"ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม" ฮาไม่ออก ชีวิตตกอับ ไม่มีงานทำ ซึ้งใจ "นุ๊ก สุทธิดา" ยกเป็นผู้มีพระคุณ

LIEKR:

กราบหัวใจ ขอชื่นชมคุณนุ๊ก สุทธิดาเลยค่ะ ปิดทองหลังพระ ถ้าปลาคาร์ฟไม่ออกมาพูดก็ไม่มีใครรู้

    สถานการณ์ปัจจุบัน ทำเอาตลกหน้านิ่ง "ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม" เครียดสุดๆ เพราะงานหด-เงินหายมากว่า 2 ปี ไม่มีเงินใช้ จนสุดท้ายต้องยอม คืนบ้าน-รถไป ก่อนได้ นุ๊ก สุทธิดา ยื่นมือเข้ามาช่วย ซึ้งใจชาตินี้จะไม่ลืมบุญคุณ

    โดยล่าสุด ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม ได้ออกมาเปิดใจในรายการ คุยแซ่บSHOW พร้อมเล่าชีวิตวันนี้ได้รับผลกระทบหนักมา มากว่า 2 ปีเต็ม ก็เข้าใจคนที่เดือดร้อน 

 

Sponsored Ad

 

    "ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ผมว่าโดนกันทุกคน แต่ใครจะหนักมากกว่ากัน ใครมีทุนเยอะก็อยู่ได้นานหน่อย คือเราก็สู้มาตั้งแต่คาเฟ่ปิดมาได้ 10 ปี ตอนนั้นเราไม่มีงานคาเฟ่ เราก็ยังมีงานที่ต่างจังหวัดเดือนหนึ่งก็ 2-3 งาน มีงานขายเครื่องดนตรีไทย เราก็เป็นเหมือนนายหน้ารับเครื่องดนตรีมาขายต่ออีกที 

    แต่หลังๆ เลิกทำแล้ว เพราะร้านทำเครื่องดนตรีเขาก็ทำขายเองฝ่านเฟซบุ๊ก คนก็ไปซื้อสายตรงกับในเฟซบุ๊กเลย เพราะได้ราคาถูกกว่าและก็รับงานทำขวัญนาค จนปี 2562 งานก็เริ่มซา ผมก็พยายามกัดฟันสู้ผ่อนบ้านผ่อนรถ 

 

Sponsored Ad

 

    จนมาระยะหลังๆ เงินเราเริ่มร่อยหรอ ขายของก็ไม่ค่อยได้ งานตลกก็ไม่มี วันหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังมาหนึ่งสายปรากฏว่าเขาโทรมาแจ้งว่าเราค้างค่ารถ 2 งวด หลังจากนั้นคุณแจ๊ค ธนพล ก็โทรมาชวนไปอยู่วงดนตรีช่วงปลายปี 2562 เพราะเขาทำวงมีนักดนตรีไปพร้อมเลย ในทีมมี 12 คน ก็รับงานกัน 

    ปรากฏว่าวิกฤตมา งานที่รับไว้ก็หยุด พอเข้าระลอก 2 ระลอก 3 มา งานก็หยุดนิ่ง แต่เรายังมีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถ เราก็ไม่ไหว เราก็เลยต้องคืนเขาตอนนี้ก็ไม่มีทั้งบ้าน ทั้งรถ

 

Sponsored Ad

 

    ซึ้งใจวันนั้นที่มีนักข่าวติดต่อเข้ามาในวันที่ชีวิตไม่เหลืออะไรว่าขอคุยได้ไหมผมก็ตกลง พอเขามาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเรา เขาก็ถามก็คุยกันเรื่องชีวิตตอนนี้ เราก็พูดเรื่องจริง เรื่องบ้านเรื่องรถตั้งแต่คาเฟ่ปิดจนปัจจุบันเรื่องรถที่เราต้องคืนเพราะเราไม่ไหว คือเราก็พูดความจริง เราไม่ได้คิดอะไร เพราะเราจากบ้านมาเราก็มาแต่ตัว แล้วเราไม่คิดว่าเขาจะเอาสิ่งที่เราพูดไปเขียนเป็นข่าว มันก็เลยเป็นกระแสขึ้นมา ถามว่าเราโกรธไหมที่เขาเอาไปเขียนเป็นข่าว ไม่โกรธเลยเพราะเราพูดเรื่องจริง

 

Sponsored Ad

 

 โชคดีมีดาราที่เราไม่เคยร่วมงานกับเขาเลย เขาโทรมาเป็นคนแรกบอกว่า พี่นี่นุ๊กนะ (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) เขาก็ถามว่าเราเป็นอย่างไร เขาบอกว่าอยากช่วย คือเขาบอกเราว่าเราเป็นตลกที่เขาชื่นชอบเรา อยากช่วยเรา

 

Sponsored Ad

 

    ทั้งนี้พิธีกรก็ได้โทรต่อสายตรงคุยกับนุ๊ก สุทธิดา สาวนุ๊กก็ได้เปิดใจว่านุ๊กได้ช่วยทุกคนที่ลำบาก เห็นใจปลาคาร์ฟเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นคนที่เราชื่นชอบ นุ๊กเห็นความเป็นนักสู้ของเขาเวลาเห็นสัมภาษณ์ เราเห็นว่าเขามีทั้งความเป็นนักสู้ มีความสมถะ และมีศักดิ์ศรี 

    ซึ่งตอนที่นุ๊กโทรไป นุ๊กคิดนานเหมือนกันว่าเราจะพูดอย่างไร เพราะค่อนข้างลำบากใจกับการที่จะคุยกับเขา เพราะเราเห็นความเป็นนักสู้ ความมีศักดิ์ศรีของเขา แล้วเขาก็พูดทิ้งท้ายว่าเขาไม่ได้รับบริจาค เราก็ต้องคิดว่าเราจะพูดอย่างไรให้เขารู้สึกดี

 

Sponsored Ad

 

    เราก็ช่วยเกือบทุกคนที่ออกมา แต่เรามองว่าเป็นเงินเล็กน้อย ไม่ต้องออกสื่ออะไร แต่ชีวิตก็ต้องสู้กันต่อไป นุ๊กเห็นพี่ปลาคาร์ฟแล้วนุ๊กรู้สึกเห็นตัวเอง นุ๊กรู้ว่าพี่ปลาคาร์ฟก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง อย่างทุกวันนี้ที่เรามีกินมีใช้ก็เพราะเราหาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าบางครั้งเราอาจจะมีเหนื่อยบ้างอะไรบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตของคนเรา

Sponsored Ad

    นอกจากนี้ ปลาคาร์ฟ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า "คนที่ช่วยเราตอนที่เราลำบาก เราก็จะจดจำไปชั่วชีวิต ซึ่งไม่ได้มีแค่น้องนุ๊กคนเดียว แต่ยังมีเพื่อน ๆ ที่เป็นห่วงเราก็ต้องขอบคุณน้องนุ๊กตรงนี้ ถ้าชีวิตผมร่ำรวยเมื่อไหร่ผมจะไปคารวะถึงบ้านเลย"

    ทุกวันนี้ปลาคาร์ฟ เผยว่าตนนั้นไปขออาศัยพี่สาวแถวบางบัวทอง พี่สาวเขาติดป้ายขายบ้านแล้วไปกลับไปอยู่ต่างจังหวัด เขาปิดป้ายขายบ้านเป็นปีก็ไม่มีใครมาซื้อ เพราะว่าไม่มีกำลัง ไม่มีตังค์ เขาก็เลยให้เราไปอยู่บ้านเขาก่อน อยู่ฟรีเราก็จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟปกติ แต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่มีรายรับ เรามีแต่รายจ่าย เราก็รับสภาพไม่ไหว ผมก็ตั้งใจจะสู้แค่สิ้นปีนี้ ถ้าสิ้นปีนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น ผมก็จะกลับบ้าน ที่ลพบุรีแล้ว

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : คุยแซ่บShow

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