เปิดชีวิต "จินตหรา สุขพัฒน์" จากเด็กหญิงธรรมดา สู่ดาราผู้เป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ

LIEKR:

ต้องเรียนด้วยทำงานขายของไปด้วย แม้ว่าจะได้เงินไม่เยอะมาก แต่ก็ยังทำ!

        จินตหรา สุขพัฒน์ หากพูดถึงชื่อดาราคนนี้ แอดเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี กับนักแสดงสาวน้ำดีขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ ในอดีตคุณแหม่มเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ถึงแม้ในปัจจุบันเธอจะได้รับบทคุณแม่แล้วก็ตาม แต่ความนิยมชมชอบที่แฟนๆ มีต่อเธอยังคงไม่เสื่อมคลาย

        วันนี้แอดจะพาทุกคนไปรู้จักกับประวัติความเป็นมาของเธอกันค่ะ

 

Sponsored Ad

 

        คุณแหม่มเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2508 เป็นคนพระปะแดง มีเชื้อสายมอญ กรุ๊ปเลือด b  สีที่ชอบคือ สีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำวันเกิดของเธอ

        ส่วนตัวนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกเหมือนพ่อ

        ในวัยเด็กคุณแหม่มเธอเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปมีเล่นมีซุกซนเป็นธรรมดา แถมคุณแหม่มเธอยังออกจะซุกซนกว่าพี่น้องของเธอทุกคนซะด้วย อีกทั้งโดยพื้นฐานคุณแหม่มเป็นคนที่มีโลกส่วนตัว ชอบไปไหนทำอะไรคนเดียว ดูยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะมาอยู่ในวงการบันเทิงได้เลย

 

Sponsored Ad

 

ภาพของคุณแหม่มตอนขึ้นป.5

        พอโตขึ้นคุณแหม่มได้ไปเรียนหนังสือที่กิตติพาณิชย์โดยเรียนสาขาเกี่ยวกับเลขานุการ สำหรับคุณแหม่มเรื่องของวงการบันเทิงและการเป็นนักแสดงไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย คิดแค่เพียงเรียนจบก็คงมาทำงานเป็นเลขา หรือไม่ก็งานออฟฟิศ ตามสาขาที่เธอได้ร่ำเรียนมา

        ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมาอยู่ในจุดที่เธอเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศ!

 

Sponsored Ad

 

        ขณะที่คุณแหม่มเรียนอยู่ปี 2 มีเพื่อนๆ ชักชวนให้ไปทำงานหารายได้พิเศษช่วงปิดเทอม โดยทำงานเป็นพนักงานขายของที่เซนทรัลสีลม ได้เงินมาวันละ 65 บาท ปิดเทอมทีก็หลายเดือน รวมๆ แล้วก็ได้เงินมาพันกว่าบาท

        เงินหลักพันในยุคสมัยนั้นถือว่าเยอะมากๆ ซึ่งมันก็ถือเป็นความภูมิใจสำหรับวัยรุ่นคนนึงที่สามารถหาเงินได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนเองโดยไม่พึ่งพ่อแม่

ภาพของคุณแหม่มสมัยเรียนกิตติพาณิชย์

 

Sponsored Ad

 

น่ารักมากเลยค่ะ  ป.ล.คอมรุ่นเก่ามาก

        หลังจากนั้นปีต่อมาคุณแหม่มได้ไปทำงานอยู่ที่บริษัทโตโยต้า

        บริษัทโตโยต้าจะมีบริษัทเดนซึที่ทำโฆษณาให้เผอิญมีคนมาเห็นความสะสวยของคุณแหม่มเข้า จึงได้ชักชวนให้เธอลองไปเทสหน้ากล้องทิ้งไว้ เผื่อจะมีงานโฆษณาเข้ามา คุณแหม่มจึงไปเทสหน้ากล้องถ่ายรูป ถ่ายอะไรเอาไว้ เพราะคิดว่าคงไม่เสียหายอะไร หลังจากการเทสต์หน้ากล้องครั้งนั้นทำให้คุณแหม่มเธอก็รับได้งานกูลีโกะ โฆษณาครีมทาผิว ถ่ายอะไรอยู่เรื่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ

        แต่งานโฆษณาชิ้นสำคัญที่ทำให้คุณแหม่มได้เข้ามาในวงการการแสดง คือ งานโฆษณาผ้าอนามัยลอรีเอะต่างหาก!

