ใฝ่เรียน! เด็ก 8 ขวบ "เดิน 6 ชม." ไปเรียนหนังสือ แต่กลับเจอเรื่องน่าตื่นเต้นระหว่างทาง

LIEKR:

แต่ละเรื่องน่าตื่นเต้นมาก!!

   หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

     ปัจจุบันหลายคนมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ถือได้ว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเลยก็ว่าได้ จนไม่ห่วงแหนและทะนุถนอมสิ่งที่มีอยู่ และไม่มีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่น

    สื่อต่างประเทศรายงานมีนักข่าวต่างชาติคนหนึ่ง เดินทางไปเที่ยวประเทศ เ ค น ย าในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนกับเพื่อนๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย “ท่องเที่ยวในแอฟริกา” ที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ เพราะในสายตาของเขาแล้วประเทศนี้เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ต่างๆมากมาย  

 

Sponsored Ad

 

    ที่นี่เราสามารถมองเห็น ฝูงช้างแอฟริกา ฝูงสิงโต และเสือดาวเจ้าเล่ห์ ได้เห็นม้าลาย, เนื้อทรายที่สวยงามและสัตว์ป่านับหมื่นที่เดินเล่นกันเป็นกลุ่ม

 

Sponsored Ad

 

    และนอกจากสัตว์แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ประทับตราตรึงใจผู้คนทั่วโลกก็คือเด็กแอฟริกา ขณะที่พวกเขากำลังชื่นชมสัตว์ก็จะพบเด็กนักเรียนจำนวนมากเดินเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ

    เมื่อได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นจึงทำให้ทราบว่า ที่พวกเราเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น และยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสเข้าเรียน และบางคนก็ไม่มีข้าวกิน

    เรื่องราวในวันนี้ที่จะพูดถึงคือเด็กชายคนหนึ่งที่ต้อง เ สี่ ย ง อั น ต ร า ย ทุกวัน สวมใส่เสื้อผ้าที่เก่ามากเดินฝ่าป่าที่ไม่มีหญ้าเพื่อจะได้เรียนหนังสือและเพื่อจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้

 

Sponsored Ad

 

    นี่คือการเดินทางไปเรียนที่อั น ต ร า ย มากที่สุด เป็นการเดินทางอันแสนยาวไกล เด็กเหล่านี้คือ เผ่ามาไซอาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ที่นี่ไม่มีเมือง ไม่มีการคมนาคมขนส่ง มีแต่ป่าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา

 

    และ ณ ที่นี่ชนเผ่ามาไซอาศัยมานานกว่าหลายร้อยปีแล้ว และสมบัติสิ่งมีค่าที่สุดของบ้านก็คือ วัวและแกะ เพื่อหาหญ้าให้วัวและแกะกิน พวกเขาจึงต้องอาศัยในพื้นที่ที่ไกลมาก ห่างจากหมู่บ้านไปอีกมาก ต้องย้ายบ้านไปเรื่อย 

 

Sponsored Ad

 

    แต่ทว่าเด็กๆชนเผ่ามาไซไม่เคยคิดที่จะยอมเลิกเรียนเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องเดินไกลแค่ไหนก็ตาม

    หนูน้อย Lailiangkaวัย 4 ขวบ Moscaวัย 8 ขวบและ Kotankaวัย 12 ปี เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน โรงเรียนที่ว่านี้อยู่ไกลจากบ้านของพวกเขาไป 50 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวที่พวกเขาสามารถเรียนได้

 

Sponsored Ad

 

    Kotanka เป็นคนเดียวที่เป็นนักเรียนประจำ เพราะบ้านของเธอไกลจากโรงเรียนมากถึง 20 กิโลเมตร ฉะนั้นปกติจะกินและนอนที่โรงเรียน จะกลับบ้านเดือนละครั้งเพื่อไปเอาเงินมาจ่ายกินนอน

    วันนี้พวกเขาสามารถตามทันเวลาที่ Kotanka เดินไปโรงเรียน เธอต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไม่ให้ไปโรงเรียนสาย เนื่องจากระหว่างทางมักมีอั น ต ร า ย จากสัตว์ป่า ดังนั้นแม่ของเธอจึงต้องเดินทางไปเป็นเพื่อนครึ่งทาง

 

Sponsored Ad

 

    เพราะมีแม่ทำให้เธอสามารถผ่านอันตรายเหล่านี้มาได้ ที่จริงแม่ของเธอก็อยากไปส่งถึงที่โรงเรียน แต่เพราะต้องดูแลสัตว์ของที่บ้าน ทำให้ต้องรีบกลับบ้านไปดูแลพวกมันและทำสวน

