หนุ่มร่างกายไม่ปกติ "ติดเกมหนัก" แต่วันที่เขาต้องจากไป ผู้คนกลับร้องไห้และยกย่องเขา!

LIEKR:

ชีวิตลับน่าทึ่งในโลกออนไลน์ของลูกชายผม ไม่คิดว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้!

        โรเบิร์ตและทรูดเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยวเดียวดายของลูกชายผู้พิการของพวกเขา ทว่าเมื่อ แมตส์ เสียชีวิตลง พวกเขาได้ค้นพบว่าผู้คนทั่วยุโรปพากันจุดเทียนเพื่อแสดงความรำลึกถึงเขา

        เรื่องนี้เผยแพร่ครั้งแรกโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ NRK ของนอร์เวย์

        "พวกเราค่อนข้างหัวโบราณ เราไม่อยากให้เขาเปลี่ยนจังหวะชีวิตประจำเขาไปอย่างสิ้นเชิง"

 

Sponsored Ad

 

        โรเบิร์ต สตีน ซึ่งเป็นรองนายกเทศมนตรีด้านการเงินของกรุงออสโล นั่งอยู่ในคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้ที่ทำงานของเขา พร้อมกับเล่าถึงการที่เขาเคยรู้สึกกังวลที่ลูกชายมักจะใช้เวลาอยู่จนดึกดื่นในแต่ละคืน

        "พอมองย้อนไป ผมคิดว่าพวกเราควรให้ความสนใจในโลกของเกม ซึ่งลูกใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมันให้มากกว่านี้" โรเบิร์ต วัย 56 ปี กล่าว "การที่ไม่ได้ทำเช่นนั้น เราได้ขโมยโอกาสที่เราไม่เคยรู้ว่าเรามีอยู่ไปจากตัวเอง"

        โรเบิร์ต ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัยในงานศพของแมตส์เมื่อปลายปี 2014 ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงออสโล

 

Sponsored Ad

 

        ในกลุ่มคนที่นั่งฟังคำไว้อาลัยของเขา นอกจากครอบครัวและเจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการสาธารณสุขซึ่งรู้จักแมตส์เป็นอย่างดีแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มที่ครอบครัวไม่รู้จักมาก่อน

        มีเพียงโรเบิร์ตที่ได้พบพวกเขามาก่อน และแค่ครั้งเดียวในคืนก่อนงานศพ

        ช่วงปีท้าย ๆ ในชีวิต แมตส์แทบไม่ได้ออกจากห้องเขาที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่เลย มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่ผู้คนที่ครอบครัวไม่เคยรู้จักมาก่อนจะไปร่วมงานศพเช่นนี้

        ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ ตัวแมตส์เองก็ไม่เคยพบหน้าคนเหล่านี้เช่นกัน

 

Sponsored Ad

 

        มิตรแท้ในเกมออนไลน์มีจริง เกมเมอร์ยอมเผยตัวเพื่อเพื่อนป่วยระยะสุดท้าย

        zbing z. ทำความรู้จักเกมแคสเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 6 ล้านคน

        เหตุใดสิงคโปร์มุ่งพัฒนานักเล่นเกมสู่ระดับอาชีพ ?

        คำบรรยายภาพ -- พ่อกับลูกชาย - โรเบิร์ตกับแมตส์ ในกรุงออสโล เดือน ก.ค. 2012

 

Sponsored Ad

 

        ก่อนเขาจะเสียชีวิต แขกผู้เศร้าโศกเหล่านี้ ไม่ได้รู้จักแมตส์ในฐานะแมตส์ แต่รู้จักเขาในฐานะ "อิบีลิน" ชายผู้มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนุ่มเจ้าชู้ และนักสืบ คนที่มาร่วมงานศพบางคนอาศัยอยู่ใกล้ ๆ แต่บางคนเดินทางมาจากที่ไกล ๆ พวกเขาต่างร่ำไห้ให้กับเพื่อนที่จากไป

        ช่วงท้ายของงานศพ หนึ่งในคนกลุ่มนี้ได้ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัย และบอกแขกในพิธีว่าขณะนี้ ผู้คนทั่วยุโรปกำลังจุดเทียนเพื่อแสดงความรำลึกถึงแมตส์

