LIEKR:
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในหมู่บ้านเถาหยวน เมืองอังคัง มีชายวัย 58 ปีที่ชื่อโลวยวินจง เขาเลี้ยงหมูไว้ในภูเขาตามธรรมชาติ ในภาพเราจะเห็นว่าเขากำลังปูที่นอนให้แม่หมูตัวหนึ่งที่เพิ่งคลอดลูกหมูออกมา 1 คอก ใต้ต้นไม้ นี่คือหมูป่า ฉะนั้นลูกที่ออกมาก็เป็นหมูป่าเช่นกัน สุขภาพร่างกายค่อยข้างแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยใดๆ
โลวยวินจง มีอาชีพเป็นคุณครูประจำหมู่บ้านมา 13 ปีแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกเชิญให้ออก เขาจึงต้องหันมาทำอาชีพเป็นคนฉายภาพยนตร์ หรือที่บ้านเราเรียกว่า หนังหลางแปลง ในชนบท ช่วงหลังเริ่มไม่มีคนดูแล้ว เขาก็ไม่ท้อแม้จะพบอุปสรรคมากมาย เขาเข้าป่าไปเลี้ยงหมูป่า เลี้ยงแพะ เลี้ยงวัว เลี้ยงผึ้ง และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อเลี้ยงชีพ
Sponsored Ad
เขาไม่เคยบ่นเลยต่อชะตาชีวิตของตนเองเลย ว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรม แต่กลับตั้งหน้าตั้งตา ทำมาหากิน พ ย า ย า มทุกวิถีทางเพื่อสร้างรายได้ ในช่วงหลังที่เขาเป็นครูที่โรงเรียนนั้น เขาไม่มีรายรับเลย แต่เขายังคงสอนด้วยใจเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเล่าเรียน
Sponsored Ad
.
เขาเลี้ยงหมูโดยวิธีการปล่อยให้อยู่กับธรรมชาติ วันที่แม่หมูจะคลอดเขาก็ออกไปนอนกลางป่าเป็นเพื่อนแม่หมู กลัวว่าลูกหมูน้อยจะเดินหนีตกหาย การเลี้ยงหมูแบบนี้ของเขาลำบากมากกว่าการเลี้ยงหมูไว้ในคอกเสียอีก แต่ทว่าหมูแบบนี้ขายดีมากและหาได้ยากมาก แต่กลับเป็นที่ต้องการของตลาด
Sponsored Ad
หมูเหล่านี้กินอาหารตามธรรมชาติ อาหารก็เป็นแมลงพืชไม้ต่างๆ ส่วนโลวยวินจงก็จะให้มันกินเมล็ดข้าวโพด เพราะแบบนี้เนื้อหมูจะหวานอร่อยหอมมาก
บางครั้งก็จะมีหมาป่าเข้ามาด้อมๆมองๆ แพะของเขาทำให้เขาต้องคอยระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงไล่ต้อนให้เข้าคอกจนหมด ส่วนวัวพวกเขาเลี้ยงไว้ 10 ตัวเลี้ยงไว้ตามป่าตามเขาเช่นกัน
Sponsored Ad
แม้จะทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแต่เขาก็ไม่เคยที่จะลืมกลับมาช่วยหลานๆดูการบ้านและสอนหนังสือ เพราะเขาให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอย่างมาก หลายครั้งเขาก็ยังไปสอนตามบ้านเรือนที่มีเด็กเล็กวัยกำลังเรียน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นครูแล้ว แต่โลวยวินจงยังรู้สึกมีภาระใจที่จะอยากจะแบ่งปันความรู้ให้เด็กๆในหมู่บ้าน
Sponsored Ad
เขาบอกว่า “แม้ผมจะพ้นจากการเป็นครูในโรงเรียนแล้ว แต่อาชีพนี้ยังคงอยู่ในใจผมเสมอ”
เขาไม่เคยบ่นว่า แต่อาศัยสองมือที่ขยันเพื่อสร้างชีวิตที่มีความสุขให้กับครอบครัวและเด็กๆในหมู่บ้าน
Sponsored Ad
เขายังบอกอีกว่า “แม้ว่าโรงเรียนจะให้เขาออก แต่เขาก็ยังมีหน้าที่ในการสอนหนังสือตลอดไป เพื่อหวังว่ามันจะทำให้เด็กมีความรู้ติดตัว อนาคตจะได้ไม่อดอยาก”
ที่มา:toutiao
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR