เปิดบ้านหรู "นก ชลิดา" มีสามีเป็นเพื่อนคู่คิด ชี้รักยืนยาว แม้ไม่มีลูก ชีวิตก็สมบูรณ์แบบแล้ว

LIEKR:

“สําหรับนก นี่แหละคือชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว”

    เปิดอาณาจักรรัก บ้านหรู 30 ล้าน ที่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ “Exclusive You Can Live” ของ นก-ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ อดีตนางสาวไทยปี 2541 และ คุณสา(มี) เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารห้างดัง ดิ เอ็มโพเรียม

    คุณนกบอกว่ากว่าจะได้บ้านสวยงามถูกใจอย่างที่เห็น ไม่ได้ตัดสินใจกันง่ายๆ เนื่องจากคุณกบเป็นคนช่างเลือก ก่อนตกลงปลงใจกับบ้านหลังนี้มีโครงการบ้านพักอาศัยสุดหรูผ่านตามากมาย ตระเวนหาบ้านทําเลถูกใจนานหลายปี จนวันหนึ่งขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังนี้แล้วชอบเลย เป็นความรู้สึกที่เขาบอกตัวเองว่า ‘นี่แหละบ้านของฉัน’

 

Sponsored Ad

 

    แต่หลังจากติดต่อซื้อบ้านกระทั่งโอนเป็นเจ้าของเรียบร้อย สิ่งที่ทั้งคู่ทำกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างแรกคือสั่งทุบซะครึ่งหลัง ด้วยสาเหตุว่าอยากทําบ้านให้เหมือนรีสอร์ท เพราะด้วยหน้าที่การงานที่ต้องใช้ชีวิตนอกบ้านเป็นหลัก 

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อเป็นเรื่องของบ้าน จึงอยากเน้นการตกแต่งที่สร้างความรู้สึกว่ากลับถึงบ้านแล้วได้พักผ่อนจริงๆ เกือบสองปีกับการรื้อบ้านและตกแต่งใหม่หมด โดยควบคุมรายละเอียดทุกเม็ดด้วยตัวเองเพื่อให้เป็นบ้านในฝันตามแบบฉบับของเขาและเธอ ในที่สุดบ้านสไตล์โมเดิร์นวินเทจหลังนี้ก็เสร็จสมบูรณ์

.

 

Sponsored Ad

 

    บรรยากาศห้องลิฟวิ่งรูมที่เจ้าของบ้านตั้งใจให้โทนสีออกมาดูอบอุ่นและเป็นส่วนตัวด้วยการทํากรีนวอลล์–ผนังต้นไม้หลากสายพันธุ์เพื่อให้ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

 

Sponsored Ad

 

    ความที่ชอบม้ามาก คุณกบลงทุนถึงขนาดสั่งทําเก้าอี้นั่งเล่นและชั้นวางโคมไฟทําจากหนังม้าแท้ๆ เพราะม้ามีขนที่เรียบ โดยเลือกสีให้เข้ากับเฉดสีเดียวกับไม้แอสที่ออกแบบเป็นกรอบประตูและชั้นวางของด้านหลังเป็นโซฟาหนังแท้แบรนด์เฮนรี่ดอลล์ของอเมริกา จะนั่งหรือนอนอ่านหนังสือได้สบายๆ

    ม้าราชวงศ์ถังอายุ 1,500 ปี ตอนแรกต้องเลือกระหว่างม้าตัวนี้ที่เป็นฝีมือช่างปั้นแท้ๆ กับม้าอีกคู่หนึ่งซึ่งทําจากบล็อกเป็นดินเผาสีชมพู แม้จะมีอายุเป็นพันปีเหมือนกัน แต่คุณนกตัดสินใจเลือกม้าที่ทําด้วยมือแท้ๆ เพราะงานศิลปะที่มาจากการสร้างด้วยมือมีคุณค่ามากกว่า

 

Sponsored Ad

 

    คุณนกอีกเช่นกันที่เป็นคนเลือกตุ๊กตาบัลเลริน่าผู้หญิง ทำจากกระเบื้องดินเผาสีชมพูเทอร์ราคอตต้าที่พิพิธภัณฑ์ในโปรตุเกสทําซ้ำขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินระดับโลก เพราะอยากให้บ้านมีความอ่อนหวานของผู้หญิงบ้าง

 

Sponsored Ad

 