        มันคือโชคชะตา มันถูกกำหนดไว้ในดีเอ็นเอของเขา

        เด็กชายแมตส์คนที่สวมมงกุฎเดินไปมาในงานวันเกิดครบ 4 ขวบของเขาในเดือนกรกฎาคมปี 1993 จะไม่สามารถเดินได้อีกต่อไปในอีกไม่กี่ปีถัดมา

 

Sponsored Ad

 

        คำบรรยายภาพ -- ภาพเด็กชายแมตส์ในวันเกิดครบ 4 ขวบของเขา

        ก่อนหน้านั้น ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน โรเบิร์ตและทรูด ได้รับข่าวร้ายว่า ทำไมลูกของพวกเขาถึงได้ตกจากชิงช้าและต้องเจ็บตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเขาถึงไม่ปีนบันไดขึ้นไปเล่นสไลเดอร์ทั้งที่เขาชอบมาก ทำไมเขาจึงต้องใช้หัวเข่ายันตัวเวลาที่ลุกขึ้นยืนจากท่านั่งราวกับชายชรา และทำไมเขาจึงไม่เล่นวิ่งแข่งกับเด็กคนอื่น

        หมอบอกโรเบิร์ตและทรูดว่า แมตส์เป็นโรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนเหตุพันธุกรรมดีเอ็มดี หรือ โรคดีเอ็มดี (Duchenne muscular dystrophy - DMD) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ยาก และทำให้กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ โดยพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง

 

Sponsored Ad

 

        โรคนี้เกิดขึ้นจากการที่หน่วยพันธุกรรม หรือ ยีน ของแมตส์มีรหัสพันธุกรรมผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อของเขาไม่สามารถพัฒนาได้ตามปกติ และจะทำลายกล้ามเนื้อของเขาในที่สุด

        หลังจากส่งแมตส์เข้านอนในค่ำคืนนั้น โรเบิร์ตได้โทรศัพท์พูดคุยกับหมอกว่าครึ่งชั่วโมง โดยที่มีทรูดนั่งอยู่ข้าง ๆ

        "ผมพูดกับหมอว่า 'แต่อย่างน้อยเขาจะไม่ตายจากโรคนี้!' หมอที่อยู่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ แล้วพูดว่า 'ไม่ แต่จากประสบการณ์ของเราผู้ป่วยโรคนี้มักไม่ค่อยมีชีวิตอยู่เกินอายุ 20 ปี' "

Sponsored Ad

โรเบิร์ต ชะงัก

        "แต่เขาอยู่จนถึงอายุ 25"

        หลังจากคุยกับหมอทั้งโรเบิร์ตและทรูดพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยินทั้งหมด พวกเขาคิดว่า แมตส์จะไม่ได้มี "ชีวิตธรรมดา" แบบที่คนทั่วไปมีกัน เขาจะตายตั้งแต่อายุน้อย โดยที่ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรฝากไว้ให้โลก

        พวกเขาคิดผิดโดยสิ้นเชิง

        หากดีเอ็นเอกำหนดชะตาชีวิตของเราตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิด แล้วเราจะเลือกชีวิตของเราได้อย่างไรกัน

        แมตส์พบหนทางที่จะสร้างตัวตนของเขาขึ้นมาใหม่

        ตอนที่ล่วงเข้าปี 2000 ครอบครัวสตีนได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ทางตอนใต้ของกรุงออสโลที่มีระบบรองรับผู้ใช้เก้าอี้รถเข็น หรือ วีลแชร์

        ตอนที่แมตส์ได้รับอนุญาตให้เล่นเกมบอยช่วงปิดเทอม แม้แต่เกมซูเปอร์ มาริโอ ก็ไม่สามารถขับไล่ความรู้สึกว่าเขาต่างไปจากเด็กคนอื่นได้ แมตส์นั่งอยู่บนวีลแชร์ โดยที่มีผู้ช่วยคอยติดตามเขาไปทุกที่

        พ่อแม่ของแมตส์สงสัยว่า เขาอยากทำกิจกรรมยามว่างอะไรในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเล่นฟุตบอลหรือวิ่งเล่นกัน

        เกมออนไลน์มั้ง โรเบิร์ตให้พาสเวิร์ดเข้าคอมพิวเตอร์ที่บ้านแก่แมตส์ และโลกใหม่ก็เปิดรับเด็กชายวัย 11 ปีเข้าไป

