LIEKR:
คนเราสมัยนี้เริ่มแยกแยะผิดถูกไม่ได้แล้วจริงๆหรือเนี้ย?
หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ที่เมืองอี๋หลาน เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน มีรถเมล์โดยสารคันหนึ่งกำลังจะเลี้ยวขวาอยู่นั้นจู่ๆ ก็ต้องเบรกกระทันหัน จอดกลางถนน นานกว่า 2 นาทีเพราะมีรถยนต์ BMW สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหัวมุมโดยล้อรถยนต์ยังเหยียบทับทางม้าลายอยู่เลย
เมื่อรถเมล์โดยสารบีบแตรให้รถยนต์ BMW คันนั้นช่วยขยับรถหน่อยเพราะไม่สามารถโค้งรถได้ เธอเจ้าของรถยนต์คันนั้นก็รีบลงมาเคาะประตูกระจกรถยนต์รถเมล์โดยสารอย่างแรง พร้อมยืนขวางอยู่หน้ารถเมล์โดยสารทำมือชี้ไปมาปากตะโกนด่าอะไรไม่รู้ เหมือนโมโหมาก
Sponsored Ad
คนขับรถเมล์โดยสารจึงพูดออกไมค์ว่า "คุณทำไมจอดรถแบบนี้ ขับรถวันแรกหรือไง? รู้หรือไม่ว่าเส้นแดงคือห้ามจอด จะให้เรียกตำรวจมาดูไหม? อย่ามายืนขวางทางคนอื่นแบบนี้ แล้วนี้มาดุด่าอะไรเนี้ย?”
Sponsored Ad
ในเวลานั้นฝนตกถนนเปียกไปหมด เมื่อคนขับรถพูดเสร็จเธอก็รีบขับรถแล้วก็หนีหายไปเลย
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ หลายวันผ่านไปคนขับรถเมล์คนนี้กลับได้รับจดหมายฟ้องร้องจากผู้หญิงคนดังกล่าว โดยเนื้อหาพูดถึงว่า “ขับรถประมาท ทัศนคติในการขับขี่ไม่ดี”
Sponsored Ad
หญิงคู่กรณีแซ่หลีบอกอีกว่า รถเมล์โค้งไปไม่ได้ยังดันทุรังโค้งมาอีก มาจอดขวางกลางถนนปิดกั้นทำให้จารจรติดขัด และทำให้ตนเองไม่สามารถถอยรถได้
(ภาพจำลองเหตุการณ์)
Sponsored Ad
ทันทีที่คลิปนี้ถูกโพสต์ขึ้นโลกออนไลน์ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นว่า
“คุณผู้หญิง คุณนั้นแหละที่ทำให้จารจรติดขัด”
“รถเมล์เขาขับตามเส้นทางหรือเปล่า? ขับแบบนี้ทุกวันไม่เห็นมีปัญหาเลย”
“รถเมล์ไม่ฟ้องกลับก็ดีแค่ไหนแล้ว มาฟ้องเขาอีก”
สุดท้ายหัวหน้าหน่วยการจารจรเมืองอี๋หลานออกมาชี้แจงว่า “ตามกฏหมายการจารจรคือ ห้ามจอดรถในระยะ 10 เมตรห่างจากทางแยก ซึ่งรถยนต์ก็ไม่ได้ทำตามกฏหมายข้อนี้ และรถเมล์โดยสารเป็นรถขนาดใหญ่จำเป็นต้องกินพื้นที่บริเวณกว้างเพื่อโค้ง และเหตุการณ์นี้อาจทำให้ต้องหักพวงมาลัยถอยไปมามากกว่า1 ครั้งซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก”
Sponsored Ad
ด้านคนขับรถเมล์บอกว่าตนเองไม่ได้อยากจะประจานใคร แต่เพราะโดนฟ้องแบบนี้รู้สึกน้อยใจ จึงเอาคลิปมาโพสต์เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร? ด้านตำรวจรับรู้แล้วและกำลังตรวจสอบความจริงเพื่อดำเนินคดีกับคนที่ทำผิดต่อไป
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
ที่มา :news.ebc
แปลและเรียบเรียงโดย Liekr
