"ม้า อรนภา" เปิดใจครั้งแรก เล่าชีวิต 2 ปีครึ่งที่หายไปจากวงการ นาทีที่รู้ว่าตัวเองตกงาน

LIEKR:

#ม้าอรนภา เปิดหมดเปลือกชีวิต 2 ปีครึ่งที่หายไปจากวงการ

    หลังจากเกิดกระแสดราม่าเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ก็ทำให้ "ม้า อรนภา" ประกาศยุติบทบาทพิธีกรทุกรายการและหายหน้าจากหน้าจอไปเลยตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่ยุติบทบาทในวงการบันเทิง เจ้าตัวก็ได้ผันไปเป็นแม่ค้าขายห่อหมกเต็มตัว ซึ่งเรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีแฟนคลับและเหล่าคนในวงการบันเทิงไปอุดหนุนเป็นประจำ เช่น ณเดชน์ คูกิมิยะ พุ่งตรงไปอุดหนุน แถมยังซื้อไปฝากแม่ด้วยตัวเอง


 

Sponsored Ad

 

    ล่าสุด "ม้า อรนภา" ก็ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม ทางช่องเวิร์คพอยท์ โดยเล่าถึงเล่าทุกเหตุการณ์วิกฤตในชีวิต ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา หลังจากเจ้าตัวหายหน้าไปจากหน้าจอทีวี

    สำหรับคลิปที่ ณเดชน์ มาอุดหนุนห่อหมกของตนจนกลายเป็นไวรัลดังในโลกออนไลน์ ม้าเผยว่า เหตุการณ์วันนั้นจริง ๆ ไม่รู้หรอก แต่ว่าช่างผมเขาเดินลงมาซื้อห่อหมกเป็นประจำอยู่แล้วเวลาที่เราไปขาย พอซื้อเสร็จก็คุยกัน เขาก็บอกว่าณเดชน์มาตัดผมเพิ่งเสร็จเดี๋ยวโทรให้มาหาดีกว่า หลังจากนั้นณเดชน์ก็เดินมา เราก็ดีใจจัง เพราะ 2 ปีครึ่งหลังจากที่ไม่ได้อยู่ในวงการ ไม่ได้เจอใคร นอกจากใครจะมาหาเรา พอมาถึงณเดชน์เขาก็ถามว่าขายอะไรครับ เขายังไม่รู้เลยว่าฉันขายห่อหมก (หัวเราะ) วันนั้นน้องซื้อไปฝากแม่ด้วย ทั้งหมด 9 ห่อ

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อถูกถามถึง เวลาคนเชิญมาออกรายการทีวี มักจะมีคำถามว่า ไม่กลัวเหรอ กล้าเชิญ "ม้า อรนภา" มาออกรายการ ซึ่งม้าก็เปิดใจว่า ยอมรับว่ากลัว พี่จบในเรื่องของการออกรายการทีวีจากเรื่องพี่โดนทุกอย่างไล่ออกมา ใช้คำนี้แล้วกัน ไล่ออกมาทุกอย่าง จากสาเหตุที่พี่ไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วมีคนแคปไป จนกระทั่งมันมีความรุนแรง กลัวว่าถ้าออกรายการทีวี แล้วรายการจะโดนแบนไหม สปอนเซอร์จะไม่เข้าไหม กลัวตรงนี้ 

 

Sponsored Ad

 

    จากที่งานแน่น มีรายการทั้งหมด 6 รายการ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 จากตี 4 ลากยาวถึงเที่ยงคืนทุกวัน จนจู่ ๆ งานก็หายไปเป็นศูนย์เลย เมื่อถามว่า "ทำใจได้ยังไง" ม้าเผยว่า พี่ทำใจได้มานานแล้วตั้งแต่ในชีวิตของพี่ พี่ไม่ได้ต่อสู้กับอะไรเลย พี่ต้องขอบคุณอานิสงค์จากการปฏิบัติธรรมที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน 