 

Sponsored Ad

 

        หลังจากที่เรียนจบชั้นปวส. คุณแหม่มได้ทำงานเป็นเลขานุการแผนกพัฒนาการขายที่ ICC ตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอางเพี้ยซ โดยในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่ ได้มีคนติดต่อให้เธอมาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของโฆษณาผ้าอนามัยลอรีเอะ

        คุณแหม่มได้เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของผ้าอนามัยลอรีเอะ และเพราะโฆษณาชิ้นนี้ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้เข้ามาสู่เส้นทางของการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว

 

Sponsored Ad

 

        จนเมื่อโฆษณาออกไป ผู้ใหญ่ทางค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง "ไฟว์สตาร์" ได้เห็นแววของเธอเข้า จึงได้ให้ "คุณกอบสุข จารุจินดา" ไปทาบทามชนิดที่ว่าไปคุยกับทางพ่อแม่ของคุณแหม่มถึงที่บ้านเลยทีเดียว ซึ่งทางพ่อแม่ของคุณแหม่มก็ไม่ว่าอะไร โดยคุณกอบสุขได้ให้คำมั่นว่าจะดูแลคุณแหม่มเป็นอย่างดี

"คุณกอบสุข จารุจินดา"

Sponsored Ad

ผู้เห็นแววและชักชวนให้คุณแหม่มเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิง

        หลังจากนั้นคุณแหม่มจึงไปเทสหน้ากล้อง ทดสอบพูดบท ทดสอบอะไรต่างๆ ให้ผู้หลักผู้ใหญ่และกำกับหลายท่านดูลักษณะบุคลิกภาพว่าเหมาะกับหนังของตนหรือไม่ ตรงนั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้กำกับหลายท่าน หนึ่งในนั้นก็คือ

"คุณสักกะ จารุจินดา"

        ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "ผู้ใหญ่ลีกับนางมา" บุคคลผู้เห็นแววในตัวของคุณแหม่ม แล้วจึงชักชวนให้คุณแหม่มเล่นเป็นนางเอกในเรื่องนี้

        หลังจากการเทสหน้ากล้อง ทางคุณสักกะได้ถูกตาต้องใจคุณแหม่มเป็นอย่างมาก จึงได้ให้คุณแหม่มมาแสดงเป็นนางเอกหนัง ซึ่งถือเป็นผลงานเรื่องแรก ในฐานะนักแสดงของคุณแหม่ม อย่างเรื่อง

"ผู้ใหญ่ลีกับนางมา"

        หนังในปี พ.ศ. 2528  ผลงานการแสดงเรื่องแรกของคุณแหม่ม จินตหรา เป็นผลงานแจ้งเกิดให้ชื่อ "จินตหรา สุขพัฒน์" เป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศ        

        ในส่วนนี้ก็ต้องขอขอบพระคุณเจ้านายของคุณแหม่มในขณะนั้นด้วยที่ทำให้คุณแหม่มได้เล่นหนังเรื่องนี้ เพราะคุณแหม่มพึ่งจะเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น แต่ทางเจ้านายก็ยังให้คุณแหม่มลางานเพื่อไปถ่ายหนัง

        ขอชื่นชมค่ะ

        หลังจากตกลงกับที่ทำงานอะไรเรียบร้อย ก็ถึงขั้นตอนของการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรก

        ต้องเข้าใจกันก่อนว่าในยุคนั้นครูสอนการแสดงยังไม่มีแบบทุกวันนี้ นักแสดงหน้าใหม่ก็ต้องเรียนรู้หรือให้นักแสดงท่านอื่นที่มีประสบการณ์ช่วยสอนช่วยขัดเกลา