        "ในช่วง 10 ปีสุดท้ายในชีวิต แมตส์ใช้เวลาเล่นเกมออนไลน์ไป 15,000 - 20,000 ชม." โรเบิร์ตกล่าวในคำไว้อาลัยแด่ลูกชาย "นั่นเท่ากับการทำงานเต็มเวลากว่า 10 ปี"

        แต่เกมก็สร้างความขัดแย้งภายในครอบครัว

        "ตอนที่พยาบาลมาถึงตอน 22.00 น. แมตส์ต้องเข้านอนแล้ว" โรเบิร์ตกล่าว "งานของพวกเขาคือคอยดูตอนแมตส์นอน ไม่ใช่เอาเขาเข้านอน" แมตส์ประท้วงบ้างแต่จำใจทำตาม"

        แมตส์กลายเป็นเกมเมอร์ และเกมเมอร์ไม่เข้านอนแต่หัวค่ำ

        คำบรรยายภาพ -- แมตส์เริ่มเล่นเกมส์ตั้งแต่เด็ก

        แล้วแมตส์เป็นใครในช่วงหลายชั่วโมงที่เขาเล่นเกม

        เขากลายเป็น "ลอร์ด อิบีลิน เรดมัวร์" และบางครั้งก็เป็น "เจอโรม วอล์กเกอร์" แมตส์ได้เขียนไว้ว่า "อิบีลินและเจอโรม คือส่วนขยายของตัวผม พวกเขาเป็นตัวแทนด้านอื่น ๆ ของผม"

        เขาหมกตัวอยู่ในดาวอาเซรอธ (Azeroth) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเกมออนไลน์ยอดฮิต เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ (World of Warcraft)

        โดยอาเซรอธ เป็นโลกแห่งจินตนาการ มีทวีปต่าง ๆ ทะเล ป่าเขา หน้าผา ที่ราบ หมู่บ้าน และเมืองต่าง ๆ แมตส์ใช้เวลาส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่เรียกว่า อีสเทิร์น คิงดอมส์ (Eastern Kingdoms)

        ในฐานะนักเล่นเกมออนไลน์ คุณจะได้เรียนรู้โลกแห่งนี้ไปทีละน้อย เหมือนกับที่คุณได้รู้จักโลกจริง ๆ

        มันมีสถานที่ที่จะวางแผนไป รวมทั้งอาณาเขตและเมืองที่คุณต้องปกครอง บางแห่งดีกว่าอีกแห่ง ในบางพื้นที่คุณอาจต้องคอยระวังตัว ขณะที่อีกแห่งอาจเป็นที่ที่คุณชอบไป คุณจะต้องหาที่พักในท้องถิ่นและจะได้พบคนใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ

        มันคือวิถีของโลก และเป็นวิถีเดียวกับอาเซรอธ

        แมตส์ได้ท่องไปในโลกแห่งจิตนาการใบนี้และได้พบกับเพื่อนดี ๆ มากมาย

        "เวลาที่ผมลงไปที่ห้องชั้นใต้ดินของแมตส์ช่วงกลางวัน แล้วผ้าม่านถูกปิดไว้ มันเป็นความเศร้าใจที่ผมจำได้ดี" โรเบิร์ตกล่าว

        "ไม่นะ...ผมคิด ลูกยังไม่ได้เริ่มต้นวันของเขาเลย ผมเศร้าเพราะโลกของเขาช่างจำกัด"

        แต่คนที่ไม่ใช่เกมเมอร์จะไม่เห็นภาพทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าการเล่นเกมออนไลน์มันมีอะไรมากไปกว่าการยิงและทำแต้ม

        "เราคิดว่ามันเป็นแค่เกม เพียงเท่านั้น เราคิดว่ามันเป็นแค่การแข่งขันที่คนจะต้องเอาชนะ"

        และมันคือเรื่องสำคัญในวงจรชีวิต 24 ชม.ของแมตส์

        "เราไม่เข้าใจว่าทำไมการอยู่ในโลกออนไลน์จนดึกดื่นค่ำคืนจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแมตส์" โรเบิร์ตกล่าว

        "แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่ช่วงเช้าหรือกลางวันที่ผู้คนเล่นเกม เพราะมันเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ไปโรงเรียนหรือทำงาน"

        "เราเพิ่งได้เข้าใจมันครั้งแรกหลังจากลูกเสียไปแล้ว" แต่จนถึงวาระสุดท้าย เรายังอยากให้เขาเข้านอนภายใน 5 ทุ่ม เหมือนคน 'ธรรมดา' อื่น ๆ"

        ลิเซตต์ รูเวอร์ส จากเมืองเบรดา ของเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในเพื่อนเกมเมอร์ที่สนิทของแมตส์ เธอคือหนึ่งในผู้ที่ขึ้นกล่าวคำอาลัยในงานศพแมตส์เมื่อปี 2014

        เธอมาเยือนนอร์เวย์อีกครั้ง เพื่อเยี่ยม ไค ไซมอน เฟรดริกเซน เพื่อนอีกคนที่เล่นเกมออนไลน์กับแมตส์

        "ฉันรู้จักแมตส์มาหลายปี มันเป็นเรื่องช็อกมากที่เขาเสียชีวิต และมันก็ส่งผลต่อตัวตนของฉัน" ลิเซตต์ กล่าวขณะนั่งบนโซฟาที่บ้านของ ไค ไซมอน ในกรุงออสโล

        ลิเซตต์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 28 ปี ได้รู้จักแมตส์ครั้งแรกตอนอายุ 15 ปี ส่วนเขาอายุ 16 ปี หรือจะพูดให้ถูกคือตอนที่ตัวละครในเกมของเธอที่ชื่อ "รูเมอร์" ได้พบกับ อิบีลิน ตัวละครของแมตส์

        คำบรรยายภาพ -- ภาพลิเซตต์ ได้รู้จักแมตส์ครั้งแรกตอนอายุ 15 ปี

        "เราพบกันใน โกลเชียร์" ลิเซตต์บอก

        "มันไม่ใช่ที่น่าอยู่อีกต่อไป แต่สมัยนั้น โกลเชียร์เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่น่าอยู่ และคุณสามารถพบกับตัวละครที่น่าสนใจ ตอนนั้นฉันกำลังมองหาใครสักคนมาเล่นด้วย และหนึ่งในกลุ่มคนที่นั่งอยู่รอบกองไฟ ซึ่งฉันได้ทำความรู้จักในเวลาต่อมาก็คือ อิบีลิน"

        "ฉัน หรือ รูเมอร์ มักจะทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น ฉันกระโดดออกจากพุ่มไม้แล้วคว้าหมวกของอิบีลิน เรายืนนิ่งสักพัก มองจ้องกันไปมา แล้วฉันก็วิ่งหนีไปพร้อมกับหมวกของเขา โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้"

        เธอยิ้มอ่อน ๆ

        แมตส์ก็เขียนเกี่ยวกับการพบลิเซตต์เป็นครั้งแรกในบล็อกของเขาที่ตั้งชื่อว่า Love

        "ในโลกอีกใบนี้ ผู้หญิงจะไม่เห็นวีลแชร์หรืออะไรที่ต่างออกไป พวกเขาจะได้จิตวิญญาณ หัวใจ และความคิดของผมที่อยู่ในร่างกายที่แข็งแรงและหล่อเหล่า เพราะตัวละครในโลกเสมือนจริงแทบทุกตัวมักดูดี"

        ลิเซตต์ เล่าว่า "แมตส์เป็นเพื่อนที่ดี และบางทีก็เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทมาก"

        "เราเขียนถึงกันแทบทุกเรื่อง แต่เขาไม่ได้เขียนเกี่ยวกับอาการของเขา ฉันจึงคิดว่า ชีวิตเขาเหมือนกับของฉัน เช่น เราต่างเกลียดโรงเรียนเหมือนกัน"

        แต่ก็มีบางอย่างที่พวกเขาคิดไม่ตรงกัน

        "เขาเขียนว่าเขาเกลียดหิมะ แต่ฉันเขียนว่าฉันชอบมัน ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าเขาเกลียดหิมะเพราะวีลแชร์ของเขา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย"

        ความรักในการเล่นเกมของลิเซตต์สร้างความกังวลให้พ่อแม่ พวกเขาเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเธอ และการที่เธอดูเหมือนจะไม่มีสังคมเลย ทางออกของพวกเขาก็คือการจำกัดการเล่นเกมออนไลน์ของเธอ

        ลิเซตต์ จำได้ว่า "การถูกแยกจากเพื่อนเล่นเกมเป็นสิ่งที่แย่มากสำหรับฉัน"

