"หญิงแพ้แสงแดด" ต้องใช้ชีวิตยามค่ำคืน สวมหมวกอวกาศทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

  • 2020-08-05 15:35

LIEKR:

"ชีวิตของฉันจะเริ่มต้นตอนกลางคืนเท่านั้น!"

    ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเราบางอย่าง อาจส่งผลทำให้เราดำรงชีวิตได้ลำบากมากขึ้น เช่น บางคนก็เกิดอาการแพ้ขนสัตว์ แพ้อาหารทะเล แพ้ไรฝุ่น และอาการแพ้ต่างๆ ที่เกิดขึ้น บางคนอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่การแพ้สิ่งบางชนิดยากที่จะหลีกเลี่ยงมาก 

    สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า มีหญิงชาวอังกฤษคนหนึ่งวัย 28 ปี ฟาติมา กาซาวอุย(Fatima Ghazaoui)เธอมีอาการแพ้ แต่สิ่งที่เธอแพ้นั้นกลับยิ่งใหญ่และดูจะลำบากมาก เพราะเธอ “แพ้แสงอาทิตย์” นั่นส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเธอเป็นอย่างมาก ต้องหลีกเลี่ยงออกนอกบ้านตอนเช้า และเลือกออกไปไหนมาไหนยามค่ำคืนแทน

    แต่ถ้าหากจำเป็นจริงๆ ที่ต้องออกนอกบ้านตอนกลางวัน เธอก็ต้องป้องกันตนเองด้วยการทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว แถมยังต้องสวมหมวกคล้ายหมวกอวกาศของ NASA ที่คลุมทั้งศีรษะและใบหน้าอีกด้วย เพื่อไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องเข้าถึงตัวเธอได้

    ฟาติมา กาซาวอุย ตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบผิวหนังของเธอก็เริ่มขึ้นฝ้า พ่อแม่จึงพาเธอไปหาหมอผิวหนัง เมื่อหมอตรวจร่างกายของเธอก็พบว่า เธอป่วยเป็นโรคแพ้แสงแดด(Xeroderma pigmentosum, XP)เกิดจากความผิดปกติของยีน XP ในกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอ 

    เมื่อผิวสัมผัสกับแสงอัลตราไวโอเลตก็จะส่งผลทำให้ผิวแห้ง มีจุดด่างดำและมีริ้วรอยจะปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนเหล่านี้จะไม่สามารถซ่อมแซมผิวหนังได้ด้วยตัวเอง ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง และมะเร็งตาอย่างมาก

    ฟาติมากล่าวว่า "ชีวิตของฉันเริ่มต้นตอนกลางคืนเท่านั้น!" เธอบอกว่าตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลยในช่วงกลางวันเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้น และเลือกออกไปข้างนอกตอนกลางคืนเท่านั้น

    แต่อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่แต่ในบ้าน เธอก็ต้องทาครีมกันแดดทุกชั่วโมงตลอดเวลา แม้กระทั่งหน้าตาของที่บ้านยังต้องติดตั้งตัวกรอง UV พิเศษอีกด้วย และเพราะเหตุนี้เองก็ทำให้เธอต้องหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 13 ปีเป็นต้นมา และเลือกการเรียนการสอนในบ้านแทน 

    ฟาติมากล่าวต่อว่า “เธอเคยผ่าตัดมาแล้วในชีวิตกว่า 55 ครั้ง” โรคร้ายนี้ได้ปล้นชีวิตในวัยเด็กของเธอแล้ว

    ระบบบริการสุขภาพแห่งอังกฤษ British National Health Service (NHS) ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาผู้ป่วยชนิดนี้ที่มีมากถึง 70% ในสหราชอาณาจักร พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 40 ปี 

    แม้ว่าฟาติมาจะต้องทนทุกข์กับโรคนี้ แต่เธอก็ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยหวังว่าจากตัวอย่างของเธอจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ เผชิญกับปัญหาต่างๆ อย่างกล้าหาญเหมือนเธอ

    เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองคิดว่าเสมอ ทุก ๆ วันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ดังนั้นจงใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าในแต่ละวัน เพราะชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น อยากให้ทุกคนใช้เวลาในชีวิตอย่างจริงจัง

ที่มา : tvbs | เรียบเรียงโดย ป๋าเถิก เปิดกรุ