        ในตอนแรกที่คุณแหม่มเล่นหนังเรื่องนี้ คุณสักกะได้ฝากฝังให้นักแสดงอาวุโสอย่าง "คุณพิศมัย วิไลศักดิ์" ช่วยดูแล ฝึกสอนการแสดงว่าควรทำอย่างไรโดยคุณมี้ พิศมัยถือว่าเป็นครูการแสดงคนแรก และเป็นแม่แบบการแสดงของคุณแหม่มในเวลาต่อมา

"คุณพิศมัย วิไลศักดิ์"

        นักแสดงอาวุโสผู้ที่คุณสักกะได้ฝากฝังให้ช่วยดูแลการ แสดงของคุณแหม่ม คุณพิศมัยเป็นครูการแสดงคนแรก และเป็นทั้งแม่แบบการแสดงของคุณแหม่มในเวลาต่อมา

        แต่ใช่ว่าคุณแหม่มเธอจะเล่นแบบผ่านฉลุยเลยนะคะ คุณแหม่มเคยให้สัมภาษณ์ว่าในเรื่องนี้มีฉากนึงที่คุณแหม่มถ่ายไปกว่า 20 กว่าเทค ถ่ายไปหลายรอบซะจนภรรยาผู้กำกับถึงกับบ่นว่าเด็กคนนี้เขาจะไหวไหม

        "คุณธงชัย ประสงค์สันติ" ที่ทำฝ่ายเสื้อผ้า และเป็นเพื่อนในวงการคนแรกๆ ของคุณแหม่มได้มาบอกเรื่องนี้ให้คุณแหม่มฟัง และบอกว่าต้องตั้งใจมากกว่านี้นะ ผู้ใหญ่เขาเริ่มบ่นกันแล้ว

"คุณธงชัย ประสงค์สันติ"

เพื่อนคนแรกๆ ในวงการของคุณแหม่ม

        ซึ่งในการถ่ายทำหนังเรื่องแรกในชีวิตของคุณแหม่ม เธอก็ตั้งใจกับมันมากๆ ค่ะ คุณแหม่มตั้งใจอ่านบท พยายามตีความตัวละครให้ออก ถึงแม้การแสดงในเรื่องแรกของคุณแหม่มอาจจะไม่ได้ออกมาดีเลิศแบบไร้ข้อกังขา แต่มันก็แสดงให้เห็นถึง  "ความตั้งใจ"  ที่คุณแหม่มมีต่อหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย

ในปี พ.ศ. 2528

        หลังจากหนังเรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมาออกฉายหนังได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างสูง เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ไประสบความสำเร็จอย่างมาก จนส่งให้ชื่อของนางเอก  "จินตหรา สุขพัฒน์" เป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศ สมกับความตั้งใจที่เธอได้ทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้

และหลังจากที่หนังเรื่องแรกกับทางค่ายไฟว์สตาร์ประสบความสำเร็จ หนังเรื่องต่อๆ ไปกับทางค่ายจึงตามมา ไม่ว่าจะเป็น สองพี่น้อง, แก้วกลางดง, ไปรษณีย์สื่อรัก ฯลฯ

        จากการที่คุณแหม่มต้องทำงานหนัก ออกกองแทบทุกวัน ทำให้คุณแหม่มตั้งใจว่าถ้าหมดสัญญา 2 ปีกับทางค่ายไฟว์สตาร์เมื่อไหร่ เธอนั้นจะไม่ต่อสัญญา และจะกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเดิม

        ในวันนั้นคุณสักกะ จารุจินดาได้โทรศัพท์มาหาทางคุณแหม่ม และได้ให้สติคุณแหม่มว่าการจะปั้นนางเอกขึ้นมาคนนึงไม่ใช่ง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครจะมาอยู่ ณ จุดนี้ได้ ทำไมเราถึงไม่รักษาโอกาสนี้เอาไว้ คุณสักกะได้ให้ข้อคิดและเตือนสจิคุณแหม่มมากมาย

