มนุษย์เราทุกคนเกิดมาล้วนอยากมีอนาคตที่ดี อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ อย่างไรก็ตามในสังคมก็ยังมีคน “ได้ดีแล้วลืมตัว” ไม่เคยคิดตอบแทนบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือในยามที่ตัวเองตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งตรงกันข้ามกับ “ยุทธนา วงศ์วิรัตน์” ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันการพลศึกษา ประจำวิทยาเขตสุพรรณบุรี ผู้ชายที่ไม่เคยลืมอดีตของตัวเอง-ไม่เคยลืมผู้มีพระคุณ

        “ยุทธนา วงศ์วิรัตน์” คือคนที่รู้จักเคารพผู้มีพระคุณ รู้จักบุญคุณคน รู้จักนอบน้อมถ่อมตน แม้มียศมีตำแหน่งใหญ่โตด้วยแล้วยิ่งน่าสรรเสริญ เขากระทำสิ่งดี ๆ ที่พวกเราอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ 8 ปีกว่าที่ชายคนนี้ตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวันอาทิตย์มากวาดลานวัด ทำความสะอาดศาลา โบสถ์ ช่วยเหลืองานที่วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี มาอย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์เดียวคือเพื่อตอบแทนพระคุณหลวงพ่อถิร(พระวิสุทธิสารเถร) เจ้าอาวาสวัดฯองค์ที่ 4 ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 27

        “ยุทธนา” บอกว่า วันที่ 25 ก.พ.20 ถือกำเนิดเกิดขึ้นของวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี สถาบันแห่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีหลวงพ่อถิร ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ให้พื้นที่ว่างบริเวณวัด และศาลาที่เป็นที่เรียน และอาคารเรียนโรงเรียนวัดป่าเลไลยก์ฯ และยังบริจาคทรัพย์ปลูกหลังคามุงจากเป็นที่ฝึกกีฬาให้กับนักศึกษาของวิทยาลัยพลศึกษาฯตั้งแต่เริ่มเปิดเรียน นักศึกษาทุกคนจะพูดเสียงเดียวกันว่า...ถ้าไม่มีหลวงพ่อถิรก็ไม่มีวิทยาลัยพลฯสุพรรณฯ” เป็นบุญคุณที่ใหญ่หลวงที่หลวงพ่อมีจิตเมตตาเห็นคุณค่าของการศึกษา 

        “ปี 23 วิทยาลัยพลศึกษาฯ ได้สถานที่ก่อสร้างอาคารใหม่บริเวณสนามบินเก่าติดกับสนามกีฬากลางจังหวัดฯ โดยหลวงพ่อถิรเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ร่วมกับศาสตราจารย์บุญสม มาร์ติน อธิบดีกรมพลศึกษาสมัยนั้น ผมเป็นศิษย์เก่ารุ่นที่ 2 สมัยเรียนอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ อาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงพ่อ และพระสงฆ์ของวัดแห่งนี้มาโดยตลอด หลังจากที่จบการศึกษาจากสถานศึกษาที่นี่ก็เข้ารับราชการในวิทยาลัยแห่งนี้เลยตั้งแต่ปี 25 ได้รับความเมตตากรุณาจากครูอาจารย์ทุกท่านโดยเฉพาะผู้อำนวยการบุญเลิศ ศรีสว่าง ให้ความดูแลเสมือนลูกหลาน จนปี 54 ช่วงปิดภาคเรียนมีโอกาสเข้าอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดป่าเลไลยก์ ได้มีโอกาสมากราบไหว้หลวงพ่อถิรซึ่งท่านมรณภาพไปแล้ว ทำให้สะท้อนใจตัวเองมากว่าตั้งแต่จบไม่เคยมาทดแทนบุญคุณหลวงพ่อเลย” 

        ผู้ช่วยอธิการบดีฯ บอกต่อว่า ช่วงที่บวชเป็นเวลา 1 เดือนได้รับการสั่งสอนจากพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (ท่านเจ้าคุณสะอิ้ง สิรินนโท)เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ ฯองค์ปัจจุบัน ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพระอุปชฌาย์บวชให้ หลังลาสิกขาบทตั้งใจไว้ว่าจะมาทดแทนบุญคุณ วัดป่าเลไลยก์ หลวงพ่อถิร หลวงพ่อท่านเจ้าคุณสะอิ้ง และพระสงฆ์ทุกรูป อีกทั้งพระครูโสภณวีรานุวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลก์ และพระครูใบฎีกาศักดิ์ดนัยที่ให้ความรักความเอ็นดูช่วยสอนงานของวัดมาโดยตลอด

        “ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมใช้เวลาว่าง-วันหยุดมาทำงานช่วยเหลือทางวัดทุกงานที่ช่วยได้ ไม่ว่ากวาดลานวัด ทำความสะอาดห้องน้ำ ทำทุกอย่างที่ทำได้ต่อเนื่องมา 8 ปี และจะทำเช่นนี้ตลอดไป บางคนมาวัดยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใคร เขาอาจมองว่าเป็นเด็กวัดก็ได้ เคยมีหลวงตารูปหนึ่งพูดว่า อาจารย์เหลืออย่างเดียวคือยังไม่มานอนที่วัด ทุกวันนี้ยังรับราชการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องในตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฯ สิ่งที่ผมทำเพื่อตอบแทนบุญคุณพระสงฆ์ที่ศรัทธาสิ่งที่ได้กลับมามีแต่ความสุขใจจนบอกไม่ถูก ความสุขแบบนี้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้” 

        พระครูพัฒน์วุฒิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ฯ หรือพระครูสุธี บอกว่า อาตมาหยิบตัวอย่างการทำความดีมีความกตัญญูรู้คุณรวมทั้งจิตอาสาให้ญาติโยมฟังว่า อาจารย์ยุทธนาเป็นอดีตเด็กที่เรียนในวิทยาลัยพลศึกษาฯ ปี 21-23 กินข้าวก้นบาตรพระวัดป่าเลไลยก์ ถึงแม้ปัจจุบันจะเป็นถึง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฯ แต่ยังปฏิบัติตัวสร้างความดีอย่างต่อเนื่อง มีเวลาว่างก็จะมากวาดลาดวัด มีงานบุญก็จะมาช่วยมิได้ขาด ทุก ๆ วันพระจะมาช่วยปฏิบัติดูแลพระคุณเจ้า ยกเว้นติดภารกิจงานราชการ พระคุณเจ้าขอความช่วยเหลืออาจารย์ไม่เคยขัดข้องหรือปฏิเสธเลย 

        “อาจารย์เป็นคนดีที่ควรยกย่องโดยเฉพาะการมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ อาตมาขออำนาจหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ปกป้องรักษาให้อาจารย์ และครอบครัวรวมทั้งครูบาอาจารย์ที่อาจารย์เคารพรักนับถือจงมีแต่ความสุขสวัสดีตลอดไป เจริญพร”

        ทำดีกับคนว่าได้บุญแล้ว...นี่ทำดีกับพระเชื่อว่ารับบุญมหาศาล ...นุ่งกางเกงขาสั้น-เสื้อแขนกุดเหยื่อไหลเต็มตัว สภาพไม่ต่างไปจากเด็กวัด...ไม่ถือตัว ไม่ลืมตัว ไม่ยึดติด ทิ้งหัวโขนที่ใส่อยู่ ปล่อยวาง มุ่งทำแต่ความดีชีวิตก็มีแต่ความสุขความเจริญ

ข้อมูลและภาพจาก dailynews