Sponsored Ad

    ก่อนจากกันแม่ของเธอก็ยังเตือนลูกว่า “หนทางต่อจากนี้จะมีสิงโตและช้าง” เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นอั น  ต ร า ย ต่อเด็กๆทั้งนั้น

    บ้านของKotanka ไม่มีโทรศัพท์ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกไปถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยหรือไม่ แม่ของเธอก็จะไปถามข่าวคราวของลูกสาวผ่านทางเพื่อนบ้าน กระทั่งมีคนมาบอกว่าเห็นลูกสาวของเธอยู่ในโรงเรียนแล้ว ในตอนนี้เองแม่ของเธอจึงจะวางใจได้

    หลังจากที่แม่เดินมาส่งครึ่งทางแล้ว ต่อจากนี้ก็จะเป็นหนทางที่เธอต้องเดินคนเดียวเพียงลำพัง เพื่อให้ไปโรงเรียนได้เร็วขึ้น Kotanka เลือกเดินอีกทางซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเรียน ซึ่งเป็นทางรีบฝั่งแม่น้ำที่แห้งขอด มีหลุมบ่อมากมาย ต้องระวังไม่ให้หกล้ม

    หนทางนี้ต้องใช้ความระมัดระวังมาก ทำให้เธอต้องหยุดพักทุกๆ 1.30 ชั่วโมง ในระหว่างทางนี้จะหาน้ำดื่มยากมาก เธอจึงเลือกการล้างหน้าแทนเพื่อเรียกความสดชื่น จากนั้นก็เดินหน้าต่อไป

    Kotanka ต้องเร่งฝีเท้า เพราะเวลาเรียนใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว เธอต้องรีบเดินให้ถึงโรงเรียนก่อนเที่ยง เพราะมิเช่นนั้นก็จะไม่ได้ทานอาหารกลางวันของโรงเรียน ดังนั้นตอนนี้สิ่งเดียวที่Kotanka สามารถทำได้ก็คือรีบก้มหน้าเดินให้เร็ว 

    สิ่งที่Kotanka ต้องกังวลนอกจากสัตว์ป่าแล้ว ยังมีอากาศ เพราะบางครั้งก็มีพายุฝนตกอย่างหนักในระหว่างทางด้วย

    แม้ว่าวันนี้อากาศจะดี แต่สิ่งที่กำลังเป็นกังวลก็คือ...

    ระหว่างทาง 7 กิโลเมตรนี้ จะมีต้นไม้มากมายเป็นป่าทึบ ซึ่งบนต้นไม้จะมีลิงและงูแอบซ่อนอยู่มากมาย อั น ต ร า ย มาก แต่นี้คือหนทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องเดินผ่านทุกครั้ง

    ทันนั้นเอง  Kotanka พบ “อุจจาระของช้าง” หลายตัว เธอจึงลองมองไปรอบๆ เพราะอุจจาระยังสดมาก ช้างน่าจะอยู่บริเวณรอบๆแน่ หลายคนคิดว่าช้างเป็นสัตว์กินพืชไม่น่าจะมีอันตรายอะไร แค่รู้หรือไม่ว่ามันเป็นสัตว์ที่มีความอั น ต ร า ย เทียบเท่า สิงโต เสือ แรดเลยทีเดียว 

    เพราะชาวแอฟริกาเคยโดนช้างแอฟริกาทำร้ายมาแล้ว และเพื่อนบ้านของ Kotanka ก็เพิ่งโดนข้างทำร้ายมาเอง ดังนั้นKotanka จึงภาวนาให้อย่าเจอช้างแอฟริกาเลย

    เธอโน้มตัวลงเบา ๆ แล้วมองอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางอุจจาระหลาย ๆ อันหนึ่งมีความสดใหม่ นั่นหมายความว่าช้างน่าจะอยู่ใกล้ ๆ หลายคนอาจคิดว่าช้างเป็นสัตว์ที่น่ารักมาก นั่นคือความสับสนโดยลักษณะของมัน

    พึงระวังว่าช้างเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อันตรายที่สุดในทุ่งหญ้า 

    ในอดีตที่ผ่านมาชาวมาไซถูกโจมตีโดยช้างหลายครั้งและแม้แต่เพื่อนบ้านของ Kotanka ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

    ดังนั้นสำหรับ Kotanka ปัจจุบันเธอสามารถอธิษฐานได้ในขณะที่เธอไม่ต้องการพบช้างเท่านั้น