        แต่แมตส์ไม่เคยละทิ้งมิตรภาพของพวกเขาเลย แม้เขาจะไม่พบเธอในเกม แต่เขายังติดต่อเธอผ่านช่องทางอื่น

        "เขาถึงขนาดเขียนจดหมายที่จริงจังถึงพ่อแม่ฉัน โดยที่เขาพยายามอธิบายให้พวกท่านเข้าใจว่าการเล่นเกมสำคัญต่อฉันอย่างไร" ลิเซตต์เล่า "ฉันยังเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้อยู่เลย"

        คำบรรยายภาพ -- โรเบิร์ตและทรูดรู้ว่าลูกชายเขียนหาคนที่ชื่อลิเซตต์

        "แมตส์มักพูดถึงตัวละครต่าง ๆ ในเกม แต่เราไม่ได้คิดอะไรมาก หนึ่งในนั้นเขาเล่าถึง รูเมอร์" โรเบิร์ตกล่าว

        "เธอ หรือ ลิเซตต์ เคยส่งของขวัญให้เขา ซึ่งรวมถึงของขวัญวันเกิดด้วย เรารู้สึกประทับใจ และพวกเราก็จะพูดกระเซ้าเขาในเรื่องนี้ แล้วเขาก็หน้าแดงมาก"

        "พวกเรามองว่า ลิเซตต์เป็นเพื่อน เพราะของขวัญเหล่านี้ มันคือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนของมิตรภาพที่แท้จริง"

        "เราไม่ได้เรียกคนอื่นที่ลูกติดต่อว่าเพื่อน เราเรียกพวกเขาว่า 'อวตาร' เพราะพวกเรามีมุมมองแบบโบราณต่อเรื่องของมิตรภาพ"

        ในโลกแห่ง เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ คุณสามารถเล่นคนเดียวหรือรวมกลุ่มกันเล่นเป็นหมู่คณะได้ และแมตส์ก็เป็นสมาชิกกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า สตาร์ไลต์ (Starlight) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 คน

        "ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะเข้าเป็นสมาชิกของสตาร์ไลต์" โรเบิร์ต ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาเรื่องเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ อธิบาย "การจะเป็นสมาชิกได้นั้น คุณต้องได้รับการแนะนำจากคนในกลุ่ม จากนั้นต้องผ่านช่วงทดลอง 1 - 2 เดือน"

        สตาร์ไลต์ก่อตั้งกลุ่มมากว่า 12 ปีแล้ว และปัจจุบันยังเคลื่อนไหวอยู่

        "สตาร์ไลต์ มีความพิเศษเพราะรวมกลุ่มกันมานานมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมิตรภาพในกลุ่มจึงแน่นแฟ้นมาก" โรเบิร์ตสรุป

        ไค ไซมอน วัย 40 ปี หรือที่เพื่อนในเกมเรียกเขาว่า "โนมิเน" คือหัวหน้ากลุ่มสตาร์ไลต์

        คำบรรยายภาพ -- ไค ไซมอน วัย 40 ปี หรือที่เพื่อนในเกมเรียกเขาว่า "โนมิเน" คือหัวหน้ากลุ่มสตาร์ไลต์

        ทุกปีนับแต่แมตส์เสียชีวิตในปี 2014 กลุ่มสตาร์ไลต์จะจัดพิธีรำลึกเพื่อแบ่งปันความทรงจำเกี่ยวกับสหายของพวกเขา

        เมื่อปีก่อน ไค ไซมอน บอกเพื่อนในกลุ่มว่า เมื่อระลึกถึงลอร์ด อิบีลิน เรดมัวร์ พวกเขาควรนึกถึงการวิ่งและการว่ายน้ำ

        "อิบีลิน เป็นนักวิ่ง" ไค ไซมอน กล่าว "มันสำคัญต่อเขามากที่สามารถวิ่งได้ และมันสำคัญสำหรับเขาที่จะแบ่งปันประสบการณ์การวิ่งให้ผู้อื่น"

        นี่ ไค ไซมอน กำลังพูดถึงแมตส์หรือตัวละครในเกมของเขากันแน่ บางทีอาจไม่สำคัญ เพราะสิ่งสำคัญก็คือการที่คนกับตัวละครได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

        ในฤดูร้อนปี 2013 แมตส์อายุ 24 ปี ตอนนั้นครอบครัวเขาไปพักผ่อนที่เกาะมายอร์กาของสเปน ส่วนแมตส์ที่เดินทางไปไม่ได้ อยู่บ้านกับผู้ช่วยเขา

        แมตส์ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขามีผู้ช่วยหลายคน หนึ่งในนั้นคือน้าชายของเขา โชคดีสำหรับแมตส์ที่ผู้ช่วยบางคนสนใจในเรื่องเกมออนไลน์

        ตอนที่พ่อแม่ของเขาไปเที่ยวสเปน แมตส์เริ่มเขียนบล็อกเกี่ยวกับ "การใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิต" โดยในโพสต์หนึ่งที่ชื่อว่า "การหลบหนีของผม" เขาเขียนเกี่ยวกับชีวิตในดาวอาเซรอธ

        "ที่นั่น ความพิการของผมมันไม่มีความหมาย โซ่ที่พันธนาการผมหลุดออก และผมสามารถเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็น ในโลกนั้นผมรู้สึกเป็นปกติ"

        แมตส์แชร์บล็อกของเขาให้แก่เพื่อนร่วมกลุ่มสตาร์ไลต์ทีละคน นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้พวกเขาได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นอกโลกออนไลน์ของสหายร่วมกลุ่มของพวกเขา

        ลิเซตต์ ยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เธอได้อ่านบล็อกของแมตส์

        "ฉันเข่าอ่อนเลย และก็รู้สึกผิดเพราะบางครั้งฉันจะพูดหยอกล้อเขาในเกมโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก...จากนั้นฉันก็คิดว่า 'จากนี้ฉันควรปฏิบัติต่อเขาต่างไปไหม' แต่ฉันก็ตัดสินใจจะทำตัวเหมือนเดิม และเขาก็เขียนในบล็อกว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ"

        ในโลกออนไลน์ เธอคือ ชิท ตัวละครที่นิสัยโผงผาง แต่ในโลกแห่งความจริง เธอคือ แอนน์ ฮามิลล์ นักจิตวิทยาเกษียณอายุวัย 65 ปีจากเมืองซอลส์บรีในอังกฤษ

        แอนน์บอกว่า มันเป็นเรื่องน่าทึ่งที่กลุ่มสตาร์ไลต์มีประโยชน์สำหรับคนที่อาจไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริงในแบบที่สังคมคาดหวัง

        คำบรรยายภาพ -- แอนน์ ฮามิลล์ นักจิตวิทยาเกษียณอายุวัย 65 ปีจากเมืองซอลส์บรีในอังกฤษ

        "เพราะเราเจอกันโดยไม่มีความคาดหวังใด ๆ มาก่อน สตาร์ไลต์จึงให้ความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่สำหรับคนที่มองตัวเองว่า เป็นพวกคนชายขอบ"

        "การเล่นเกมออนไลน์ เป็นพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมที่จะพบปะผู้คนและสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ เราพบเจอคนอื่นโดยไม่มีความคิดแบบเหมารวม มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ค้นหาว่า เราชอบใครบ้างไหม จากนั้นจึงค่อยมีการเปิดเผยเกี่ยวกับอายุ เพศ ความพิการ หรือสีผิว ถ้าเราต้องการ"

        "ฉันคิดว่าแมตส์โชคดีที่ได้อยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยีเช่นนี้...ในสตาร์ไลต์เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญ ถ้าเขาเกิดเร็วขึ้น 15 ปี เขาจะไม่ได้พบกับชุมชนในโลกออนไลน์แบบนี้"

        ราว 6 เดือนก่อนจะเสียชีวิต แมตส์หายไปจากเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ 10 วัน เพื่อน ๆ ต่างสงสัยว่าเขาหายไปไหน

        "10 วันถือว่านานมากที่หายไปจากการออนไลน์ เพราะแมตส์อยู่ที่นั่นเป็นประจำเวลาที่คุณต้องการคนเล่นหรือคุยด้วย" แอนน์บอก

        พอแมตส์กลับมา เพื่อน ๆ ก็ได้รู้ว่าเขาเข้าโรงพยาบาล แอนน์จึงตัดสินใจจะบอกเขาถึงสิ่งที่เธอได้ครุ่นคิดมาสักพัก

        เธอเขียนไปในแชตว่า "แมตส์เธอต้องให้ใครสักคนติดต่อกับพวกเราหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เพื่อที่พวกเราจะได้รู้ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถส่งข้อความหาเราได้ด้วยตัวเอง"

