ยลโฉม "เจ้าหญิง-ราชนิกูลอินดี้" ผู้ไม่ขอทำตามกฎ ขอเลือกเส้นทางชีวิต ด้วยพระองค์เอง

  • 2020-11-12 18:04

LIEKR:

ยลโฉม "เจ้าหญิง-ราชนิกูลอินดี้" ผู้ไม่ขอทำตามกฎ ขอเลือกเส้นทางชีวิต ด้วยพระองค์เอง

    ในตัวผู้หญิงนอกเหนือจากความเก่ง ความสามารถ และสติปัญญาแล้ว ต้องยอมรับเลยว่ารูปร่างหน้าตาเนี่ยแหละ คือภาพลักษณ์ภายนอกด่านแรกที่ผู้คนให้สำคัญมากที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ยังมีคนที่เพียบพร้อมไปหมดทุกด้านทั้งชาติตระกูล ยศถาบรรดาศักดิ์ เฉกเช่นเจ้าหญิงผู้เลอโฉมและราชนิกูลเหล่านี้ต้องโตขึ้นมาพร้อมกับประเพณีที่เข้มงวด ความคาดหวัง และกฎระเบียบของราชวงศ์ที่เคร่งครัด ราชนิกูลหลายพระองค์ทำได้ แต่ก็มีองค์หญิงผู้เลือกเส้นทางการใช้ชีวิตของตัวเอง  ขอฝ่ากฎระเบียบของราชวงศ์ที่มีมาอย่างช้านาน เลือกดำเนินชีวิตที่ตัวเองอยากจะทำ 

เริ่มจากเจ้าหญิง ไดอานา แห่งเวลล์ 

    ตั้งแต่การแต่งกายผิดกฎระเบียบ การห้ามจุมพิตในที่สาธารณะ ซึ่งข้อนี้เราได้เห็นอีกครั้งในคู่ของ เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ไปจนถึงการสวมกอดผู้ป่วยโรคเอดส์ เจ้าหญิงไดอานาได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า พระองค์จะไม่ปล่อยให้พระอิสรยศ มากำหนดชีวิตของตัวเอง

    บ่อยครั้งที่เจ้าหญิงไดอานาถูกมองข้ามคือ บทบาทการเป็น “People’s Princess” (เจ้าหญิงของประชาชน) อย่างช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งปัจจุบันยังเป็นโครงการที่เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ทรงภาคภูมิใจ และยังทรงดำเนินงานต่อจากพระมารดา

เจ้าหญิงไดอานา ขณะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โครงการ Centrepoint (ช่วยเหลือคนไร้บ้าน)

.

    เจ้าหญิงไดอานาทรงท้าทายกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของราชวงศ์ที่ว่า “never complain, never explain” (ไม่เคยบ่นและไม่เคยมีคำอธิบาย ) โดยพระองค์ทรงเลือกที่จะพูดกับสื่อ เกี่ยวกับการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดและโรคบูลิเมีย ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ

    เจ้าหญิงองค์ต่อมา คือเจ้าหญิงมาโกะ แห่งอากิชิโนะ ตามกฎของราชวงศ์ญี่ปุ่นนั้น หากสมาชิกหญิงองค์ใดแต่งงานกับชายซึ่งเป็นสามัญชน เธอผู้นั้นจะต้องทิ้งพระยศเพื่อไปใช้ชีวิตเยี่ยงประชาชน แน่นอนว่าเรื่องนี้แทบไม่ใช่เรื่องแปลก และเห็นได้บ่อยครั้งในราชวงศ์ญี่ปุ่นที่เหล่าบรรดาเจ้าหญิงยอมทิ้งพระยศเพื่อความรัก

    หลายพระองค์ทรงแต่งงาน กลายเป็นสตรีสามัญชน และมีครอบครัวที่ราบรื่น แต่ในขณะเดียวกันก็มีเจ้าหญิงที่ชีวิตรักของพระองค์นั้นยังไม่สมบูรณ์เสียที ดังเช่นกรณีของเจ้าหญิงมาโกะ แห่งอากาชิโนะ ที่งานเสกสมรสของพระองค์ถูกเลื่อนมานานถึง 2 ปี นับตั้งแต่ที่เจ้าหญิงมาโกะทรงประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่า พระองค์ทรงหมั้นหมายแล้วกับ นายเค โคมูโระ เมื่อปี 2017

    ทั้งนี้ในงานแถลงข่าวเจ้าหญิงมาโกะทรงตรัสว่า “ฉันรู้มาตลอดว่าผลของการตัดสินใจของฉันจะเป็นอย่างไร ดังนั้นฉันจึงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ ในขณะที่ฉันยังทำได้”