    แต่ไม่ทันไรช้างแอฟริกาก็ปรากฏตัว Kotanka ตกใจมากแต่เธอจำคำสอนของแม่ได้ว่า “ให้เดินทวนลม หากเจอช้างแอฟริกา เพราะช้างจะไม่ได้กลิ่นตัวเรา” ในที่สุดเธอก็รอดจากช้างได้อย่างปลอดภัย

    แต่อั น ต ร า ย ที่สองก็มาเยือน เพราะ Kotanka พบควายแอฟริกาเข้า ในตอนนั้นเธอรีบสังเกตทิศทางของลมจากใบไม้ทันที เธอรีบหลบให้พ้นสายตาของควายแอฟริกาเช่นกัน ทั้งนี้ต้องให้ช้างและควายต้องหันหน้าไปอีกทิศทางจึงจะเรียกว่าปลอดภัย 

    เมื่อมาถึงที่โรงเรียนอย่างปลอดภัย คำแรกที่คุณใหญ่พูดกับ Kotankaไม่ใช่การดุด่า “ทำไมมาสายจัง?” แต่เป็น “ในระหว่างทางเธอปลอดภัยดีไหม?”

    เพราะครูใหญ่ทราบดีว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง ต้องตื่นแต่เช้ามืดกว่าจะเดินถึงโรงเรียนก็เที่ยงวันใช้เวลาเดินกว่าครึ่งวันเลยก็ว่าได้

    หนทางนี้ทั้งเหน็ดเหนื่อยล้ามาก และอั น ต ร า ย มากด้วย

    หนทางนี้ได้พบเจอทั้ง ช้าง และควายแอฟริกา ยิ่งไปกว่านั้นคือการได้พบกับความกล้าหาญของตนเอง

    สิ่งที่ทำให้ Kotanka ดีใจมากที่สุดก็คือ การไปให้ทันการรับประทานอาหารกลางวันที่มีแต่ ข้าวโพดและถั่ว นี้เป็นอาหารที่อุดมสมบรูณ์ที่สุดของเธอแล้ว

    Mosca วัย 8 ขวบไม่ใช่เด็กนักเรียนประจำ จึงไม่มีอาหารกลางวันให้ โรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนเดือนละ 1 ดอลลาร์ และนักเรียนประจำจะจ่ายเดือนละ 7.35 ดอลลาร์ เพื่อบรรเทาความหิว Moscaจึงต้องไปวิ่งเล่นกับเด็กนักเรียนคนอื่นที่ไม่ใช่นักเรียนประจำ

    Mosca ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ทุกวันเพื่อไปคุ้มครองแกะของที่บ้าน เพราะในหมู่บ้านมีสิงโตและไฮยีน่าคอยจ้องจะกินแกะอยู่ Mosca ต้องเฝ้าดูแลจนถึง 6 โมงเช้า 

     จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว และรับประทานอาหารเช้า และจากนั้นก็รีบเดินไปโรงเรียนต่อ ที่น่าตกใจคืออาหารเช้าของเขามีเพียง “นมดิบ” นิดหน่อยเท่านั้น

    อาหารหลักของเขามีเพียงนมดิบและชาเท่านั้น น้อยครั้งที่จะได้กินเนื้อ  Mosca ได้กินอาหารน้อยมาก และยังต้องเดินไกลกว่า 10 กิโลเมตร 

    ดังนั้น ก่อนการเดินทางไปโรงเรียน พี่ชายของเขาก็บอกให้เขาไปกินเนื้อที่โ ร ง ฆ่ า สั ต ว์ได้เพื่อเพิ่มกำลังให้แก่ร่างกาย เพื่อให้ตนเองมีกำลังในการเดิน เขาจึงเดินอ้อมเพื่อไปโ ร ง ฆ่ า สั ต ว์

 

    Mosca ถึงที่นั่นตอน 9 โมงเช้า แต่เพราะเทศกาลยังไม่เริ่ม ทำให้เขาต้องตัดสินใจล้มเลิกการรอกินเนื้อในครั้งนี้ เพราะกลัวจะไปโรงเรียนไม่ทัน พี่ชายบอกว่าจะเก็บไว้ให้เขา 1 จานหลังเลิกเรียนค่อยกลับมากิน แม้จะผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ต้องเดินหน้าไปโรงเรียนต่อ

    ก่อนถึงโรงเรียนMosca เริ่มท้องร้องหิวมาก จึงหาอาหารกลิ่นข้างทาง

    เขาสังเกตแนวการเดินของมด เพราะเส้นทางเดินของมดต้องมีอาหาร เขาพบผลไม้ป่า แม้จะไม่อร่อย แต่สิ่งนี้ก็สามารถทดแทนความหิวได้ โชคดีที่วันนี้ผลไม้ป่าไม่ได้ขมเหมือนวันอื่นๆ

