LIEKR:
ในช่วงชีวิตนี้ เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านการวิ่งเต้นหางานทำกันมาบ้างแล้ว หลายคนโชคดีหน่อยก็สมัครแล้วได้เลย แต่หลายคนต้องไปอีกหลายรออีกหลายวันกว่าจะได้งานทำ แต่เธอคนนี้กลับต้องรอถึง 3 ปี กว่าจะได้งาน
เธอคนนี้ใช้เวลา 3 ปีในการยื่นและส่งใบสมัครงานหลายที่ แน่นอนว่ามันนับไม่ถ้วนเลยว่าเธอยื่นไปทั้งหมดเท่าไหร่ เพราะตลอดเวลา 3 ปีนี้เธอยื่นไปแล้วกว่า 3,000 แห่ง
Sponsored Ad
เธอชื่อว่า เคลลี่ วิลสัน อายุ 33 ปีเป็นชาวอังกฤษ เธอสมัครงานไปแล้วมากมายตั้งแต่ปี 2017 จนถึงปัจจุบัน อ่านมาถึงจุดนี้คงคิดว่าเราโกหกใช่ไหมล่ะ แต่มันคือเรื่องจริง !!
เคลลี่ เป็นผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือถ้าเรียกง่าย ๆ ก็คือ หูหนวก นั่นเองค่ะ และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ 3,000 กว่าแห่งที่เธอยื่นสมัครงานไปปฎิเสธเธอทั้งหมด... และเธอก็ยังคงว่างงานจนถึงปัจจุบัน
Sponsored Ad
หลายคนอาจจะคิดว่าเธอเลือกงาน แต่ความจริง เธอไปสมัครงานมาทุกสาขาอาชีพแล้ว ทั้ง แม่บ้าน พนักงานล้างจาน พนักงานห้าง พนักงานทำความสะอาด หรือแม้แต่คนเก็บขยะ
เธอได้เปิดใจและบอกเราว่า “มีบริษัทติดต่อกลับมาหาบ้าง ส่งอีเมลมาบ้าง และจะขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ พอฉันบอกว่าฉันมีความบกพร่องทางการได้ยิน เขาก็ยกเลิกนัดและตัดโอกาสงานฉันทันที”
Sponsored Ad
เคลลี่ เคยพยายามขอสัมภาษณ์ทางอีเมล แชท หรือวีดิโอคอลแหทน เพราะเธอสามารถอ่านปากคนถามได้ แต่พอเขารู้ว่าเธอหูหนวก ทุกอย่างก็เป็นอันจบ ไม่มีใครต้องการฉันเลยสักคน
ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นพนักงานบริษัท และทำงานได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหากับงานหรือเพื่อนร่วมงานเลยสักนิด มีแค่เราต้องปรับตัวเข้าหากันเล็กน้อย หาจุดกึ่งกลางที่จะอยู่ร่วมกันได้ (เธอไม่ได้บอกว่าทำไมถึงออกจากงานเก่า)
หลังจากถูกปฏิเสธกว่า 3,000 ครั้ง เธอเริ่มรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง เริ่มมองตัวเองในแง่ลบ... เธอได้บอกกับเราว่า “ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมานนี้ การหางานทำมันกลายเป็นปมในใจฉันแล้ว ฉันไม่กล้าที่ทำงาน ไม่กล้าที่จะมีชีวิตต่อ ฉันถามตัวเองตลอดเวลาว่า เรามันเป็นคนไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ฉันหูไม่ได้ยิน มันเป็นอุปสรรคใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ทั้ง ๆ ที่ฉันเองมีความสามารถไม่แพ้คนปกติ..”
Sponsored Ad
แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครรับเข้าทำงาน แต่ฉันก็ยังส่งใบสมัครไปเรื่อย ๆ และหวังว่าจะมีใครสักคนเห็นค่าในตัวฉันจริง ๆ ฉันตื่นเช้าลุกออกจากเตียงขึ้นมาช่วยคนในครอบครัวทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ลบคำครหาที่เกิดขึ้นใน และบอกกับตัวเองว่า “ฉันยังมีค่าอยู่นะ” “ฉันยังช่วยเหลือครอบครัวได้”
สุดท้ายไม่ว่าจะยังไง ฉันก็หวังว่าในอนาคต สังคมที่บอกว่าต้องการความเท่าเทียม และยอมรับความแตกต่างของผู้อื่นได้จริง ๆ สักที อย่างน้อยคนที่แตกต่างแบบฉันจะได้แสดงความสามารถออกมาบ้าง ฉันพร้อมจะพิสูจน์ให้เห็นว่า “ฉันก็เป็นคนปกติเหมือนกัน”
ที่มา : ladbible