        สุดท้ายคุณแหม่มจึงตัดสินใจต่อสัญญากับทางค่ายไฟว์สตาร์


ในปี พ.ศ. 2530

ปีนี้นับว่าเป็นปีทองของคุณแหม่ม จินตหราเลยค่ะ

        คุณแหม่มได้มีโอกาสแสดงหนังฮอลลีวูดเรื่อง "Good Morning Vietnam" คู่กับพระเอก "Robin Williams" 

        จุดเริ่มต้นเกิดจากการชักชวนของ "อาจาร์ยรัศมี เผ่าเหลืองทอง" ที่ให้คุณแหม่มลองไปแคสติ้งดู จนทางฮอลลีวูดสนใจและติดต่อให้คุณแหม่มมาเล่นหนังเรื่องนี้

        โดยหนังเรื่อง Good Morning Vietnam จัดว่าเป็นหนังระดับเยี่ยมเลยก็ว่าได้ คุณแหม่มเธอได้เล่นบทสาวเวียดนามที่พระเอกหลงรัก จัดว่าผลงานระดับโกอินเตอร์ของคุณแหม่มเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย

"Good Morning Vietnam"

        ผลงานการแสดงระดับโกอินเตอร์ของคุณแหม่ม จินตหรา คู่กับพระเอก  "Robin Williams"  


        แต่ในตอนที่มีการโปรโมทหนัง คุณแหม่มไม่สามารถไปได้ เนื่องจากตอนที่ไปแคสเรื่องนี้ คุณแหม่มไม่ได้บอกทางผู้ใหญ่ไว้ก่อน ทำให้ติดคิวหนังที่ทางผู้ใหญ่ได้จัดไว้ให้แล้ว 

        (**อันนี้ขอเสริมเล็กน้อย**)

        ได้มีผู้ใหญ่มาพูดกับคุณแหม่มว่า

        "เราอยากเป็นดาวใหญ่ๆ ในเมืองเล็กๆ หรือ จะเป็นดาวเล็กๆ ในเมืองใหญ่ๆ"

        ซึ่งคุณแหม่มเธอก็เลือกข้อแรก คือเราก็อยู่ของเราไปแบบนี้ คุณแหม่มให้สัมภาษณ์ว่า ภาษาของเธอไม่ได้ดีมาก หน้าตาและการแสดงของเธอก็ไม่ได้อยู่ในระดับอินเตอร์ สุดท้ายคุณแหม่มจึงเลือกที่จะเป็นนักแสดงในเมืองไทยต่อไป 



        และในปีเดียวกันนั่นเอง...

        นอกจากการที่คุณแหม่มได้เล่นหนังกับทางฝั่งของฮอลลีวูดแล้ว คุณแหม่มยังได้เจอนักแสดงชายผู้เป็นทั้ง "คู่ขวัญ" ในจอ และยังเป็นถึง "อดีตคู่รัก"ที่ตอนนี้ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีผลงานร่วมกันให้แฟนๆ หายคิดถึงออกมาเป็นระยะ

        เขาคนนั้นก็คือ..."คุณหนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ"

        คุณหนุ่มและคุณแหม่ม ร่วมงานกันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2530 จากเรื่อง "คำมั่นสัญญา" 

        นวนิยายเศร้ากระตุกต่อมน้ำตาจากปลายปากากของ ทมยันตี ชนิดที่คนดูอดร้องไห้ตามไม่ได้ และคู่ขวัญหนุ่ม-แหม่ม จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากหนังเรื่องนี้ค่ะ  แต่ผลงานที่ทำให้ชื่อเสียงของคู่ขวัญโด่งดังติดลมบนคงไม่พ้น "หวานมันส์ฉันคือเธอ" ผลงานหนังในปีเดียวกัน

ในปี พ.ศ. 2531

        ทางไฟว์สตาร์ได้เข็นหนังเรื่อง "บุญชู ผู้น่ารัก" ออกมา นำแสดงโดยคุณหนุ่ม สันติสุข ซึ่งนางเอกจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากคุณแหม่มตัวหนังบุญชูประสบความสำเร็จอย่างสูง จนมีภาคต่อออกมาอีกมากมาย เรียกได้ว่านี่เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของคู่ขวัญคู่นี้เลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงความเป็น "คู่ขวัญ" ของทั้งคู่เข้าไปอีก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่ขวัญในดวงใจของแฟนชาวไทย และร่วมงานต่อมาเรื่อยๆ 

