จากนักข่าว รายได้หลักแสน ต้องมาขายลูกชิ้น เริ่มจากศูนย์ ก่อนสู้จนร้านดังถึงต่างประเทศ

LIEKR:

"อีกหน่อยอย่าเหมือนลุงคนนี้นะลูก แต่ก่อนเป็นผู้ประกาศข่าว แล้วตอนนี้ดูสิมาขายลูกชิ้น" ผมจำคำเหล่านี้ได้ดี!

        เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า "นายหยาง" หรือ Yang Zhonghua อดีตนักข่าวช่องดังอย่าง SET News แต่ปัจจุบันนี้ได้ออกจากวงการสื่อไปแล้ว กลายเป็นเถ้าแก่ผลิตลูกชิ้น 

        โดยนายหยางสอบเข้า SET News ในปี 1997 เริ่มต้นการเป็นนักข่าวมานานกว่า 10 ปี ปีที่ 2 เขาได้เลื่อนเป็นผู้ประกาศข่าว รับผิดชอบในการให้ผู้สื่อข่าวพูดคุยข่าวกัน นึกไม่ถึงในปี 2006 ก็ต้องพบกับจุดเปลี่ยนในชีวิต

 

Sponsored Ad

 

        เขาถูกกล่าวหาว่าเสนอข่าวปลอมเกี่ยวกับศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพ เกิดเป็นคดีความ ในปีนั้นเขาจึงต้องจบอาชีพตัวเองลง เมื่อย้อนกลับไปคิดถึง “ปีนั้น SET News เป็นสุดยอดของการนำเสนอข่าวของประเทศ มีโบนัส 3 เดือน บวกกับเงินเดือน ปีนึงได้เงิน 6-7 แสน แต่ผมไม่ได้อะไรเลย” 

 

Sponsored Ad

 

        และไม่เพียงเท่านี้ ตอนนั้นนายหยางไม่มีรายได้ แต่ยังต้องผ่อนบ้าน หนี้บัตรเครดิต และที่แย่ที่สุดคือ Lin Xiuhui ภรรยาซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวเหมือนกันก็ป่วยหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดอยู่บ่อยครั้ง ความกดดันมากมาย จนถึงวันนี้เมื่อคิดย้อนกลับไปก็ยังรู้สึกปวดในใจ

        นายหยางเคียงข้างภรรยาที่ต่อสู้กับโรคเป็นเวลา 6-7 ปี หลังเข้ารับการผ่าตัด 12 ครั้งก็ฟื้นตัวการที่ต้องเห็นภรรยาทรมานจากความเจ็บป่วย ทำให้นายหยางรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก ต่อมาคดีของนายหยางถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด แต่เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาท้อแท้จากอุตสาหกรรมสื่อ ภรรยาก็สนับสนุนการตัดสินใจของเขา เขาจึงเริ่มต้นเดินบนเส้นทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

Sponsored Ad

 

        จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจลำบากมาก ไม่เพียงแต่หาเงินไม่ได้ แม้แต่รายจ่ายในบ้านก็ต้องให้ภรรยาเป็นคนรับผิดชอบ จนเกือบต้องขายบ้านที่ผ่อนอยู่ แต่ภรรยากลับบอกอย่างอ่อนโยน “ตอนแรกก็สงสัยว่าเขาจะทำอาหารได้หรอ แต่เขาจะตั้งใจมาก ฉันบอกไม่เป็นไร คุณลองดู ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขายบ้าน ร้านก็ดีขึ้น”

 

Sponsored Ad

 

        จริง ๆ แล้วอาของนายหยางก็คือ Wang Wuqing เคยเปิดร้านขายลูกชิ้น เป็นเจ้าเก่าที่จังหวัดหนึ่งในไต้หวัน ก่อนที่จะเข้ามาในวงการสื่อ เขาเคยไปขายลูกชิ้นกับอาอยู่ 1 ปี ตอนที่เปลี่ยนงานในปี 2008 นายหยางจึงเลือกที่จะสืบทอดฝีมือต่อจากอา ตอนนั้นเขาไปขอยืมเงินแม่แสนห้า ทดลองทำซ้ำ ๆ อยู่ 3 เดือน ถึงได้เริ่มต้นขาย

        ต้องขอบคุณลูกชิ้นของอาที่ทำให้นายหยางพบจุดเปลี่ยน เขามีลูกค้าเก่าของอามาช่วยให้ความเห็นเกี่ยวกับรสชาติ ในที่สุดก็ค่อย ๆ ทำรสชาติที่ทุกคนคุ้นเคยกลับคืนมาได้ แถมนายหยางยังสร้างความแตกต่างในตลาดด้วยการทำลูกชิ้นขนาด 7 ซม. ตรวจสอบกระบวนการผลิตอย่างระมัดระวัง ทำให้ทุกคนที่ได้ลิ้มลองต่างชื่นชมคุณภาพและรสชาติเป็นเสียงเดียวกัน

 

Sponsored Ad

 

        ตอนที่เริ่มต้นทำธุรกิจก็โดนดูถูกต่าง ๆ นานา เช่นมีคุณแม่คนหนึ่งชี้มาที่เขาแล้วพูดกับลูกสาวว่า “อีกหน่อยอย่าเหมือนลุงคนนี้นะลูก แต่ก่อนเขาเป็นผู้ประกาศข่าว แล้วตอนนี้ดูสิมาขายลูกชิ้น” แต่นายหยางไม่สนใจ จากนั้นก็หยิบเหรียญจากกระเป๋าออกมา 15 บาทแล้วบอกว่า “ผมใช้สิ่งนี้เตือนสติตัวเอง ตอนที่จนที่สุดผมมีเงินเหลือแค่นี้ ชีวิตที่ลำบากที่สุดก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรเลย”

 

Sponsored Ad

 

        จากคำพูดของเหล่าแม่บ้านปากต่อปาก ลูกชิ้นของนายหยางก็เริ่มกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในตลาด แม้ว่าจะขายดีในตลาด แต่รายได้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย นายหยางจึงหาวิธีเพิ่มยอดขาย ส่วนภรรยาเองก็เข้าใจการตัดสินใจของเขา เธอถึงขนาดเคยจ่ายหนี้ 1 แสนแทนสามี

        “เพราะว่าต้องการอยู่ด้วยกันตลอดไป อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกัน” สามารถรับรู้ได้ถึงความอดทนและไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวจากปากของเธอ แม้แต่ตอนปี 2011 ที่เธอคลอดลูกสาวฝาแฝด เงินที่ใช้ตอนอยู่ไฟก็ออกเอง แต่เธอประนีประนอม “ทำอะไรไม่ได้ ขายของที่ตลาดบางทีก็ดี บางทีก็ไม่ดี”

Sponsored Ad

        เพื่อภรรยาที่เข้าใจ เพื่อลูกสาวทั้งสองนายหยางตัดสินใจต้องหาทางเพิ่มรายได้ ปี 2011 เขาเข้าร่วมงาน Food Show แล้วโอกาสยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับเขา “ตั้งบูธขายวันเดียว มีลูกค้ามาซื้อ 500 คน ทำเอาผมตกใจ ที่แท้การเข้าร่วมงานพวกนี้ได้ผลอย่างมาก” ปีนั้นเขาเข้าร่วมงาน 4 ครั้ง ครั้งละ 4 วัน เขาบอกอย่างเซอร์ไพรส์ “แปลว่าปีนั้นมีคน 8,000 คนได้กินลูกชิ้นของผม”

