ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่าชีวิตจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ ตอนนั้นเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วมันเป็นจุดเปลี่ยนให้กลายมามีชีวิตตรงนี้ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงมาสู่ความฝันและอาชีพที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ แต่ตอนที่อยู่ ม.6 มีโอกาสได้รู้จักกับคนที่ชักนำเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วคือพี่บ่าว ข้าวเหนียว และพี่สาว บ้านเชียง ตอนนั้นท่านก็รอให้ต่ายเรียนจบก่อน แล้วค่อยลงมาทำเพลงกันอะไรแบบนี้ แต่หลังจากเรียนจบก็ลงมาเป็นสาวโรงงานก่อน และด้วยความที่ชีวิตมันลำบากก็ยังไม่ได้คิดเรื่องเพลง ทำงานมาสักพักก็ปรากฏว่าตกงาน แต่มันเป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่พี่เขาโทร. กลับบ้าน อาจจะเห็นว่าเราน่าจะเรียนจบแล้วแต่ทำไมเงียบจังเลย ก็เลยมีโอกาสได้นัดเจอพี่เขา แล้วก็ลองทำเพลงทำอะไรกัน ตอนนั้นก็โปรโมตกันในรายการวิทยุ ก็จะรู้จักกันแค่ในกลุ่มเล็ก ๆ แล้วก็มีโอกาสได้ให้ครูสลา คุณวุฒิ ฟัง หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเป็นนักร้องฝึกหัดอยู่ในแกรมมี่โกลด์ค่ะ

- กว่าจะได้เป็น "ต่าย อรทัย" ในวันนี้ เป็นนักร้องฝึกหัดอยู่กี่ปี ?

           ต่าย อรทัย : เทียวไปเทียวมาอยู่ 1 ปีเต็ม ๆ มาซ้อม มาเรียน กลับห้อง ซึ่งตอนนั้นค่าใช้จ่ายก็มีผู้ใหญ่ดูแลส่วนนึง เวลามีงานไปร้องเพลงก็ได้ค่าตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง แล้วระยะทางมาแกรมมี่ก็ค่อนข้างไกล เพราะตอนนั้นอยู่แถวโชคชัย 4 ก็นั่งรถเมล์มาอโศก หลายต่ออยู่ค่ะ ก็มีหลงบ้าง แต่การที่เราหลงมันทำให้เราได้จำว่าต่อไปอย่าหลงอีก เพราะการหลงมันไปไกลมากเลยค่ะ

- แล้วมามีอัลบั้มเป็นของตัวเองได้ยังไง ?

           ต่าย อรทัย : ตอนที่รู้ มันไม่ถึงกับรู้สึกเซอร์ไพรส์นะ แต่หมายความว่าผ่านการฝึกซ้อม เรียนอย่างหนัก แล้วก็ค่อย ๆ เข้าห้องอัดทีละเพลง เหมือนสะสมเพลงไปในตัว แล้วก็ค่อย ๆ เรียนไปทีละเพลง มันไม่ได้แบบตอบรับมาแล้วเรารู้สึกเซอร์ไพรส์หรือถูกใจ เหมือนถูกรางวัลที่ 1 อะไรแบบนี้ แต่มันเป็นความพยายามของเรา ที่เรารอคอยวันนี้อยู่ วันที่เราจะได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง เรียกว่าวันนี้ที่รอคอยก็ได้ค่ะ

- หลังจากที่เรามีชื่อเสียง มีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ?

           ต่าย อรทัย : อาจจะด้วยพอเราโตแล้วเราเข้าใจในเรื่องของความรักแล้ว เราเข้าใจความรู้สึกว่าความรักมันเป็นยังไง วันนึงคนหนึ่งที่แบบว่าเจอกัน มีชีวิตครอบครัวด้วยกัน แล้ววันหนึ่งมันไปไม่ได้ มันก็ต้องจบ ก็เลยเข้าใจว่า ที่พ่อกับแม่ไปด้วยกันไม่ได้เพราะอะไร เราก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยไปถามคุณพ่อกับคุณแม่สักทีนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงแยกจากกัน เพราะว่าตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน แล้วอยู่ ๆ มาวันหนึ่งก็คือเลิกกันเลย มันก็รู้สึกช็อกอยู่เหมือนกันค่ะ มันก็มีคำถามคาใจ ขาดความอบอุ่น แต่เราก็มีทุกอย่างรอบข้างที่คอยทำให้เราเข้มแข็ง คอยทำให้เรามองโลกในแง่ดี รู้สึกขอบคุณสิ่งแวดล้อม และถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะแยกทางกันก็ตามแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้ง ท่านก็ยังทำหน้าที่อยู่

- อีกคนหนึ่งที่เลี้ยงเรามาคือคุณยาย มีอะไรอยากจะบอกท่านไหม ?

           ต่าย อรทัย : ไม่มีอะไรเลยค่ะนอกจากคำว่าขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ก็เหมือนแม่เลยก็ว่าได้ ที่ให้ทุกอย่าง แล้วก็เป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่ายายเข้มแข็ง เลยทำให้หลานเข้มแข็งแล้วอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีอะไรนอกจากคำว่ารักยายที่สุดในโลกเลยค่ะ

- มีข่าวว่ากำลังปลูกต้นรักกับ "ไผ่ พงศธร" จริงหรือเปล่า ?

           ต่าย อรทัย : ปลูกต้นรัก หน้าตามันเป็นยังไงคะ (หัวเราะ) ไผ่เป็นคนน่ารักค่ะ ก็ร่วมงานกันมานาน ไม่ได้เป็นคนรักกันหรอกค่ะ เป็นพี่เป็นน้องกัน

- แฟนเพลงเชียร์ให้จิ้นกัน จะมีโอกาสได้ลุ้นกันไหม ?

           ต่าย อรทัย : เขาลุ้นมานานมากแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่ามีโอกาสลุ้นไหม อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นพี่น้อง มันเปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะ เวลาทำงานด้วยกันก็ต่างคนต่างไป เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่เคยมีร่วมกันเลยค่ะ คือแฟนเพลงคงมีโอกาสได้ดูละคร แล้วก็คิดว่าทำงานร่วมกันคงได้เจอกัน แต่จริง ๆ คือนาน ๆ ทีค่ะถึงจะได้เจอกัน แล้วเวลาเจ้าภาพจ้างงานไม่ได้เจอกันเลยนะคะ สมมุติว่างานวัดมี 10 วัน จะไม่ได้ไปพร้อมกันนะ จะไปกันคนละวันค่ะ ก็จะไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว

- งั้นในชีวิตจริงตอนนี้ สถานะเป็นยังไง ?

           ต่าย อรทัย : ไม่มีเลยค่ะ แต่ถ้าถามย้อนกลับไปจริง ๆ มันก็เคยมีแบบจะคบกันบ้างอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังโสดอยู่ค่ะ

.

.

.

        อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : นักร้องลูกทุ่งสาวเสียงดี "ต่าย อรทัย" อดีตสาวน้อยบ้านนา บ้านหลังใหม่สร้างให้คุณแม่ และคุณยาย !!

        อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : ไม่โป๊ก็ดังได้!! "ต่าย อรทัย" โชว์สปิริต แม้ฝนตกหนักแต่ต้องร้องเพลง นี่คือสิ่งที่เธอตัดสินใจทำยอมใจจริงๆ!!

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก คุยแซ่บShow