        โดยคุณหนุ่มและคุณแหม่มถือว่าเป็นคู่ขวัญคู่สุดท้ายของประวัติศาสตร์หนังไทย

        "คุณหนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ" คู่ขวัญของคุณแหม่ม จินตหรา ปัจจุบันทั้งคู่ยังร่วมงานให้เห็นกันเป็นประจำ

ในปี พ.ศ. 2534 

        หลังจากที่สัญญาฉบับที่ 3 ของทางค่ายไฟว์สตาร์หมดลง คุณแหม่มเห็นว่ามีเด็กใหม่ๆ เริ่มเข้ามา ทางค่ายก็คงจะไม่ต่อสัญญาแล้ว จึงบอกว่าขอไม่ต่อสัญญา แต่ขอใช้เป็น "สัญญาใจ" แทนถ้าทางค่ายมีหนังให้เล่นตนก็จะเล่นให้ 

        ( เราจึงได้เห็นคุณแหม่มเล่นหนังกับทางไฟว์สตาร์เรื่องต่อๆ มา )

        ด้วยตอนนั้นที่คุณแหม่มได้หมดสัญญากับทางค่ายไฟว์สตาร์ลง ประกอบทางช่อง 7 ได้ติดต่อมาพอดีจึงรับเล่น ซึ่งละครเรื่องนั้นก็คือเรื่อง "เชลยศักดิ์"คู่กับพระเอกหน้าไทยคมเข้มอย่างคุณลิขิต เอกมงคล

"เชลยศักดิ์"

        ผลงานละครทีวีเรื่องแรกของคุณแหม่ม โดยร่วมงานกับทางช่อง 7 คู่กับพระเอกอย่าง  "คุณลิขิต เอกมงคล"

        และเมื่อทางช่อง 3 เห็นว่าคุณแหม่มหมดสัญญาก็ได้ติดต่อมาทางผู้ใหญ่ของไฟว์สตาร์เช่นกัน 

        ผลงานละครเรื่องแรกกับทางช่อง 3 คือ "สี่แผ่นดิน" 

        อมตะนิยายของท่านคึกฤทธิ์ ที่เป็นละครขึ้นหิ้ง และผลงานระดับ masterpiece ของคุณแหม่ม 

        แต่ใช่ว่าการเป็นนักแสดงหนังจอเงิน แล้วลงมาเล่นละครจอแก้วจะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย

        ศาสตร์การเล่นหนังและละครมีความแตกต่างกัน 

        หนังจะเน้นในเรื่องความเป็นธรรมชาติ นักแสดงสามารถเล่นไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องรอจังหวะกล้อง 

        ในขณะที่ละครต้องมีจังหวะในการเล่น นักแสดงต้องมีการรอจังหวะกล้อง ทำให้ในช่วงแรกที่คุณแหม่มหันมาเล่นละครโทรทัศน์ต้องมีการปรับตัวอย่างมากทีเดียว 

        ถึงแม้จะเป็นช่วงแรกในการหันมาเล่นละครทางโทรทัศน์ซึ่งต้องมีการปรับการแสดงเป็นอย่างมาก แต่คุณแหม่มก็ยังสามารถแสดงละครเรื่อง "สี่แผ่นดิน" ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และด้วยรูปลักษณ์บวกการแสดงของคุณแหม่มทำให้หม่อมคึกฤทธิ์ถึงกับเอ่ยปากชมว่า


"แม่พลอยของฉัน"

        สี่แผ่นดินจึงจัดได้ว่าเป็นผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคุณแหม่มเลยก็ว่าได้ค่ะ

        คุณแหม่มสามารถถ่ายทอดชีวิตของแม่พลอยตั้งแต่สาวจนถึงแก่ได้อย่างไร้ที่ติ กริยาท่าทางที่ดูแล้วรู้สึกว่าเธอคือ "แม่พลอย" จริงๆ