    สังเกตได้ว่าเฉดสีที่ใช้ในบ้านถูกคุมให้อยู่ในโทนสีดํา น้ำตาล เงินบรอนซ์ และเทาเท่านั้น รวมทั้งเลือกใช้ไม้แอสตกแต่งภายใน เพราะเป็นไม้มีลวดลาย ดูแล้วให้ความอบอุ่น โดยคุณกบเป็นผู้เลือกไม้ทุกแผ่นด้วยตัวเอง ถ้าลายไม้ชิ้นไหนไม่สวยก็คัดทิ้ง

    โซฟาสีขาวออกแบบและสั่งทําเป็นพิเศษด้วยความชอบส่วนตัวของคุณกบที่ไม่อยากได้อะไรเหมือนใคร กระจกถูกส่งตรงมาจากประเทศกรีซ และนํามาทําให้ดูเป็นกระจกเก่า ด้านข้างมีโคมไฟตั้งโต๊ะทรงหัวหอม ผลงานออกแบบของ Verner Panton ซึ่งเป็นชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่สั่งนําเข้ามาในไทย

Sponsored Ad

    คุณนกบนโต๊ะรับประทานอาหาร Kenzo อิมพอร์ตจากฝรั่งเศสด้วยราคาหกหลัก ทําจากแผ่นไม้เรียบผสมทองแดง

    แชนเดอเลียร์คริสตัลสวารอฟสกี้ชิ้นนี้คุณกบออกแบบเองกับมือ เมื่อเปิดไฟแล้วเหมือนม่านน้ําตกที่ดูพลิ้วและเคลื่อนไหวตลอดเวลา

    เห็นวอล์คอินโคลเซ็ทที่ถูกจัดเรียงเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบเนี้ยบแล้วอดทึ่งไม่ได้ว่าคุณนกนี่ก็ขาช้อปไม่เบาเหมือนกัน แต่สิ่งที่เธอบอกเราต่อไปนี้นี่สิที่น่าทึ่งยิ่งกว่า

    “พี่กบดูแลนกทุกอย่าง โดยเราไม่ต้องเรียกร้องอะไร เขาเห็นกระเป๋า นาฬิกา หรือเครื่องประดับสวยๆ ก็จะซื้อมาให้ หรือถ้าเห็นรองเท้าเสื้อผ้ากําลังอินเทรนด์เขาจะบอกให้ไปลอง ถ้าชอบคือจัดให้ทุกอย่าง โดยไม่มีวาระ อยากซื้อก็ซื้อเลย เพราะเขารู้สไตล์นกอยู่แล้วว่าชอบแบบไหน เขาให้เหตุผลว่าคนเราถ้าได้ของที่ชอบก็จะมีความสุข

    ใครบอกว่าการมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเรื่องของความโชคดี … คนที่อยู่กันได้ยาวนานนานเพราะ รัก แคร์ เข้าใจและแสดงออกอย่างเสมอต้นเสมอปลายต่างหากล่ะ … นี้ล่ะเคล็ดลับคนมีคู่

    และนี่คือคำพูดปิดท้ายของเธอ “พี่กบไม่เคยทําให้รู้สึกว่าเราต่างกัน เหมือนนกมีทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นสามี เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถขอคําปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องงานหรือเสื้อผ้าการแต่งกาย ชีวิตมีอุปสรรคอะไรเข้ามา เขาเป็นคู่คิดที่ดีมาก ทําผิดไม่เคยซ้ำเติม มีแต่ให้โอกาสและให้เรียนรู้ สิ่งที่นกทําดีอยู่แล้วเขาก็ส่งเสริม อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ ทำให้เราอยากปรับตัวหลายอย่างให้ดีขึ้นเพื่อเขา รู้ว่าเขาชอบความสวยงาม ก็ทําให้มีแรงกระตุ้นอยากลดน้ำหนัก แต่เขากลับบอกว่าแค่เรารักและแคร์ความรู้สึกเขา เท่านี้ก็พอแล้ว

    “เรื่องมีลูกสําหรับนกจึงไม่จําเป็นเลย และไม่ได้พูดแบบนี้เพราะว่าตัวเองไม่มี ถ้าเรามีลูกย่อมดีแน่นอนเพราะครึ่งหนึ่งของนกและคนที่นกรักจะได้เป็นหนึ่งเดียว เป็นลูกของเรา แต่เมื่อไม่มีก็ไม่เสียใจ เพราะนกดีใจที่สุดแล้วที่มีคู่ชีวิตที่ดี  ดังนั้นเราจะทุกข์ใจไปทําไมในเมื่อเรามีกันและกัน ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน

    “สําหรับนก นี่แหละคือชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว”

.

.

.

.

.

.

.

ข้อมูลและภาพ จาก นิตยสารแพรว

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