ไต้หวันถือเป็นอีกเมืองที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา เราจะเห็นข่าวอยู่บ่อยๆ ว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจะช่วยกันบริจาคเงินกันอย่างล้มหลาม มีน้ำใจเหมือนคนไทย

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีเจ้าของร้านอาหารเจแห่งหนึ่งใน ว่านหัว เขตไทเป พวกเขาเปิดกิจการมาได้ 30 กว่าปีแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาจะพูดถึงก็คือ ความมีน้ำใจของเจ้าของร้านที่ทำความดีมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยจะพยายามตอบแทนสังคมด้วยการช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ด้วยการบริจาคอาหาร 2,000 กล่องทุกเดือนให้กับคนยากไร้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ

    และเพราะเหตุนี้ทำให้เขาถูกพูดถึงตลอดเวลา ว่าเป็นผู้มีน้ำใจ จนสื่อท้องถิ่นต้องเข้าไปหานายเจิ้งเพื่อขอสัมภาษณ์ นายเจิ้งบอกว่า กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย ต้องเก็บออมและทำงานหนักขายของเตรียมของทั้งแต่เช้ามืด เขาก็รู้สึกขอบคุณสังคมที่มาอุดหนุนเขา และทำให้ร้านของเขาเป็นที่รู้จักและอยู่รอดมาได้กว่า 30 ปี จึงอยากตอบแทนสังคม ด้วยการนำอาหารไปให้พี่น้องที่อยู่ใกล้บริเวณวัดหลงซานซื่อ 

    นายเจิ้งบอกว่า เขาจะวางกล่องไว้ตรงหน้าร้าน และเขียนป้ายว่า “กล่องร่วมบริจาคข้าวกล่อง”

    นายเจิ้งยังเปิดเผยว่า เขาจะบริจาคอาหารเดือนละ 2,000 กล่อง ปีหนึ่งก็ตก 24,000 กล่อง เขาทำแบบนี้มาก 3 ปี แล้ว ตอนนี้ทางร้านก็สามารถหาทีมงานได้ 7 คนแล้วในการช่วยเหลือแจกอาหาร แต่นายเจิ้งได้เน้นย้ำว่า “เขาไม่อยากให้ผู้คนใช้ความมีน้ำใจของเขาอย่างฟุ่มเฟือย และเขาเองก็ไม่ได้ส่งอาหารให้คนไปเรื่อยเปือย ทุกคนที่เขาจะบริจาคให้ต้องผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าสมควรที่จะได้รับการช่วยเหลือจริง จึงจะแจกอาหารไปให้”

    แต่อย่างว่า การทำดีใช่ว่าทุกคนจะเห็นดีด้วย แม้ว่านายเจิ้งจะพยายามทำดีแค่ไหน แต่ก็ยังถูกบางคนพูดในทางที่ไม่ดีว่า

    “บางคนสมควรแล้วหรอที่จะไปช่วยเหลือ”

    “ทำไมต้องไปช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสทางสังคมด้วย”

     จนนายเจิ้งต้องออกมาเปิดเผยในเพจเฟซบุ๊กของทางร้านว่า “พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ณ เวลานี้ พวกเราก็หวังเพียงว่า คนเหล่านั้นจะสามารถลุกขึ้นยืนด้วยขาของตนเองได้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อคนเหล่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือ วันหนึ่งเมื่อเขายืนได้ด้วยตนเองแล้ว ก็จะนึกถึงสิ่งดีดี น้ำใจที่เคยได้รับ จากนั้นก็จะไปช่วยเหลือคนอื่นต่อไป”

.

    หลายคนสงสัยว่า แล้วเงินที่ได้ไปจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้อื่นจริงๆ นายเจิ้งบอกว่า “เขาจะทำบัญชีทุกเดือน และปิดไว้ที่บอร์ดภายในร้านอย่างเปิดเผย เพื่อให้คนที่ร่วมบริจาคสามารถรับรู้ได้ว่า เขาเอาเงินเหล่านั้นไปใช้อะไรบ้าง และแจกอาหารไปที่ใดบ้างในแต่ละเดือน”

    สุดท้ายภรรยาของนายเจิ้งก็ออกมาขอบคุณสังคมที่ร่วมกันทำความดีช่วยเหลือคนด้อยโอกาสทางสังคมด้วยกัน “คนที่มีเงินก็ออกเงิน คนที่มีแรงก็ร่วมด้วยช่วยออกแรง เพื่อให้สังคมนี้อบอุ่นและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : itishealthtime | เรียบเรียงโดย Liekr