        และด้วยสุดยอดการแสดงของเธอ ทำให้ในปีนั้น คุณแหม่มสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีเมขลา และโทรทัศน์ทองคำ ในบทบาทแม่พลอยจากทั้ง 2 เวที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทำได้ ยากมากๆ สิ่งนี้จึงเป็นการการันตีถึงความสุดยอดในการแสดงของคุณแหม่ม จินตหร

"สี่แผ่นดิน"
        ผลงานละครเรื่องแรกของคุณแหม่มทางช่อง 3 นี่คือผลงานระดับ masterpiece ของคุณแหม่ม และละครเรื่องนี้ก็กลายเป็นภาพจำของคุณแหม่มไปโดยปริยาย

        ในช่วงที่คุณแหม่มได้รับความนิยมสูงที่สุด นอกจากชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นรู้จักรักใคร่ของคนไทยทั่วประเทศแล้วนั้น 

        คุณแหม่มยังได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่คว้ารางวัลได้มากที่สุดทั้งหญิงและชาย และคว้ารางวัลมาแล้วในทุกเวทีใหญ่ 

        นี่คือช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุดในเส้นทางวงการมายาของผู้หญิงที่มีชื่อว่า "จินตหรา สุขพัฒน์"

        หลังจากที่เคยผ่านจุดที่รุ่งโรจน์ที่สุด สักวันความรุ่งโรจน์นั้นย่อมต้องลดน้อยลงไป ชื่อเสียงย่อมไม่มีวันจีรังยั่งยืน

        จากที่เคยรับบทเป็น "นางเอก" ของเรื่อง ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณแหม่มเริ่มที่จะได้รับบทที่ลดหลั่นลงไป

        ณแหม่มเคยให้สัมภาษณ์กับเรื่องนี้ไว้ว่า

        "จริงๆ แล้วเราก็มองตัวเองไว้อยู่ตลอดเวลาแล้วล่ะค่ะ ว่าถึงเวลายุคสมัยมันก็ต้องเปลี่ยนไป ถ้าเรายังรักที่จะทำงานอยู่ตรงนี้อยู่ เรายังไม่ได้มีอาชีพอื่นที่จะไปทำ เรายังต้องเล่นละครเล่นหนังอยู่อย่างนี้ เราก็ต้องรับได้อะค่ะ แต่ส่วนมากจะเจอพวกนักข่าว หรืออะไรพวกนี้มากดดันเรา เป็นยังไง รับบทอย่างนี้รู้สึกยังไง จะรู้สึกยังไงมันก็งานอะค่ะ คือส่วนตัวไม่ได้คิดอะไร เพราะเราก็เตรียมตัวของเราอยู่แล้วอะไรอย่างนี้ว่า วันนึงจะต้องมาถึงเวลานี้อยู่แล้วอะไรอย่างนี้อะค่ะ"

        และด้วยความเป็นตำนานของคุณแหม่มทำให้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 

        คุณแหม่มได้รับเกียรติให้ประทับรอยมือและรอยเท้าบนลานดารา โดยคุณแหม่มเป็นดวงดางที่ 99 

        ในฐานะนางเอกผู้ปิดตำนานหนังไทย

        ในอดีตคุณแหม่มเป็นนักแสดงหญิงคนนึงที่เป็นตำนานของเมืองไทย เพราะนอกจากฝีมือการแสดงที่ไม่เป็นสองรองใคร การวางตัวของเธอยังยอดเยี่ยมไร้ซึ่งที่ติ

        ตั้งแต่ที่เข้าวงการมาผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย จัดได้ว่าเธอนั้นคือหนึ่งในนักแสดงระดับเพชรเม็ดงามของวงการบันเทิงไทย

        และเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เธอยังเป็นที่รักของชาวไทยอย่างมิมีวันเสื่อมคลาย

        ชื่อของเธอคงจะถูกจารึกให้เป็นหนึ่งในตำนานของวงการบันเทิงไทยตลอดไปอย่างแน่แท้

        จินตหรา สุขพัฒน์ เป็นนักแสดงไทยที่ได้รับรางวัลเกียรติยศทางการแสดงมากที่สุด (ทั้งหญิงและชาย)

