ย้อนบทสัมภาษณ์ "ผู้บริหารดารุมะ ซูชิ" กำไรปีละล้าน คติประจำใจคือ เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า

    นับเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยตอนนี้ หลังจากการปิดแฟรนไชส์และหายตัวแบบล่องหนของร้าน ดารุมะ ซูชิ ร้านซูชิชื่อดังที่ก่อนปิดไป ได้ขายวอยเชอร์ 199 บาท และพบว่ามีความเสียหาย คาดรวมประมาณการที่ 100 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด นั้นพบว่าข้อมูลงบต่างๆ มีดังนี้

    ปี 2562 รายได้รวม 39,004,873.87 บาท

    - ต้นทุนขาย 24,522,467.61 บาท

    - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 13,005,074.29 บาท

    - รายจ่ายรวม 37,527,541.90 บาท

    - กำไรสุทธิ 1,004,376.11 บาท

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

    ปี 2563 รายได้รวม 43,762,122.18 บาท

    - ต้นทุนขาย 26,104,361.31 บาท

    - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 15,110,147.93 บาท

    - รายจ่ายรวม 41,214,509.24 บาท

    - กำไรสุทธิ 1,778,984.00 บาท

    ปี 2564 รายได้รวม 39,004,873.87 บาท

    - ต้นทุนขาย 24,522,467.61 บาท

    - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 13,005,074.29 บาท

    - รายจ่ายรวม 37,527,541.90 บาท

    - กำไรสุทธิ 1,004,376.11 บาท

    ทั้งนี้ จะพบว่าร้านแห่งนี้มีกำไรทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ล้านบาท แต่ในปี 2563 มาถึงปี 2564 กำไรของร้านลดลงไปกว่า 43% อย่างไรก็ตาม คาดว่ามีคนซื้อวอยเชอร์ของร้านไปแล้วกว่า 2 แสนใบ โดยบางคนถือวอยเชอร์นับสิบใบ ในขณะที่จำนวนที่มากที่สุดคือ 2,628 ใบ เพื่อนำไปขายต่อ

    ในขณะเดียวกัน ได้มีการขุดบทสัมภาษณ์ คุณบอลนี่ อดีตผู้บริหารของดารุมะ เคยออกมาเผยถึงเคล็ดลับความสำเร็จและการพาร้านฝ่าวิกฤตว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่ที่ออสเตรเลียและเคยทำร้านอาหารไทย เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงอยากทำร้านอาหารของตัวเอง จึงเริ่มจับธุรกิจอาหารญี่ปุ่น ซึ่งช่วงแรกก็ทำเป็นเมนู A la carte แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นบุฟเฟ่ต์

    ทั้งนี้ คุณบอลนี่บอกว่า ตอนนี้ตนมีทั้งหมด 20 สาขา ตั้งใจจะขยายสาขาปีละ 10 สาขา ซึ่งหลักการดำเนินธุรกิจคือ เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า ขายของมีคุณภาพ จับต้องได้ สะอาด เช่นช่วงนั้นมีการฮิตเมนูแซลม่อนดอง คุณบอลนี่ก็เอาเมนูนี้ใส่เข้าไปด้วย แต่ลูกค้าที่มาทานไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

    สโลแกนของร้านคือ กินไม่อั้น ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม และทางร้านนำเข้าวัตถุดิบเอง ทำให้ราคาไม่แพง และมีซัพพลายเออร์ของตัวเอง ทางร้านก็ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ สมัยก่อนคนไม่รู้จัก ก็ไม่เอาของมาขายให้ แต่ทุกวันนี้ มีคนยื่นข้อเสนอขายของให้ทุกวัน

ที่มา : hisogossip, เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว