หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

    เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปเกือบทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกากำลังเพิ่มจำนวนผู้ติดมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ 

    ส่งผลทำให้ “หน้ากากอนามัย” ขาดแคลนอย่างมาก และที่ไต้หวันก็เช่นกัน จนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้บ่าวสาวคู่หนึ่งต้องเลื่อนฉลองการแต่งงานออกไปเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วม 

    สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า มีหนุ่ม CEO เจ้าของโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยของจีหลง เกาะไต้หวัน เขาเพิ่งคุกเข่าขอแฟนแต่งงานสำเร็จเมื่อช่วงปีใหม่ และกำลังเตรียมจัดงานแต่ง โดยพวกเขาแพลนว่าจะแต่งวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปีนี้ แต่ทว่ากลับต้องมาเจอกับเรื่องหน้ากากอนามัยขาดตลาด ทำให้รัฐบาลมีคำสั่งขอความร่วมมือโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ จากเดิมที่ปกติผลิตได้วันละ 4 ล้านชิ้น ต้องเร่งการผลิต เนื่องจากไม่มีเพียงพอต่อผู้ใช้งาน รัฐบาลจึงขอร้องให้ผลิตวันละ 10 ล้านชิ้น ทำให้เขาและพนักงานที่โรงงานต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่า

    และหนุ่ม CEO ฮวังเจ๋อจุนก็เป็นอีกหนึ่งโรงงานที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับผิดชอบในการผลิตครั้งนี้ด้วย เขาเปิดเผยว่า จากเดิมที่มีสายการผลิตอยู่ 4 สายหลัก แต่หลังจากที่รัฐบาลเร่งการทำงาน ทำให้โรงงานต้องเพิ่มสายการผลิตอีก 1 สาย เขาต้องทำงานอย่างหนักทุกวันร่วมกับพนักงานของเขาเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพและจำนวนมากถึง 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ทุกอย่างที่เขาทำไปก็เพื่อพี่น้องประชาชนชาวไต้หวันได้มีหน้ากากอนามัยใช้อย่างทั่วถึง

    แต่หลายคนอาจไม่มีใครรู้ว่า เบื้อหลังเขาต้องยอมเสียสละเรื่องส่วนตัวของตนเอง และเลื่อนงานแต่งงานที่ว่าที่เจ้าสาวรอคอยมาแสนนานไปก่อน เขาบอกว่าการ์ดเชิญร่วมงานก็ทำเสร็จแล้ว ตอนนี้ต้องเลื่อนออกไป ทำให้ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด วันที่ที่ติดของชำร่วยก็ต้องแก้ไขงานใหม่หมด ไม่เพียงแค่นี้สถานที่ และทุกอย่างต้องหยุดก็เพื่อมาทำงานหนักผลิตหน้ากากอนามัยให้พี่น้องได้ใช้กัน

.

    เขาบอกว่ารู้สึกอยากขอโทษแฟนสาวที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ แม้กระทั่งกินข้าวด้วยกันก็ไม่มีเวลา เพื่อนๆและแขกทุกคนต่างก็เข้าใจและเห็นใจเขามาก 

    นอกจากต้องเลื่อนงานแต่งออกไปแล้ว เพื่อสอดคล้องกับนโยบายเร่งผลิตหน้ากาก ทำให้ออร์เดอร์ทั้งหมดล่าช้าออกไป ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากยกเลิกการสั่งทันที ซึ่งต้องสูญเงินไปกว่า 4 ล้านบาท แต่ทว่าหนุ่ม CEO กลับไม่คิดว่าโชคร้าย เขาบอกว่า “การที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนในประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก” 

     เมื่อชาวเน็ตเห็นทัศนคติของเขาต่างพากันชื่นชม และสรรเสริญยกย่องเขาเป็นอย่างมาก ขอบคุณสังคมที่ยังเหลือคนดีไว้ให้ประชาชนได้พึ่งพา และชื่นใจ

.

.

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ที่มา:omg543

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR