สาวอนาคตไกล ต้องกลายเป็น "คนไร้หน้าผาก" เพียงเพราะเอา "ขาพาดคอนโซลรถ"?!

LIEKR:

น่ากลัวมาก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ละกันค่ะ

        เชื่อว่าคงยังมีหลายคน ที่ชอบเอาขาพาดบนคอนโซลหน้ารถเพื่อผ่อนคลาย ยืดขาให้นั่งสบายมากขึ้นโโยเฉพาะคนที่ตัวสูง ยิ่งเดินทางไกลๆ ยิ่งอดที่จะทำไม่ได้เลย ใครที่กำลังคิดว่าตัวเองเข้าข่าย ก็ขอให้มาดูเรื่องนี้กันก่อน แล้วคุณอาจจะได้ข้อคิดดีๆ จากประสบการณ์การเอาขาพาดแผงหน้ารถของสาวคนนี้

        "เกรนน์ คีลี" หญิงสาววัย 35 ปี ถูกพบในสภาพจำแทบไม่ได้ หลังรถที่เธอและแฟนหนุ่มนั่งมาประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับกำแพงเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2016 ขณะที่แฟนหนุ่มของเธอขับมาด้วยความเร็ว บวกกับพื้นถนนมีหิมะปกคลุม ทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งชนกำแพงอย่างจัง 

 

Sponsored Ad

 

เกรนน์ คีลี ก่อนประสบอุบัติเหตุเปลี่ยนชีวิต

        สิ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปนั้น คือในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ เกรนน์นั่งเอาขาพาดกับแผงคอนโซลรถด้วย ทำให้เข่าทั้งสองข้างพุ่งใส่หน้าเธออย่างจังในความเร็ว 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!

 

Sponsored Ad

 

        ตอนที่หน่วยกู้ภัยและตำรวจไปพบตัวเกรนน์ เธออยู่ในสภาพจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ กระดูกทุกส่วนบนใบหน้าหักหมด มีเลือดออกในสมอง ฟันหัก 2 ซี่ และสมองได้รับความกระทบกระเทือน แต่ส่วนที่เสียหายและมองเห็นได้ชัดที่สุด คือส่วนหน้าผากที่หมอจำเป็นต้องคว้านออกทั้งหมด แล้วใส่เซรามิกเสริมเข้าไปแทน หลังรักษาและรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางนานกว่า 2 ปี

เกรนน์รอดชีวิตมาได้ แต่ต้องรักษากันอย่างยาวนาน

 

Sponsored Ad

 

        เกรนน์ก็ได้ออกมาเผยเรื่องราวของเธอเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ที่ชอบเอาขาพาดแผงคอนโซลรถ เธอต้องยอมรับความจริงให้ได้ ว่าใบหน้าของเธอจะกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก

        "มันน่าเศร้ามากนะ ที่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยตระหนักถึงอันตรายของการพาดขาบนแผงคอนโซลรถน่ะ เชื่อฉันเถอะ ความสบายเพียงชั่วครู่มันไม่คุ้มกันหรอก" เกรนน์โพสต์เรื่องราวของเธอลงเฟสบุ๊กส่วนตัว  บอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอให้ชาวเน็ตรับทราบ ทั้งความเจ็บปวดระหว่างการรักษา ทั้งความจริงที่เธอต้องยอมรับมันให้ได้ ว่าหน้าของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

 

Sponsored Ad

 

        เธอต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างเพียงเพราะความรักสบายในวันนั้น เกรนน์จึงอยากฝากหน้าผากที่หายไปของเธอ เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ให้มีความระมัดระวังอยู่เสมอค่ะ


ข้อมูลและภาพจาก Metro

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