    พอหลังเลิกเรียน เมื่อ Mosca เดินทางกลับถึงบ้านก็พบเนื้อแกะอยู่บนโต๊ะ เขาดีใจมากนั่งกินอย่างเอร็ด อร่อย เมื่อเทียบกับเด็กสมัยนี้ที่โชคดีมากๆ อยากกินอะไรก็มีให้กิน แต่เด็กในแอฟริการเหล่านี้ที่ต้องกินเล็กกินน้อยเพื่อมีชีวิตอยู่รอด

    ที่ประเทศเคนยามีประชากรกว่า 40 ล้านคน มีชนเผ่ามาไซกว่า 3 แสนคน ถึงแม้ว่าจะชนเผ่ามาไซจะเป็นชนเผ่าเก่าแก่ของประเทศ พวกเขามีภาษาของตนเอง แต่เนื่องจากประชากรน้อย ดังนั้นในโรงเรียนหนังสือเรียนตำราต่างๆแทบจะไม่มีเนื้อหาความรู้หรือประวัติเกี่ยวกับชนเผ่ามาไซเลย

    ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนเลี้ยงสัตว์ทั้งชีวิต เพื่อหางานอย่างอื่น ทำให้เด็กๆเหล่านี้ต้องเรียนรู้ทักษะอื่นๆด้วย 

.

    หนูน้อย Lailiangka วัย 4 ขวบ วิชาที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ  “คณิตศาสตร์” วิธีการคำนวณในแบบต่างๆเขาล้วนจดจำได้เป็นอย่างดี Lailiangka เติบโตมาในบ้านแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เสาหลักคือคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงดูคนทั้งบ้าน

    คุณแม่ต้องเลี้ยงดูลูก 2 คนและยังต้องทำสวนหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน  เราจะสังเกตเห็นว่าแม่ของเขาดูไม่มีชีวิตชีวา แต่คุณแม่ก็ยืนหยัดให้Lailiangka ไปเรียนหนังสือ เพราะเธอรู้ดีว่านี้คือความฝันที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา อย่าเห็นว่า Lailiangka  ตัวเล็กๆแค่ 4 ขวบนั้น แต่เขามีความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก เขาบอกว่า “โตมาอยากเป็นคุณครู อยากจะไปท่องเที่ยวทั่วโลก จากนั้นค่อยกลับมายังบ้านเกิดของตนเองเพื่อมาดูแลแม่”


    เด็กทั้ง 3 คนนี้ ล้วนมีความฝันและเป้าหมายในชีวิตของตนเอง 

    Mosca บอกว่าหลังเรียนจบจะอยู่บ้านช่วยพ่อแม่พี่ชายทำงาน

    Kotanka บอกว่า หากเธอยังอยู่ในชุมชนหรืออยู่แต่ในบ้าน อีก 2 ปี ก็ต้องเตรียมตัวแต่งงานได้เลย แต่หนูไม่อยากแต่ง อยากเรียนหนังสือต่อ และเรียนให้สูงที่สุดเพื่อจะเป็นหมอ หาเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่หลังหนึ่งและซื้อรถยนตร์ให้ 1 คัน

    เด็กทั้งสามคนบอกว่า การเรียนคือสิ่งที่ทำให้มีความสุข เพราะ “การเรียน” สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาชีวิตในอนาคตได้

    

    ดังนั้นถึงแม้ว่าจะต้องทุกข์ลำบาก ต้องเดินฟันฝ่าเผชิญหน้ากับอุปสรรค์มากมาย ก็จะไม่ยอมท้อถอยเด็ดขาด

    ที่จริงการเรียนรู้มากมายบนโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงและอั น ต ร า ย ทั้งนั้น นับประสาอะไรกับเส้นทางในเคนยานี้ เด็กๆที่นี่ต้องฝึกเรียนรู้ทักษะการป้องกันตัวในแบบต่างๆ 

    พวกเขาอาจต้องเผชิญกับการทดสอบที่อุณหภูมิต่ำ เย็นและลำบากในระยะเวลาที่นานมาก

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับความยากลำบากและอั น ต ร า ย แต่ก็ไม่เคยคิดท้อใจไม่เรียนหนังสือ ไม่เคยคิดจะไปโรงเรียนสาย ทุกอย่างก็เพื่อ อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น!

    ชมคลิป

    คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ที่มา :ihowto

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr

บทความที่คุณอาจสนใจ