จาก "สาวปาร์ตี้" สู่ ภรรยาที่ดีของสามี-แม่ที่ดีของลูก เปิดใจ "ป้อ สารชา" เครียดจนพบไปหาหมอ!

LIEKR:

ตั้งแต่ท้องชีวิตก็เปลี่ยน เครียดจนต้องพบจิตแพทย์

        หลังจากคลอดลูกสาวตัวน้อย –น้องเรน (Reyne) ขวัญใจของบ้านไรวาได้สามเดือน ป้อ สารชา ฤดีสุนันท์ ภรรยาเนม ปราการ ไรวา นักร้องนำวง Getsunova เปิดใจกับทีมงานว่า 

        “ชีวิตตอนนี้เริ่มลงตัวกว่าช่วงแรก เพราะลูกสาวเริ่มโตขึ้นนิดหนึ่ง แรกๆ ทานนมบ่อย ไม่เป็นเวลา ตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้ว ก็จะทำทุกอย่างเป็นเวลามากขึ้น นอนเป็นเวลามากขึ้น ทำให้เราได้พักนานหน่อย วันพรุ่งนี้น้องจะอายุครบสามเดือนแล้ว”

 

Sponsored Ad

 

ตั้งแต่มีน้อง ชีวิตป้อเปลี่ยนไปไหม

        “ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองท้อง ชีวิตเดิมๆ ของป้อหายหมดเลย แต่ก่อนทำงานเสร็จ ป้อชอบไปนั่งดื่มชิลล์ๆ ที่ร้านอาหารของเพื่อนสนิท พวกเราเป็นเกิร์ลแก๊งค์ นั่งลากยาวไป ป้อไม่ได้ชอบเที่ยวผับ แต่ชอบอยู่กับเพื่อนๆ แต่ตั้งแต่เริ่มท้อง หลายอย่างเปลี่ยนไปจนป้อปรับตัวไม่ได้ ต้องปรึกษาจิตแพทย์ เพราะชีวิตเปลี่ยนเร็วมาก 

 

Sponsored Ad

 

        พอรู้ว่าท้อง ตัวเราจะเปลี่ยนโดยอัตโนมัติเพื่อลูก อะไรที่เคยทำก็ต้องเลิก หรือจะดื่มเหมือนเดิมไม่ได้ คุณหมอให้ป้อทานยา เพื่อให้คิดน้อยลง เซ้นสิทีฟกับคำพูดคนน้อยลง คิดในแง่บวกมากขึ้น เพราะช่วงท้องฮอร์โมนเปลี่ยน อารมณ์แกว่ง คุณหมอคุยกับเนม ให้พยายามเข้าใจป้อ ช่วงนั้นเขายอมป้อมาก เพราะรู้ว่าเราเปลี่ยนเยอะ คอยให้กำลังใจทุกสิ่งอย่าง อีกส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวและคนรอบข้าง เพราะรู้ว่าชีวิตเราเปลี่ยนเยอะ เขาพยายามมาอยู่กับเราที่บ้าน มาเล่นด้วย คอยให้กำลังใจ ชวนเราต่อเลโก้บ้าง หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เราแฮปปี้ ซึ่งก็มีช่วงที่ดาวน์บ้าง โอเคบ้าง สลับกันไป

 

Sponsored Ad

 

        “ช่วงแรกๆ ป้อเคยเบรกดาวน์ถึงขนาดที่ว่า ‘ไม่น่าท้องเลย’ หรือ ‘ไม่น่ามีลูกเลย’ ชีวิตเปลี่ยน โน่นนี่นั่น แต่พอคุยให้คุณหมอฟัง คุณหมอบอกว่าถ้าเราทำได้ขนาดนี้ นั่นก็แสดงว่า ‘ลูก’ สำคัญ และมีความหมายกับเรา เพราะเราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ทันทีที่รู้ว่ามีเขา ในช่วงนั้นป้อก็มี ‘ลูก’ เนี่ยแหละที่เป็นกำลังใจ

        “คุณหมอไม่ได้บอกว่าอาการที่ป้อเป็นเรียกว่าอะไร แต่บอกว่าต้องรีบรักษา ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า ยิ่งถ้าคลอดลูกแล้ว และยังเป็นอย่างนี้ จะเลี้ยงลูกไม่ได้ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังกินยาอยู่ เพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่นิดหนึ่ง เพราะมีบางทีที่อารมณ์หรือฮอร์โมนเราเปลี่ยน ทำให้บางครั้งรู้สึกเศร้าและดาวน์ลง คุณหมอบอกว่าหลังคลอดสองอาทิตย์ ป้ออาจเกิดภาวะเบบี้บลูได้ เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยน ทำให้รู้สึกเศร้า แต่ถ้าเป็นเกินสองอาทิตย์ ต้องรีบไปหาหมอ เพราะเป็นนานผิดปรกติ”

 

Sponsored Ad

 

