LIEKR:
ย้อนไปเมื่อปี 1980 ช่วงที่ประเทศจีนเริ่มเปิดประเทศใหม่ๆ ในตอนนั้นมีคณะจากสมาคมออสเตรเลีย-จีน ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเมืองต่างๆในเมืองจีน โดยรวมไปถึงเมืองหางโจว บ้านเกิดของแจ็ค หม่า
▼แจ็ค หม่า และชาวบ้านได้ออกมาต้อนรับ และกล่าวคำทักทายเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับ เดวิด มอร์เลย์ หนึ่งในสมาชิกที่เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวในการเยี่ยมชมเมืองหางโจว
Sponsored Ad
▼จากเด็กน้อยผู้ฝักใฝ่เรียนรู้อยากที่จะฝึกภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น เขาจึงเริ่มพูดคุยกับเดวิดที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกับเขา เมื่อเดวิดกลับประเทศแล้ว เขาทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันทางจดหมายอยู่เสมอ
▼ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งสองครอบครัวเริ่มสนิทกันมากขึ้น แจ็กและเดวิดส่งจดหมายหากันไม่ขาด บางครั้งแจ็คยังเขียนไปหา เคน มอร์เลย์ (พ่อของเดวิด) เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบอีกด้วย ทำให้เคนรู้สึกเอ็นดูแจ็คไม่น้อย อีกทั้งยังช่วยแก้ข้อความภาษาอังกฤษของแจ็คให้ถูกต้อง ช่วยแจ็คฝึกฝนภาษาอังกฤษให้แข็งแรงขึ้น
Sponsored Ad
▼พวกเขาติดต่อกันทางจดหมายยาวนานกว่า 5 ปี เมื่อแจ็ค อายุได้ 21 ปี เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยหางโจวและยังเป็นประธานนักเรียนอีกด้วย ในปีนั้นเคนชวนแจ็คให้มาเที่ยวหาพวกเขาออสเตรเลีย แจ็คตอบตกลงทันที ในตอนนั้นโอกาสที่จะเดินทางไปต่างประเทศนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
Sponsored Ad
▼เขาทำเรื่องขอวีซ่า ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก ในตอนนั้นเป็นเรื่องยากมากที่คนธรรมดาจะขอวีซ่าไปต่างประเทศ ส่วนมากวีซ่าจะออกให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น
▼แจ็คใช้เงินเก็บของเขาทั้งหมดเดินทางมากรุงปักกิ่งขอวีซ่า เพื่อให้แจ็คหม่าได้เดินทางมา เคนถึงกับเดินทางไปที่สถานทูตจีนในเมืองนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ของแจ็ค
Sponsored Ad
▼หลังจากถูกปฏิเสธวีซ่าถึง 7 ครั้ง เขาจึงได้ถามกับสถานทูตว่า "ผมเดินทางมาปักกิ่งหนึ่งสัปดาห์แล้ว เงินผมก็ไม่เหลือ คุณปฏิเสธไม่ให้วีซ่ากับผมถึง 7 ครั้ง และนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผม ถ้าไม่ผ่านอีก อย่างน้อยขอให้ผมทราบได้ไหมว่าเพราะอะไร"
Sponsored Ad
▼เมื่อเจ้าหน้าที่ฟังแล้ว ยังบอกให้เขารออีก 3 วันค่อยมาใหม่แล้วกัน แจ็ค หม่า ไม่ได้ตอบอะไร แต่เขายังนั่งรออยู่อีกกว่าครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเจ้าหน้าที่เดินมาหาเขา "นายอยากได้วีซ่าจริงๆใช่ไหม รอฉัน 5 นาทีแล้วกันนะ"
▼ในที่สุดเขาก็ได้รับวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลีย เขาใช้เวลาอยู่ที่นั่น 29 วัน จากคนที่ไม่เคยออกนอกประเทศมาก่อน ประสบการณ์นี้ได้เปลี่ยนชีวิตและมุมมองของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศจีน
Sponsored Ad
▼เขาท่องเที่ยวและเดินทางไปหลายๆที่ในออสเตรเลีย ได้เห็นผู้คนมากมาย รวมทั้งแปลกใจเมื่อเห็นมีคนมากมายสนใจรำไทเก็ก
.
Sponsored Ad
▼การเดินทางไปออสเตรเลียของเขาในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาแล้ว ยังได้เปิดมุมมองโลกทัศน์ของเขาให้กว้างไกลขึ้น ไม่นานหลังจากเขากลับประเทศจีน เคนและภรรยาก็เดินทางไปเยี่ยมเขาที่หางโจวอีกครั้ง
▼พวกเขาร่วมกินมื้อเย็น พูดคุยกันอย่างมีความสุขตามประสามิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน แจ็คยังพาพวกเขาท่องเที่ยวไปตามชนบทอีกด้วย
เคนรู้ว่าแจ็คมีฐานะทางการเงินค่อนข้างลำบาก ในระหว่างที่แจ็คเรียนอยู่ในมหาวิทายาลัยนั้น เคนได้ส่งเงินเพื่อช่วยเหลือเขาตลอด รวมทั้งหมดเป็นเงิน 200 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 6 พันบาท) แจ็คไม่เคยลืมน้ำใจของเคนเลย
ในปี 2004 เคนเสียชีวิตในวัย 78 ปี ความสัมพันธ์และมิตรภาพอันยาวนานกว่า 24 ปีระหว่างแจ็คและเคนก็จบลง แจ็คเสียใจอย่างมากกับการจากไปของเคน ผู้ซึ่งเขาเคารพรักเหมือนกับพ่อ
▼เดวิดและแจ็คยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ
▼วันที่ 3 กุมภาพันธ์ แจ็ค หม่ายังได้บริจาคเงินถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(หรือราว ๆ 660 ล้านบาท) ให้กับมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ออสเตรเลีย เพื่อจัดตั้งทุนการศึกษาหม่า-มอร์เลย์(Ma-Morley) เพื่อยกย่องครอบครัวมอร์เลย์ที่มีอิทธิพลต่อเขาในวัยเด็ก และเขาคิดว่าการได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆนั้นเป็นสิ่งสำคัญและควรให้การสนับสนุนอย่างมาก
หากวันนี้เคนยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะภูมิใจไม่น้อยกับการตอบแทนสังคมของแจ็ค เพื่อนรักของเขา เดวิดรู้สึกประทับใจในน้ำใจของแจ็คเป็นอย่างมากที่เขาเล็งเห็นความสำคัญของการให้การศึกษากับเด็กรุ่นใหม่
แจ็ค หม่า ถือเป็นนักธุรกิจแบบอย่างที่ประสบความสำเร็จและยังตอบแทนสังคมอย่างน่ายกย่องจริงๆ!
เรียบเรียงโดย Thousandreason