กว่าจะมีวันนี้ "บิ๊กแป๊ะ-ดร.บุษบา" จากไม่ชอบหน้ากัน สู่คู่แท้ หลังแต่งต้องเก็บความลับ!

LIEKR:

กว่าจะมีวันนี้ "บิ๊กแป๊ะ-ดร.บุษบา" จากไม่ชอบหน้ากัน สู่คู่แท้ หลังแต่งยังต้องเก็บความลับ!

        ชีวิตของภรรยานายตำรวจระดับสูง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้หญิงที่ต้องทำงานไปด้วย ดูแลครอบครัวไปด้วย แต่คุณจุ๋มก็ไม่หวั่นและยังคงรักษาหน้าที่ ‘หลังบ้าน’ ได้อย่างไร้ที่ติ

        “ดิฉันไปเรียนปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์(Public Affair) ที่ Kentucky State University ซึ่งท่านผบ.เรียนอยู่แล้ว เป็นรุ่นพี่เทอมนึง ท่านก็มาจีบ จะเรียกว่าจีบรึเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เข้ามาแบบจ๊ะจ๋านะคะ เขาจะพูดจากระโชกโฮกฮากตอนนั้นไม่ชอบหน้าเขามากๆ แต่เขาก็มาขอกินข้าวบ้านบ้าง เจอกันที่มหาวิทยาลัยบ้าง ให้เราช่วยทำการบ้านให้บ้าง เราก็ช่วยไม่มากหรอกเพราะเขามีฝรั่งช่วย ท่านผบ.เอาตัวรอดเก่ง มีสาวฝรั่งคอยช่วยเยอะแยะ” ประโยคหลังคุณจุ๋มกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

        ท่านผบ.ตร.เรียนจบกลับเมืองไทยก่อนคุณจุ๋ม แม้จะไม่ได้มีสัญญาอะไรกันแต่ก็รู้กันว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน “เราเองไม่เคยมีแฟน ไม่ใช่ไม่มีคนมาจีบแต่เพราะเราไม่ชอบและก็ตั้งใจว่าถ้ามีแฟน คนนั้นก็คือคนที่เราจะแต่งงานด้วย ท่านอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผบ.ตร.ซึ่งท่านผบ.เคยเป็นนายเวร ท่านเล่าให้ฟังว่า แป๊ะเอาของฝากไปให้คุณแม่ที่บ้านถึงรู้ว่าครอบครัวของดิฉันเป็นเจ้าของโรงเรียน ส่วนเราเองก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนมียศมีตำแหน่งอะไรเพราะเราไม่เคยรู้จักทหาร ตำรวจ ออกจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ รู้จักตำรวจอย่างเดียวคือตำรวจตระเวนชายแดนเพราะเคยดูหนังสมัยเด็กๆ จำได้ว่าสรพงษ์ ชาตรีแสดง แต่ไม่เคยรู้เรื่องยศตำแหน่งอะไร ให้เรียกก็เรียกไม่ถูกอีกอย่างตอนอยู่อเมริกาก็เป็นนักเรียนเหมือนกันเท่าเทียมกัน อะไรที่ดูเป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่าง มียศศักดิ์ อะไรแบบนี้เราไม่ชอบ คิดแค่ว่าที่เขาไม่มาจ๊ะจ๋าก็น่าจะจริงใจกับเราอีกอย่างเขาเป็นคนที่มีน้ำใจ หลังจากดิฉันเรียนจบกลับเมืองไทยทำงานอยู่สักปีนึงก็แต่งงานค่ะ”

        ทุกวันนี้ชีวิตคู่ของทั้งสองท่านดำเนินไปอย่างราบเรียบอาจมีคลื่นลมบ้าง แต่โดยรวมแล้วนิ่งสงบ มือปราบอย่างบิ๊กแป๊ะที่มีภาระความรับผิดชอบในงานมากมายจึงต้องให้คุณจุ๋มคู่ชีวิตเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองคุณฮัท- ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา และคุณแฮน-ชัยธัช ชัยจินดา พร้อมกับดูแลบ้านไปด้วย

        “บ้านนี้ไม่ค่อยได้ทานข้าวที่บ้านพร้อมหน้ากันเพราะท่านผบ.ตร.เป็นตำรวจนักสืบไม่ได้ทำงานแบบ 8 โมงเช้ากลับบ้าน 5 โมงเย็น ก็เลยไม่มีเวลาแน่นอน ต่างคนต่างทานข้าว มีวันอาทิตย์วันเดียวที่จะได้ทานข้าวด้วยกัน ผบ.ไม่ค่อยคุยเรื่องงานเพราะท่านบอกว่าความลับของตำรวจที่มีโอกาสรั่วมากที่สุดก็คือรั่วจากเมียเพราะฉะนั้นเรื่องคดีต่างๆเขาจะไม่บอก เขาเก็บความลับได้ดีมาก วันที่พม่าแหกคุกเขาก็เป็นคนขับรถเข้าไปแลกกับโจร โดยที่ดิฉันมาทราบข่าวพร้อมคนอื่นเมื่อเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เช้าวันรุ่งขึ้น”

        แล้วท่านเล่าให้ฟังไหมว่าเกิดอะไรขึ้น “ก็มีเล่าบ้างค่ะแต่ไม่หมด บอกว่าไม่อยากให้เราเป็นห่วง ท่านเป็นคนบู๊และทำงานถึงลูกถึงคน ตอนเป็นผู้กำกับก็ทำงานเหมือนเป็นสารวัตร ตอนเป็นผู้การก็ทำงานเหมือนเป็นผู้กำกับ คือลงรายละเอียด พอเป็นผบ.ตร.เวลามีเหตุใหญ่ๆ ท่านก็ไปคุมเอง เพราะท่านบอกว่าตำรวจรุ่นใหม่ไม่มีประสบการณ์ท่านจึงไปด้วยตัวเองเพื่อจะได้สอนวิธีคิดวิธีสืบสวนให้กับตำรวจรุ่นน้อง”

        ขณะนี้เองที่ท่านผบ.ตร.เดินมาสมทบ เราจึงยิงคำถามใส่ท่านทันทีเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นตำรวจ ท่านยิ้มและตอบอย่างเป็นกันเองว่า “ศิษย์เก่าวชิราวุธโดยมากจบมาเป็นคนในเครื่องแบบก็มาก แต่ความจริงผมอยากเป็นทหารมากกว่านะ เคยสอบเตรียมทหารตอนม.6 แต่สอบได้แค่วิชาเดียว เพื่อนชวนโดดก็ไปตามเพื่อน ผมเอ็นทรานซ์ติดครุศาสตร์ จุฬาฯด้วยนะ ซึ่งคะแนนต่ำสุด 

        ด้วยความที่ผมเป็นนักรักบี้ ผมอยากไปเรียนจุฬาฯเพราะอยากไปเล่นรักบี้ประเพณีอย่างเดียวแต่เผอิญสอบได้ตำรวจก่อน ผมเลยเลือกเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้วก็ไปต่อปริญญาโทที่เคนตัคกี้ ผมไปเรียนที่นั่นเพราะพี่ๆเขาเรียนอยู่แล้วเขาช่วยตามใบสมัครให้ก็เลยตอบเร็วกว่าที่อื่นทำให้ผมตัดสินใจเรียนก็เลยได้เจอคุณจุ๋มที่นั่น” จบประโยคหลังท่านผบ.ตร.ก็หันไปสบตาซึ้งกับศรีภรรยาและจนบัดนี้ท่านยังย้ำอย่างหนักแน่นอีกว่า “เราเลือกคู่ถูกคนแล้ว”

        บิ๊กแป๊ะบอกกับเราว่าสไตล์การทำงานแบบถึงลูกถึงคนของท่านนั้นอาศัยความมีใจสู้ การทำงานอะไรต้องมีปัญหาหรืออุปสรรครอท่าอยู่แล้ว แต่ท่านคิดว่า “ปัญหามีไว้แก้ไม่ได้มีไว้กลุ้ม ปัญหาทุกปัญหามีทางออก ไม่ใช่ทางออกทุกทางมีปัญหา ปัญหาก็เหมือนโจทย์ ไม่ว่าโจทย์ง่ายหรือโจทย์ยากก็พยายามตอบ ตอบผิดตอบถูกคือประสบการณ์ แก้ไปถูกบ้างผิดบ้าง ถูกก็ดี ผิดก็ถูกเหมือนกัน...ถูกตำหนิ ผมคิดแค่นั้น เมื่อไรที่แก้ปัญหาได้เราภูมิใจ นั่นคือสิ่งที่ผมทำตลอดเวลาที่รับราชการ ทำให้ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ เมื่อไว้วางใจท่านก็จะมอบงานสำคัญๆให้ และนั่นคือผลงานของเรา หลักคิดมีแค่นี้เอง”

.

.

ข้อมูลและภาพจาก hellomagazine