ได้ข่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งป้อและเนมเฮิร์ทเรื่องลูกมาก 

        “ใช่ค่ะ เพราะทีแรกนึกว่าลูกต้องผ่าตัด เรื่องของเรื่องคือ เช้าวันหนึ่ง ป้อได้ยินเสียงลูกคราง ไม่ได้ร้องไห้โยเย พี่เลี้ยงอุ้มก็แล้ว ป้ออุ้มก็แล้ว เขาก็ยังครางอีก จึงรีบพาไปโรงพยาบาล คุณหมอให้แอดมิท เพราะไข้ขึ้นสูง ตอนแรกคุณหมอคิดว่าเขาเป็นลำไส้รั่ว ต้องผ่าตัดด่วน เพราะมีลมในท้องเยอะมาก พอคุณหมอพูดแบบนั้น ป้อก็ตกใจ ช็อค ร้องไห้ทั้งวันเลย เพราะก่อนพาลูกมาโรงพยาบาล คิดแค่ว่าเขาคงไม่สบายทั่วไป เราก็เลยสติแตก ร้องไห้ไม่หยุด จนทุกคนบอกว่าใจเย็นๆ ถ้าเราร้องไห้เยอะ ลูกยิ่งกลัว เราต้องเป็นกำลังใจให้ลูก แต่ ณ เวลานั้น ยังไงเราก็ไม่ไหวอยู่ดี เนมเองก็พยายามเข้มแข็ง คอยให้กำลังใจ ปลอบใจให้เข้มแข็ง เราทั้งคู่ต้องผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ เขาคอยอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลตลอด

 

Sponsored Ad

 

        “จนกระทั่งคุณหมออีกท่านหนึ่งดูผลจากฟิล์มเอ็กซเรย์ บอกว่าไม่ต้องผ่าตัด เพราะเขาเป็นปอดอักเสบ และลำไส้ติดเชื้อ ให้นอนพักไอซียู อยู่โรงพยาบาลเกือบสิบวัน โล่งใจที่ลูกไม่ต้องผ่าตัด”

ป้อเคยคิดจะเป็นคุณแม่เต็มเวลาไหม 

 

Sponsored Ad

 

        “ป้อต้องเป็นเวิร์คกิ้งมัมแน่นอน ไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูก ป้อไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบหาอะไรทำตลอดเวลา ถ้าอยู่อย่างนี้เราจะฟุ้งซ่าน มันว่างเกิน ป้อชอบทำงาน มาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าไม่ทำเดี๋ยวไม่มีเงิน 

        คุณแม่สอนตั้งแต่เด็กว่า อยากได้อะไร ทำเองนะ เลยทำงานมาตั้งแต่เด็ก

        “เพียงแต่ตอนนี้ป้อยังลางานอยู่ แต่จะกลับไปทำงานต้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว เพราะป้อทำงานเอเจนซี่ แค่ลาคลอดสามเดือน และตอนนี้ครบจำนวนที่ลาแล้ว บวกกับหลายอย่างเริ่มลงตัว ก็เลยอยากกลับไปทำงาน ส่วนน้องเรนจะมีพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเนมตั้งแต่เล็กๆ มาช่วยดู และส่วนใหญ่เนมทำงานกลางคืน เพราะฉะนั้นกลางวันเนมก็อาจช่วยดูแลลูกด้วย

Sponsored Ad

ไม่คิดว่าห่างลูกเร็วเกินไปเหรอ

        “ตอนแรกที่จะกลับไปทำงานต่อ ป้อไม่ได้รู้สึกว่าเร็วเกินไป แต่ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล และป้อจะต้องกลับไปทำงานแล้ว เริ่มรู้สึกว่าเร็ว เพราะเราอยากอยู่ใกล้ชิดเขาสักหกเดือน แต่ต้องกลับไปทำงานก่อน เดี๋ยวไม่มีสตางค์เลี้ยงลูก ; )) ลองกลับไปดูก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากัน ป้อไม่อยากหยุดงานโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเราไหวหรือไม่ไหว

        “ต้องบอกว่าป้อเป็นคุณแม่มือใหม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่ป้อรู้สึกคือ ช่วงเวลาที่เลี้ยงลูกผ่านไปเร็วมาก เพราะเขาโตเร็วมาก เพราะฉะนั้นทุกช่วงเวลามีค่ามาก โดยเฉพาะตอนที่เราได้อยู่กับเขา จึงอยากใช้เวลาดูแลและอยู่กับเขาให้ดีที่สุด ยิ่งนานวันเขายิ่งโตขึ้นๆ คุณหมอบอกว่าวันหนึ่งที่ลูกเดินได้ เขาจะไปจากเราทีละนิดๆ เราฟังแล้วก็สะเทือนใจนะ

        “เพราะฉะนั้นก็อยากให้ความรักความอบอุ่นเขาให้เต็มที่ เท่าที่เราจะทำได้”

ข้อมูลและภาพ จาก praew

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