เจ้าหญิงเอสเธอร์ แห่งบุรุนดี ผู้เข้าร่วมการเมือง

    โดยปกติแล้วราชวงศ์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่สำหรับ เจ้าหญิงเอสเธอร์ แห่งบุรุนดี กลับคิดว่า “Roll up my sleeves ” (การเตรียมรับมือกับงานหนัก หรือสิ่งที่เกิดขึ้น) และการมีส่วนร่วมในการเมืองเป็นวิธีเดียวที่เธอจะคืนความสงบสุขให้กับชาติของเธอได้

    หลังจากใช้เวลาลี้ภัยในฝรั่งเศส เพราะพระบิดา และพระปิตุลา (ลุง) ของเธอถูกลอบสังหารในปี 1970 นับจากนั้นเป็นต้นมา เจ้าหญิงเอสเธอร์ก็ได้ดำรงชีพในฝรั่งเศสเรื่อยมา และยังได้กลายเป็นนางแบบผิวดำคนแรกของฝรั่งเศส ก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้านเกิดและลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    แม้ว่าการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ของเธอจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เจ้าหญิงเอสเธอร์ก็ได้แสดงให้คนรุ่นใหม่เห็น โดยเฉพาะกับสตรีในประเทศว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

    เจ้าหญิงมารี-แชนทัล แคลร์ มกุฎราชกุมารีแห่งกรีก และ เดนมาร์ก แม้ว่าราชวงศ์กรีกจะถูกล้มล้างไปเป็นที่เรียบร้อย แต่สมาชิกทุกพระองค์ในราชวงศ์ก็ยังคงมีสิทธิ์ดำรงพระอิสริยยศแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กและกรีกเหมือนเช่นเคย 

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ทุกพระองค์ก็ไม่ได้เคร่งครัดในกฎระเบียบมากนัก ดังเช่น เจ้าหญิงมารี-แชนทัล แคลร์ ที่ไม่รังเกียจหากเพื่อนๆ ของลูกๆ จะเรียกเธอด้วยชื่อย่อว่า “ MC” และในขณะเดียวกันเจ้าหญิงมารียังเป็นคุณแม่สุดเท่ที่เราสามารถพบเห็นเธอได้บ่อยครั้งในงานปาร์ตี้กับลูกๆ อย่างเจ้าหญิงมาเรีย-โอลิมเปียที่ค่อนข้างจะแหกกฎความเป็นเจ้าหญิงเกือบทุกข้อเช่นกัน

.

.

.

    เจ้าหญิงเคียชา แห่งไนจีเรีย หลายคนคงทราบกันดีว่า เจ้าหญิงเคียชา เคยเป็นสามัญชน และประกอบอาชีพนางแบบมาก่อน แม้เจ้าหญิงเคียชาจะทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย Kunle แห่งไนจีเรีย และกลายเป็นราชนิกูล

    หลายคนอาจคิดว่าเธอต้องละทิ้งอาชีพนางแบบ และมุ่งทำงานเพื่อราชวงศ์อย่างเดียวแน่นอน แต่ด้วยใจรักในอาชีพ และตั้งมั่นอยู่เสมอว่า “สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงจะต้องมีคือ ความมั่งคั่งอย่างอิสระ และมีความสุขอย่างอิสระ แม้ว่าพวกเธอจะตัดสินใจแต่งงานกับคนในฝัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนชีวิตของพวกเธอเองก็ตาม” นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงเคียชาจึงยังคงเป็นนางแบบ 

    รวมถึงประกอบธุรกิจส่วนตัว และที่สำคัญเธอยังได้โปรโมตแฮชแท็ก #TheWorkingPrincess ซึ่งบ่งบอกความเป็นตัวเองว่า ถึงแม้ฉันจะเป็นเจ้าหญิง แต่ก็เป็นเจ้าหญิงที่ยังคงทำงานต่อไป

    ใช่ว่าจะมีเพียงเจ้าหญิงเพียง 5 พระองค์เท่านั้นที่แหกกฎราชวงศ์ แต่ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป กฎบางข้อก็ได้ผ่อนคลาย และถูกยกเลิกไปก็มี สมาชิกราชวงศ์รุ่นใหม่ต่างปรับตัว และได้ฝ่าฝืนกฎในบางครั้งอย่างเช่น การกอด สัมผัสมือ และจุมพิตในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ห้ามสมาชิกราชวงศ์อังกฤษทำเด็ดขาด แต่หลังๆ นี้เราก็ได้เห็นบ่อยขึ้น หรือกฎที่ว่าห้ามเสด็จพระราชดำเนินทั้งครอบครัวก็พบเห็นได้จากครอบครัวของเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคท ซึ่งทรงฝ่าฝืนกฎนี้เช่นกัน

.

.

ที่มา : scmp