เปิดใจคุณแม่นักสู้ "อุ้ม สิริยากร" เมื่อลูกสาวต้องรักษาไปตลอดชีวิต ผันตัวปลูกผัก ทำสวนที่อเมริกา
LIEKR:
ยังคงเป็นนักแสดงที่อยู่ในใจใครหลายคน สำหรับคุณอุ้ม สิริยากร พุกกะเวส ที่เคยโด่งดังเป็นอย่างมากในอดีต จากเรื่อง สามใบไม่เถาและสี่แผ่นดิน หนึ่งในละครโทรทัศน์แห่งยุค จนกระทั่งได้เข้าประตูวิวาห์กับครูชาวอเมริกัน เมื่อปี 2554
คุณอุ้ม สิริยากร มีลูกสาวสองคนคือ น้องเมตตา ด.ญ.เมตตา มาร์ควอร์ท และ น้องอนีคา ด.ญ.อนีคา โรส มาร์ควอร์ท ที่ปัจจุบันคุณอุ้มและครอบครัวก็ได้ย้ายไปใช้ชีวิตที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว
แม้จะอายุผ่านมาจนถึงวัยเกือบ 50 ปี แต่คุณอุ้มก็ยังทั้งสาวทั้งสวย เป็นคุณแม่ลูกสองสุดแกร่งที่ต้องเป็นกำลังให้กับลูกๆ ของตัวเอง โดยเธอได้ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ ถึงชีวิตที่ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่หวังเอาไว้ เมื่อลูกสาวตัวน้อย น้องอนีคา มีปัญหาด้านสุขภาพมาตั้งแต่ยังเล็ก
คุณอุ้มเผยว่า ช่วงตั้งครรภ์ก็มีการวางแผนไว้เยอะมาก แต่พอมีลูกแล้วทุกสิ่งล้วนคาดเดาไม่ได้ ตอนมีน้องเมตตาก็ปกติ แข็งแรงทุกอย่าง แต่น้องอนีคาตอนคลอดใบหน้าของลูกมีสีม่วง หมอบอกว่าเป็นข้อบ่งชี้หนึ่งของ Sturge-Weber Syndrome ความผิดปกติของยีนส์ มีโอกาสเกิดเพียงหนึ่งในห้าหมื่น และเป็นไปตลอดชีวิต
ปัจจุบันน้องอนีคาต้องฝังวาล์วเล็กๆ ไว้ในตาเพื่อช่วยระบายน้ำ แต่ว่ายังไม่จบเท่านี้ หมอบอกว่าเขาจะเป็นไปตลอดชีวิต การรักษาคือรักษาตามอาการ ก่อนหน้านี้ต้องพยายามเก็บความรู้สึก จะอ่อนแอให้ลูกเห็นไม่ได้ ลูกจะได้สบายใจ
คุณอุ้มยังเผยว่า เธอเคยรู้สึกโกรธทุกคน คนที่ตาดีทั้งสองข้าง ไม่ต้องใส่แว่น ไม่ต้องมาเจอการรักษาแบบนี้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนลูกสาวคนโตก็ให้กำลังใจน้องดีมาก เขาจะวาดรูปน้องมีแก้มแดงๆ เสมอ ส่วนสามีก็ช่วยเหลือทุกอย่าง ยกเว้นให้นมกับพาไปโรงพยาบาล เขาไม่ค่อยชอบ
ส่วนตัวคุณอุ้มกล่าวว่า เธอตั้งใจจะปลูกฝังให้ลูกเป็นคนเข้มแข็ง เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องทำให้โลกนี้ดีขึ้นด้วยการเลี้ยงเด็กสองคนนี้ให้มีคุณภาพ ไม่เบียดเบียน ไม่เอาเปรียบคนอื่น แต่ขณะเดียวกันต้องรู้จักลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตัวเองด้วย
นอกจากนี้ คุณอุ้มเผยอีกว่า กิจวัตรประจำวันช่วงนี้ก็ทั้งไปเดินป่า ทำสวนปลูกผักกินกันเองในบ้าน ซึ่งทั้งน้องเมตตา และน้องอนีคาก็มีความสุขและสนุกมากๆ เรียกว่าเป็นความเรียบง่ายในชีวิตที่มีความสุขและอบอุ่นสุดๆ
ภาพจาก Instagram oomsiriyakorn
.
ที่มา : oomsiriyakorn