        "เธอสำคัญสำหรับพวกเรา" แอนน์เขียน

        แมตส์ตอบกลับว่า "คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้ว่าผมนั่งอยู่บนวีลแชร์"

        "ฉันบอกเขาว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น" แอนน์กล่าว "ฉันบอกว่า 'เธอสำคัญสำหรับกลุ่มเรา เธอเป็นผู้รับฟังที่ยอดเยี่ยม เธอคือหนึ่งในคนที่ช่วยดึงคนในกลุ่มขึ้นมา'"

        แมตส์เงียบไปสักพัก กว่าที่จะโพสต์อีกครั้ง

        "ฉันเข้าใจตอนนั้นว่า เขาเก็บสิ่งที่ฉันพูดไปคิดอย่างจริงจัง"

        วันที่ 18 พฤศจิกายน แมตส์ได้จากโลกไป

        เขาป่วยหนัก และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอช่วยให้อาการเขาคงที่และบอกว่า อาจให้เขากลับบ้านได้ แต่ในเวลาต่อมาครอบครัวของแมตส์ก็ได้รับแจ้งให้รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

        "เขาอยู่ชั้น 4 ที่สุดโถงทางเดิน ทุกวินาทีมีค่ามาก และโถงทางเดินก็ยาวเหลือเกิน" โรเบิร์ตกล่าว

พวกเขามาช้าไป

        ภาพที่โรเบิร์ตถ่ายรูปลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงเผยให้เห็นเด็กหนุ่มผิวซีดกับผมหยิกสีเข้ม เขามีดวงตาที่สวยเหมือนภาพวาด จมูกที่สง่างาม และปากที่มีรอยของหน้ากากช่วยหายใจที่เขาสวมใส่มานาน เขาดูเหมือนกำลังหลับ

        เมื่อหลายปีก่อน ลิเซตต์ เคยวาดภาพให้แมตส์ เป็นภาพอิบีลินโอบกอดรูเมอร์ โดยที่ทั้งสองมีผ้าพันคอปิดบังปากและจมูกเอาไว้

        โรเบิร์ตเล่าว่า "แมตส์ได้รับภาพนี้ทางไปรษณีย์...ตอนนี้มันแขวนอยู่ที่ผนังบ้านเรา"

        วันหลังจากแมตส์เสียชีวิต ทั้งครอบครัวอยู่ที่บ้าน

        "กริ่งประตูดัง มีคนส่งดอกไม้มาให้ และเพื่อนบ้านมาเยี่ยม...พวกเราร้องไห้" โรเบิร์ตเล่า

        โรเบิร์ตพยายามคิดว่า มีใครบ้างที่เขาต้องบอกเรื่องการตายของแมตส์ เขานึงถึงพวกเกมเมอร์ และสงสัยว่าเขาจะติดต่อคนกลุ่มนี้อย่างไร

        "ก่อนแมตส์จะเสีย ผมไม่ได้คิดว่าผมจะต้องมีพาสเวิร์ดของเขา"

        แต่ตอนนี้เขาต้องการมัน

        "ตอนนั้นผมนึกถึงบล็อกของเขา" โรเบิร์ตกล่าว

        อันที่จริง แมตส์ได้ให้พาสเวิร์ดสำหรับเข้าบล็อกไว้กับพ่อ เพื่อให้พ่อได้ตรวจดูสถิติต่าง ๆ ของบล็อกที่แมตส์โพสต์

        โรเบิร์ต ตัดสินใจโพสต์บล็อกแจ้งข่าวร้ายที่เกิดขึ้น และที่ท้ายบล็อก เขาได้ให้อีเมลสำหรับใครก็ตามที่อยากติดต่อกับเขา

        "ผมเขียนและร้องไห้ไปด้วย แล้วก็กดพับลิช ผมไม่รู้ว่าจะมีคนตอบไหม...จากนั้นอีเมลฉบับแรกก็มาถึง เป็นข้อความแสดงความเสียใจจากหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสตาร์ไลต์"

         คำบรรยายภาพ -- โรเบิร์ต ตัดสินใจโพสต์บล็อกแจ้งข่าวร้ายที่เกิดขึ้นให้เพื่อนในโลกเกมออนไลน์ของแมตส์ได้ทราบ