    วันที่พี่ถูกประกาศพี่ก็นั่งอยู่กับแม่นะ นั่งดูโทรทัศน์และก็ประกาศว่าพี่ไม่ได้อยู่ในรายการนี้แล้ว เราสองคนก็นั่งมองหน้ากันเฉย ๆ แล้วก็นิ่ง และก็แอบมองแม่อีกทีว่าแม่เขาจะรู้สึกยังไง แม่ก็เฉยนิ่ง เราไม่มีน้ำตาเลย แม่ไม่เคยให้กำลังใจ เพราะแม่รู้ว่าเราแข็งแรงพอ

 

Sponsored Ad

 

    ถ้าสมมติว่าให้กำลังใจแล้วกอด ซึ่งแม่ไม่เคยทำ แต่ถ้าแม่ทำแบบนี้ในวันนั้น ดิฉันก็คงร้องไห้ เหมือนกับคนอื่นทำ อย่างเช่นหลังจากที่พี่ไปเจอเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในชีวิตต่าง ๆ  พี่ก็ไปท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ เป็นเวลาเดือนนึง ไม่ว่าพี่จะไปที่ไหนมีคนเข้ามาโอบกอดพี่ พูดกับพี่ พี่ร้องไห้ตลอดเวลาเลยนะ แต่วันที่พี่ถูก ไล่ให้ออกไป พี่ไม่ร้องไห้เลย แล้วพี่ก็นิ่งมากเลยนะ 

    หลังจากนั้นก็คิดว่าเราจะทำอะไรต่อดี ฉันไปเที่ยวก่อนแล้วกัน มีเวลาให้ตัวเอง พี่เที่ยวล่องใต้เป็นเดือนๆ เลยนะ พี่ขึ้นเหนือเจอแม่ชีกำลังให้พรอยู่ตรงหน้า พี่แบบว่าน้ำตาไหลพรากไม่หยุด

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อถามว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในครั้งนี้ เรียกได้ว่าหนักที่สุดในชีวิตที่พี่เคยเจอเลยไหม แล้วก้าวผ่านมันมาได้ยังไง ใช้อะไรก้าวผ่านเหตุการณ์นี้มาได้ เจ้าตัวก็เผยว่า อันนี้ยังไม่หนักสุด เคยเจอหนักสุดสมัยเป็นสาว ๆ แต่ถ้าจะเทียบแล้วอันนี้ก็หนัก แต่โชคดีที่เราแต่งใจไว้แล้ว เมื่อก่อนมันยังไม่เคยแต่งใจ ส่วนสิ่งที่ทำให้พี่ก้าวผ่านมันมาได้พี่ใช้ในปัจจุบัน ใช้ธรรมะที่มี ตอนนี้เราตกงานนะ ต้องเข้าใจว่าเราตกงาน ตอนนี้เราไม่มีรายได้ เราเป็นศูนย์ เราต้องอยู่กับความเป็นสัจจะธรรม อย่างหนึ่งที่มันทำให้พี่ไม่เสียใจมากเพราะว่าพี่ไม่ประมาทในชีวิตไง ต่อให้เป็นศูนย์ แต่พี่ยังมีทุกอย่างอยู่ และมีครบด้วย

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนเรื่องข่าวตกอับขายรถ พี่ก็เห็นแล้ว คือเราต้องไม่ประมาทในชีวิต เราต้องเก็บหอมรอมริบ อะไรมันเป็นภาระในชีวิตก็ต้องตัดทิ้ง เรามีรถ 3 คัน มันเยอะไปไหม คือรถ 3 คันรวมถึงบ้าน เราไม่มีหนี้สินเลยนะ ทุกอย่างเป็นของเรา มันเป็นการลดภาระมากกว่า เพื่อนๆ ช่วยเอารถแพงไปซื้อรถธรรมดา มันก็เบาลง ไม่ต้องไปเติมน้ำมันเยอะ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : รายการโต๊ะหนูแหม่ม

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