LIEKR:
คำคมนี้คงเป็นคติเตือนใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดีสำหรับ "ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป" เช่นเดียวกับคุณจิ๊บ ศิริประพรรณ และคุณหนึ่ง ธนภัทร เจ้าของร้าน "หนึ่งข้าวมันไก่ตอน" ที่กว่าจะตั้งตัวได้ ก็ล้มลุกคลุกคลานกันมาพอสมควรเลย
โดยทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เกี่ยวกับครอบครัวของเธอ โดยคุณจิ๊บเล่าว่า ครอบครัวของเธอได้ลงทุนลงแรงไปมากกับการตั้งตัวประกอบอาชีพ ทำมาสารพัดอย่าง สารพัดอาชีพที่พอจะหาลู่ทางทำได้ ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย ทุกครั้งที่ทำจะถือคติว่าพยายามให้ถึงที่สุด จนมันกลายเป็นการดันทุรัง จนมาถึงจุดจุดหนึ่งที่เราและคนในครอบครัว รู้สึกมืดแปดด้านไปหมด เลยคุยกับแฟนว่า เราลองไปขับแท็กซี่ในกรุงเทพดีไหม เพราะค้าขายพวกนี้มันได้รายได้ไม่พอที่จะเลี้ยงครอบครัวเรา
Sponsored Ad
หลังจากตกลงเปลี่ยนแผน เบนเข็มหันมายึดอาชีพขับแท็กซี่รับจ้างด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ดูเหมือนจะไปไม่รอดอีกครั้ง คุณจิ๊บกล่าวว่า ในการขับแท็กซี่วันละ 10 กว่าชั่วโมง ไม่ได้สร้างรายได้ที่เพียงพอให้จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนลูกทั้ง 3 คน ค่ารถ ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เลย
หลังจากที่ทั้งคู่ขับแท็กได้ 2 ปี เธอจึงตัดสินใจลงทุนครั้งสุดท้าย กลับมาประกอบอาชีพในวงการค้าขาย เปิดร้านขายข้าวมันไก่ โดยออกปากขอสูตรข้าวมันไก่จากพี่สะใภ้มาทำขาย และได้ปรึกษากับแฟนว่าถ้าเรายังขับแท็กซี่กันทั้งคู่ วันละ 10 กว่าชั่วโมง รายได้รวมกันก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย เลยบอกแฟนว่าจะลองไปขายข้าวมันไก่
Sponsored Ad
ส่วนแฟนก็ยังขับแท็กซี่ต่อ ช่วงปีแรก ๆ ที่ทำ แม้ว่าเราจะเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด แต่ก็ขายข้าวมันไก่หมดมากสุด 20 โลต่อวันเอง ยอดขายก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะดีขึ้น มองไปทางไหนมันก็แย่หมด เลยกัดฟัน เอาวะ ลองปรับสูตรข้าวมันไก่ดูซิ ให้ถูกปากคนมากขึ้น พอเข้าปีที่ 2 ยอดขายแต่ละเดือนก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยอดขายหน้าร้านมันขึ้นอยู่กับปัจจัยที่คุมไม่ได้ บางวันฝนตก บางวันอากาศร้อน ไหนจะช่วงปิดเทอมลูกค้าก็หาย แต่พวกดีลิเวอรี่มันไม่เคยหาย เห็นคนอื่นทำก็ขายดีขึ้น แล้วช่วงนั้นแอพส่งอาหารดีลิเวอรี่ก็เป็นที่นิยมมาก เลยตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ทำงานกับพวกแอพดีลิเวอรี่ จนในที่สุดแฟนก็เลิกขับแท็กซี่แล้วมาขายข้าวมันไก่ด้วยกันเต็มตัว โดยปัจจุบันขายได้วันละ 50-100 กิโลกรัม บางวันขายได้มากสุดถึง 150 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้เดือนละราว ๆ 600,000 บาท
Sponsored Ad
โดยคุณจิ๊บและคุณหนึ่งจะรับหน้าที่ขายช่วงกลางวัน ส่วนกะกลางคืนเป็นหน้าที่ของหลานชาย และลูกชายคนโตวัย 18 ปี ที่แต่ก่อนเคยเกเร ไม่ยอมเรียนหนังสือต่อ แต่ปัจจุบันลูกชายกลายเป็นหัวแรงหลักของครอบครัว คอยรับผิดชอบทุกอย่างได้เหมือนที่แม่ทำ โดยเธอไม่เคยสอนมาก่อน และถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้ครอบครัวฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินที่ทับถมมาหลายปีได้
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก sentangsedtee, matichonacademy