        "ผมอ่านอีเมลออกมาดัง ๆ ว่า 'ฉันเขียนโพสต์นี้ด้วยความเศร้าใจให้แก่ชายที่ฉันไม่เคยพบหน้า แต่รู้จักเป็นอย่างดี' มันทำให้ผมซาบซึ้งใจมาก"

        จากนั้นก็มีข้อความแสดงความเสียใจหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในโลกเกมออนไลน์ของแมตส์

        ข้อความหนึ่งเขียนว่า "เขาอยู่เหนือเส้นแบ่งทางกายภาพ และช่วยแต่งแต้มชีวิตให้กับผู้คนทั่วโลก" ส่วนอีกข้อความมีใจความว่า "การจากไปของแมตส์กระทบกระเทือนจิตใจของฉันมาก ฉันไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ว่า ฉันจะคิดถึงเขาเพียงใด" และอีกคนเขียนว่า "ฉันไม่คิดว่า ใครคนใดคนหนึ่งจะเป็นหัวใจของกลุ่มสตาร์ไลต์ได้ แต่หากมีคนหนึ่ง คนนั้นคงเป็นเขา"

        โรเบิร์ต บอกว่าการจากไปของแมตส์ทำให้เขารู้ว่ามีกลุ่มคนที่รักลูกชายของพวกเขามากมาย "มันมีขนาดใหญ่แบบที่พวกเราไม่เคยคาดคิดมาก่อน อีเมลที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาเป็นเครื่องยืนยันว่า แมตส์มีความสำคัญมากเพียงใด"

        เมื่อกลุ่มสตาร์ไลต์ได้รับทราบข่าวร้าย สมาชิกกลุ่มได้ระดมเงินให้คนที่ไม่มีทุนทรัพย์พอที่จะเดินทางไปร่วมงานศพในนอร์เวย์

        โรเบิร์ตบอกว่า มันทำให้ครอบครัวของเขาซาบซึ้งใจมาก

        "เราได้แต่ร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจที่ได้เห็นว่า ที่จริงแล้วแมตส์มีชีวิตอย่างไร การมีเพื่อนแท้ คนที่รักและใส่ใจมากมายถึงขั้นเดินทางจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานศพคนที่พวกเขาไม่เคยพบหน้า มันคือสิ่งที่ทรงพลังมาก"

        ลิเซตต์ เดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปร่วมพิธีศพ เช่นเดียวกับแอนน์ที่บินไปร่วมงานจากอังกฤษ, ยานีนา จากฟินแลนด์ และริคกี จากเดนมาร์ก

        ไค ไซมอน ซึ่งเป็นชาวกรุงออสโล รับหน้าที่ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัยในฐานะตัวแทนกลุ่มสตาร์ไลต์

        "ในขณะที่เรามาชุมนุมกันที่นี่วันนี้ มีการจุดเทียนให้แมตส์ในชั้นเรียนหนึ่งที่เนเธอร์แลนด์ เทียนถูกจุดขึ้นที่คอลเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ ในห้องสมุดแห่งหนึ่งในสวีเดน มีคนระลึกถึงเขาอยู่ในร้านเสริมสวยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในฟินแลนด์ ในสำนักงานว่าการเมืองในเดนมาร์ก และหลายแห่งในอังกฤษ...ทั่วทั้งยุโรป ยังมีอีกหลายคนที่รำลึกถึงแมตส์ นอกเหนือไปจากผู้ที่มีโอกาสมาที่นี่ในวันนี้"

        "ผมพบแมตส์ในโลกที่มันไม่สำคัญเลยว่า คุณจะเป็นใคร คุณจะมีร่างกายแบบไหน หรือคุณจะหน้าตาแบบใดในความเป็นจริง...หลังคีย์บอร์ด"

        "ที่โลกนั้น สิ่งสำคัญคือคนที่คุณเลือกเป็น และคุณจะวางตัวต่อคนอื่นอย่างไร สิ่งสำคัญคือสิ่งที่อยู่ตรงนี้" ไค ไซมอน วางมือของเขาที่ขมับ "และที่นี่" เขาเอามือทาบไปที่หัวใจ

        ในบล็อกของเขา แมตส์เขียนเกี่ยวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเขานั่งอยู่หน้ามันมากว่าครึ่งชีวิตว่า "มันไม่ใช่หน้าจอ มันคือประตูที่นำไปสู่อะไรก็ตามที่หัวใจคุณปรารถนา"

ข้อมูลและภาพ จาก bbc

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