        ต่อมานายหยางก็เริ่มโฆษณาลูกชิ้นบนโลกออนไลน์ ยอดขายค่อนข้างประสบความสำเร็จ ถึงขนาดใน 7 วันขายลูกชิ้นไป 15,000 ลูก เขาเล่าอย่างภูมิใจ “ยอดขายลูกชิ้นที่สูงสุดในไต้หวัน” หลังเริ่มมีชื่อเสียง ด้วยความเห็นไม่ตรงกัน นายหยางกับเพื่อนก็เลยแยกร้านกัน โดยทิ้งร้านเก่าไว้ให้เพื่อน ส่วนตัวเขาเองมาเปิดร้านใหม่ใกล้สถานี้ Shuanglian และตั้งชื่อว่า “ลูกชิ้นยักษ์ผู้ประกาศหยาง”

        ร้านขายดีมากนายหยางก็พยายามคิดรสชาติใหม่ ๆ ออกมา ให้ลูกค้าได้ชิม 2 ปีก่อนเขาลงทุนเพิ่มเกือบ 1 ล้าน ตั้งครัวกลางที่ Shilin ส่งขายลูกชิ้นให้ร้านอาหารและแผงลอย เพิ่มยอดขายและปริมาณการผลิต ปัจจุบันนี้นายหยางมีหน้าร้าน 3 ร้าน 1 แผงลอย นอกจากนั้นยังส่งขายให้กับไฮเปอร์มาร์เก็ต เดือนนึงขายได้ถึง 3 หมื่นกิโล

        ชื่อเสียงของ “ลูกชิ้นยักษ์ผู้ประกาศหยาง” ดังไปถึงเมืองนอก ในปี 2015 เขาได้รับเลือกจาก CNN TV แห่งสหรัฐอเมริกาให้เป็น "40 อาหารในไต้หวันที่ต้องกิน" ต่อเนื่องกันถึง 2 ปี ปีนี้เขาจะเอาลูกชิ้นไปขายในฮ่องกงและจีน เพื่อโอกาสทางธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น และให้ทุกคนได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติที่เขาพัฒนาขึ้นมา

        นายหยางยิ้มอย่างมีความสุข “หลังจากมีลูกสาว ธุรกิจผมก็พลิกกลับมาดีขึ้น” เนื่องจากธุรกิจขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นายหยางก็ยังไม่ลืมคำเตือนของคนข้าง ๆ 

        “เมื่อก่อนเขามักจะพูดว่า ถ้าจะทำต้องทำให้เป็นที่ 1 ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำ” ซึ่งประโยคนี้ฝังแน่นและส่งผลกระทบต่อความคิดและทัศนคติของเขาเป็นอย่างมาก

.

        จนถึงตอนนี้ ก็ยังสามารถเห็นนายหยางปรากฏตัวตามบูธและทำลูกชิ้นด้วยมือตัวเอง “ผมจะไม่ลืมความลำบากที่ผมเคยผ่านมา ชีวิตไม่ควรสบายเกินไป เพราะงั้นผมยังคงยืนอยู่ในแถวหน้า” ความเพียรพยายามเช่นนี้เป็นที่น่าชื่นชมจริง ๆ อาจเป็นเพราะสิ่งนี้ทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ จิตวิญญาณที่พยายามและทุ่มเท ไม่ใช่ใครก็ทำได้

        ไม่นานมานี้ นายหยางตัดสินใจเปิดแผงขายลูกชิ้นทุกวันเสาร์ที่หน้าวัดแห่งพนึ่งเพราะคำสัญญาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาบอกกับเจ้าแม่ ณ วัดแห่งนั้นว่า “หวังว่าหลังออกจากช่องทีวีแล้ว จะประสบความสำเร็จในการขายลูกชิ้น ถ้าขายลูกชิ้นได้เกิน 10 ปี ผมจะมาเปิดแผงที่วัด ขอบคุณเจ้าแม่ที่ดูแลกันมาตลอด 10 ปี”

        ถึงปัจจุบันก็เกิน 10 ปีแล้วจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ลืมที่จะกลับมาที่นี่ “อย่างน้อยจะตั้งแผง 1 ปี พูดแล้วต้องทำให้ได้” ขอให้แบรนด์ลูกชิ้นของเขาขายดีขึ้นเรื่อย ๆ

.

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