พ่อแม่ชาวจีนเลี้ยงลูกให้สบาย กินข้าวยังต้องป้อนใส่ปาก สุดท้ายลูกมีอายุแค่ 23 ปี

LIEKR:

"พ่อแม่รังแกฉัน" อุทาหรณ์ที่ดีสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ สอนลูกต้องยืนได้ด้วยขาของตนเอง

    คุณเคยได้ยินเรื่องราวที่ว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” ไหม เรื่องนี้อย่าคิดว่าเป็นแค่นิทานเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก และเกือบทุกครอบครัวก็มีบทเรียนให้เห็นมากมายเช่นกัน เพราะการเลี้ยงดูลูกอย่างผิดวิธีส่งผลเสียต่อลูกในอนาคต นี่คือความจริงที่เราทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้

    สื่อต่างประเทศเปิดเผย เรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน มีชายคนหนึ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็นคนที่ “ขี้เกียจที่สุด” เขาเกิดมาในครอบครัวของชาวไร่ชาวสวนธรรมดา และชายคนนี้เองก็เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ดังนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็จะเป็นที่รักและเป็นที่เอาอกเอาใจของพ่อแม่อย่างมาก เ

 

    ชายคนนี้มีชื่อว่า หยางซั่ว โดยปกติแล้วเด็กทั่วไปจะสามารถยืนและเริ่มเดินได้ช่วงอายุ 1 ขวบครึ่ง แต่สำหรับหยางซั่วนั้น เขาเปรียบเสมือนไข่ในหิน ถูกพ่อแม่เอาอกเอาใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่งอายุ 8 ขวบแล้วพ่อแม่ยังอุ้มเขาไว้แนบอก ไม่ให้เขาต้องเดินลำบาก ถ้าอุ้มไม่ไหวก็จะให้หยางซั่วนั่งในกระบุง จากนั้นสะพายข้างหลัง สะพายลูกไปทุกที่ที่พ่อแม่ไป สองเท้าของหยางซั่วแทบไม่ต้องเปื้อนดินเลย และที่ตั้งชื่อนี้ให้ลูกชายก็เพราะ อยากล็อกลูกชายเอาไว้กับตนเองเท่านั้น ไม่ให้ไปไหน เพราะ คำว่า หยาง คือแซ่ของพ่อ ส่วน “ซั่ว” แปลว่า “การล็อก”

    หลังจากที่หยางซั่วเติบโตก็ไปโรงเรียน คุณครูก็จะเขียนตำหนิในสมุดว่า เขาไม่เคยทำการบ้านเลย พอวันรุ่งขึ้นพ่อแม่ของหยางซั่วก็เดินทางไปถึงที่โรงเรียนเพื่อต่อว่าคุณครูที่ตำหนิลูกชายแบบนั้น ดังนั้นงานบ้านทุกอย่างแม่ของเขาเป็นคนทำเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งหยางซั่วอยากช่วยแม่ จึงเดินเข้าไปหวังจะช่วยเหลือ แต่กลับโดนแม่ปฏิเสธ และห้ามไม่ให้เขาทำงานอะไรทั้งนั้น นี่คือการสอนที่ผิดมหันต์ ทำให้หยางซั่วทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง

    ยิ่งไปกว่านั้นคือ เวลากินข้าวก็ต้องให้พ่อแม่ป้อนข้าวใส่ปากให้ 

 

    จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป เมื่อลูกชายสุดที่รักอายุ 13 ปี เป็นปีที่พ่อแม่ของเขาก็แก่ชราลงทุกวัน คุณแม่ของเขาสุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนอย่างเคย แต่ก็ยังดันทุรังไม่ให้ลูกชายเข้ามาช่วยเหลือเหมือนเดิม จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง แม่ของเขาหมดแรง จึงเอ่ยปากขอให้ลูกชายหยางซั่วมาช่วยเหลือ แต่ผลคือ ลูกชายไม่อยากช่วยแล้ว และเริ่มดุด่าแม่ของตนเอง ไม่พอยังลงไม้ลงมืออีกด้วย จนในที่สุดแม่ของหยางซั่วก็สิ้นลมหายใจ จากหยางซั่วไปในปีที่เขาอายุได้ 18 ปี 

    และไม่นานพ่อของเขาก็ตามแม่ไปอยู่บนสวรรค์ ตอนนี้งานเข้าหยางซั่วแล้ว เพราะพ่อแม่ของเขาไม่มีเงินเหลือให้เขาเลย ทำให้เขาต้องออกไปขอข้าวจากเพื่อนบ้านกิน ชาวบ้านแถวนั้นก็เป็นชาวสวนเหมือนกัน ก็เลยมีแต่อาหารสด ผักสด ปลาสดให้เขาเพื่อไปทำอาหารกินเอง แต่นั่นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย เพราะเขาทำอะไรไม่เป็นเลย ส่งผลให้เขาหิวกว่าเดิม เนื่องจากไม่รู้จะจัดการกับอาหารเหล่านั้นอย่างไร และเรื่องเสื้อผ้าก็ไม่ต้องพูดถึงไม่เคยซักเลย ใส่เสื้อผ้าตัวเดิมจนขาดรุ่งริ่งไปทั้งตัว

    เมื่อพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเห็นสภาพของเขาจึงหางานให้เขาทำ มีที่พักและอาหารให้ แต่ทว่าหยางซั่วไม่เคยต้องทำงานตั้งแต่เล็กจนโต ทำไปได้ไม่กี่วันก็หนีกลับบ้านแล้ว

    หลายคนก็มองว่านิสัยของหยางซั่วนั้นยากเกินกว่าจะแก้แล้ว ทำให้คนทั้งหมูบ้านก็ไม่มีใครสนใจเขาอีก พอฤดูหนาวมาถึง พี่ชายคนเดิมก็เดินทางมาหาหยางซั่วเพื่อหวังจะเอาอาหารมาให้เขากิน และอยากจะดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมาถึงที่บ้านของเขาก็พบว่า ร่างกายของเขาแข็งมาก เนื่องจากอากาศหนาวมาก เมื่อเรียกเจ้าหน้าที่มาดูก็พบว่าเขาได้หลับสงบเป็นนิรันดร์แล้ว ในวัยเพียง 23 ปี

    นี่แหละคือเรื่องราวของพ่อแม่รังแกลูกชาย เนื่องจากความรักเทิดทูนที่มีต่อลูกมากไปจนส่งผลให้ลูกชายไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จนกระทั่งวันที่พ่อแม่จากไป เขาก็ต้องดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากเขาไม่เคยเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตนเองเลย แล้วคุณคิดว่ายังไง 

ป.ล. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ซึ่งไม่ได้ปรุงแต่งแต่อย่างใด ส่วนภาพ เป็นภาพจากการนำเรื่องจริงมาถ่ายทำเป็นหนัง

ที่มา : lookforward | เรียบเรียงโดย LIEKR