        นอกจากนี้ ในนิตยสาร Hamburger ฉบับที่ 39 ได้ระบุว่า  จินตหรา สุขพัฒน์ ได้รางวัลทางการแสดงจากทุกสถาบันหลัก และได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมถึง 4 ครั้งในรอบ 4 ปี รางวัลทางการแสดงจากสถาบันหลักต่าง ๆ ดังนี้

        - รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง แรงหึง (2529)

        - รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เหยื่อ (2530)

        - รางวัลพระสุรัสวดี สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม (2531)

        - รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ส.อ.ว. ห้อง 2 รุ่น 44 (2533)

        - รางวัลพระสุรัสวดี สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เพียงเรามีเรา (2534)

        - รางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง สี่แผ่นดิน (2534)

        - รางวัลเมขลา ในสาขา "นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม" จากละครเรื่อง สี่แผ่นดิน (2534)

        - รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง 2535 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง สมศรี 422 อาร์ ในบทหุ่นยนต์คนใช้ (2535)

        - รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง อำแดงเหมือนกับนายริด (2537)

        - รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง อำแดงเหมือนกับนายริด (2537)

        - รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง สตางค์ (2543)

        - รางวัลพระสุรัสวดี สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง สตางค์ (2543)

        - คมชัดลึก อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ราชินีหมอลำ (2548)

        - ท็อปอวอร์ด สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ราชินีหมอลำ (2548)

        - สตาร์ส์เอนเตอร์เทนเม้นท์ อวอร์ดส์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ราชินีหมอลำ (2548)

        - เฉลิมไทย อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ราชินีหมอลำ (2548)

        - รางวัลพระสุรัสวดี สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2549)

        - คมชัดลึก อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2548)

        - รางวัลสตาร์พิคส์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2548)

        - รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2548)

        - เฉลิมไทย อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2548)

        - สตาร์ส์เอนเตอร์เทนเม้นท์ อวอร์ดส์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2549)

        - มูวีแมกซ์อวอร์ด ครั้งที่ 3 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2550)

        - รางวัลเกียรติคุณทางการแสดง ครั้งที่ 4 สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในบทสมทบ จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2549)

        - รางวัลเทพทอง สาขาผู้ดำเนินรายการดีเด่น จากรายการ เสน่ห์แม่บ้าน (2547)

        - รางวัลบุคคลที่ถูกยกย่องให้เป็น ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ในวันเป็น "ภาษาไทยแห่งชาติ" (2550 )

        - รางวัลทีวีพูลทูไนท์ สาขาเจ้าแม่ละครพีเรียด (2550)

รางวัลผู้หญิงโดดเด่นที่สุดในช่วงทศวรรษ 2531-2541 

        - "นางเอกคู่ขวัญหนังไทย" จากนิตยสารขวัญเรือน (2552)

        - รางวัลทีวีพูล สาขาดาราบทคุณแม่ขวัญใจประชาชน (2552)

        - รางวัลแฟชั่น มิสทิค อ๊อฟ เอเชีย 2010 สาขา Divtne Glamourous Awards (2552)

        - รางวัลสุดยอดคนดังประเภท ดาวค้างฟ้าในชื่อภาษาไทย ในการมอบ โอเค! อวอร์ด 2010

        - รางวัลไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด 2015 สาขาเกียรติยศพระราชทาน บันเทิงเทิดธรรม

ขึ้นหน้าปกนิตยสารแนวหน้ามาแล้วทุกฉบับ

งาม หวาน สง่า ธรรมชาติ ไร้ที่ติ

        ปัจจุบันยังรับงานแสดงอยู่เรื่อยๆ ไม่หายหน้าหายตาไปไหน ทุกวันนี้สวยดูดีสมวัย

ข้อมูลและภาพ จาก pantip

บทความที่คุณอาจสนใจ