อย่านิ่งดูดาย! รู้ไหมว่า "คราบเส้นสีดำตามร่องฟัน" คืออะไร แล้วคุณมีไหม รีบรู้ไว้ก่อนจะสาย

LIEKR:

ใครรู้ตัวว่าเป็นอยู่ อย่านิ่งดูดาย! รีบมาอ่านก่อนจะสาย

        ทุกครั้งที่คุณแปรงฟัน คุณสังเกตไหมว่า ตามฟันของคุณมีเส้นสีดำแบบนี้อยู่หรือไม่ หากไม่มีแสดงว่าคุณไม่มีฟันผุ เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย และขอให้รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างนี้ตลอดไป แล้วว่าแต่เส้นสีดำตามฟันคืออะไร เรามาดูกัน

คราบสีดำเกิดจาก 2 สาเหตุด้วยกัน ได้แก่

 

Sponsored Ad

 

        1) สีคล้ำของฟัน เกิดจากจุดสีดำที่คล้ำขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด ซึ่งปกติแล้วไม่เกิดผลเสียอะไรต่อร่างกาย นอกจากความสวยงาม และคราบสีคล้ำนี้ทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก ต้องให้ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือเฉพาะทางจัดการขูดหินปูนให้

        2) ฟันผุ หากว่าคุณกำลังฟันผุควรระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟันที่ผุในระยะแรกจะสังเกตเห็นรูฟันได้ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่ฟันผุเริ่มจากเส้นสีดำก่อน และยังแบ่งเป็น 4 ระยะด้วยกันดังนี้

ระยะที่ 1 ผิวฟัน

 

Sponsored Ad

 

        ในระยะเริ่มแรกนี้ จะเกิดเป็นรอยเส้นสีดำตามฟัน ซึ่งมักจะยังไม่ค่อยเกิดความรู้สึกปวดฟัน หรือเสียวฟัน และที่สำคัญเส้นสีดำนี้สามารถกำจัดออกได้ด้วยการขูดหินปูน แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ก็จะเกิดฟันผุในระยะที่รุนแรงขึ้น

ระยะที่ 2 เข้าสู่เนื้อฟัน

        ในระยะนี้รอยสีดำบนฟันจะเริ่มเกิดกระบวนการทำให้ฟันผุมากขึ้น เริ่มสังเกตเห็นหลุมฟันผุ และเนื้อฟันที่หายไป และยังเริ่มรู้สึกเสียวฟันได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอาหารที่ร้อน เย็น กรดหรือด่าง หลังจากเสียวฟันก็จะเริ่มปวดฟัน ในระยะนี้สามารถรักษาได้โดยการอุดฟัน หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฟันผุเริ่มลึกลงไปมากขึ้น

 

Sponsored Ad

 

ระยะที่ 3 เข้าใกล้โพรงฟัน

        ฟันจะเริ่มผุลึกลงไป เป็นรูฟันผุลึกจนสังเกตได้ชัดเจน หรือมีการขยายตัวจากรูจนเป็นหลุมกว้าง มีอาการปวดฟัน เพราะหลุมฟันผุที่ลึก เข้าใกล้โพรงประสาทฟัน ทำให้การเคี้ยวอาหารลำบาก จำเป็นต้องรีบไปอุดฟันโดยด่วน

ระยะที่ 4 ทะลุถึงรากฟัน

 

Sponsored Ad

 

        เนื่องจากไม่ได้อุดฟัน ทำให้ฟันผุเริ่มลุกลามลึกลงไปเรื่อยๆ รากฟันเกิดการติดเชื้อได้ง่าย และยังทำให้รากฟันอักเสบอีกด้วย ต้องรักษาด้วยวิธีการรักษารากฟัน ในระยะนี้ฟันผุทะลุถึงโพรงฟัน หลังการรักษาจะทำให้ฟันไม่แข็งแรงเท่าเดิม หากอาการหนักมากอาจถึงขั้นต้องถอนฟันเลยทีเดียว

        สรุปแล้ว การรักษาสุขอนามัยในช่องปากนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยไว้ไม่รีบไปรักษา อาจทำให้ฟันผุทะลุถึงโพรงฟันจนต้องเสียใจภายหลังได้ นอกจากการแปรงฟันเป็นประจำทุกวันแล้ว แปรงสีฟันก็ควรเก็บไว้ในที่แห้งสนิท และเปลี่ยนแปรงใหม่เป็นประจำ วันนี้เรายังมีวิธีดูแลรักษาสุขภาพช่องปากแบบง่ายมานำเสนอด้วยดังนี้

 

Sponsored Ad

 

วิธีแรก บ้วนปากด้วยน้ำมันเมล็ดลินิน

        นี่คือวิธีดูแลช่องปากแบบอินเดียโบราณ ให้บ้วนปากในตอนเช้าขณะที่ยังท้องว่าง และยังไม่แปรงฟัน ไม่ดื่มน้ำ บ้วนปากด้วยน้ำมันปริมาณ 10-15 มิลลิลิตร เป็นเวลา 15-20 นาที ระวังอย่ากลืนลงไป หลังจากคายออก ค่อยบ้วนปากตามด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำอีกครั้งก่อนนอน วิธีนี้เป็นการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีกว่าการใช้น้ำเปล่า สามารถเข้าได้ลึกถึงร่องเหงือก และยังช่วยนำพาสิ่งสกปรกและแบคทีเรียออกจากช่องปากได้

วิธีที่สอง แดนดิไลออนผสมชาเขียว

 

Sponsored Ad

 

        ใบดอกแดนดิไลออน 2 กรัม ใบชาเขียว 0.8 กรัม ดอกหอมหมื่นลี้ 0.2 กรัม ผสมให้เข้ากันในน้ำจนได้น้ำชาสูตรพิเศษ เมื่อดื่มแล้วจะช่วยแก้ร้อนใน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก แถมยังช่วยลดกลิ่นปาก ขับสารพิษ ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นอีกด้วย เพราะว่าแดนดิไลออนมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคโดยธรรมชาติ ช่วยลดอักเสบได้ แถมยังช่วยลดร้อนใน ลดอาการอักเสบตามเหงือกและฟันได้เป็นอย่างดี ส่วนชาเขียวช่วยในเรื่องลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องปาก ช่วยลดแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดฟันผุ สารฟลูออรีนในชาเขียวช่วยให้ฟันแข็งแรง เปรียบเสมือนเป็นชั้นป้องกันให้ฟันแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