เปิดบทเรียนชีวิตจากประสบการณ์จริงของหญิงที่ "ห ย่ า มา 2 ครั้ง" มาเล่าสู้กันฟัง

LIEKR:

ใครมีประสบการณ์ชีวิตคู่อย่างไรบ้าง?

    มีชาวเน็ตต่างชาติได้เผยแพร่ประสบการณ์การแต่งงาน พร้อมบทเรียนที่ไม่ได้มีในหนังสือ ....

    ช่วงที่ 1

 

Sponsored Ad

 

    ทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแต่งงานของตนเอง แต่ครอบครัวที่มีความสุขมักจะเหมือนกัน แต่ครอบครัวที่ โ ช ค ร้ า ยไม่มีความสุข ก็จะมีเหตุผลที่ต่างกันออกไป ความล้มเหลวของชีวิตแต่งงาน มักมีประสบการณ์เฉพาะของตนเอง

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

    ฉันก็เป็นหนึ่งในผู้แพ้ทางชีวิตแต่งงานเหล่านี้ แต่ฉันเชื่อว่าหากมีการแต่งงานครั้งที่ 3 ในชีวิตของเกิดขึ้น ฉันจะไม่ปล่อยให้มัน เ ล ว ร้ า ยเท่ากับการแต่งงาน 2 ครั้งแรก การพูดแบบนี้ก็เพื่อ 1.แสดงความมุ่งมั่นของตนเอง 2.อยากเตือนคนหนุ่มสาว ได้โปรดอย่าเดินเส้นทางเดียวกับฉัน

    หลังแต่งงานอย่าทิ้งการงานของตนเองเด็ดขาด

    ฉันเหมือนเช่นเดียวกับผู้หญิงหลายคนที่มีความรู้สึกเกี่ยวกับการแต่งงานว่า เราทุกคนมักรู้สึกว่าชีวิตตอนที่คบหาเป็นแฟนกันนั้นเรามีความผูกพัน มีวันดีดีต่อกันเสมอ แต่หลังจากแต่งงานแล้ว เราต้องเผชิญกับเรื่องต่างๆมากมายภายในครอบครัว และในตอนนั้นเอง เราถึงจะพบว่าสิ่งที่สวยงาม มันเป็นเพียงจินตนาการที่ตนเองสร้างขึ้นเท่านั้น

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    เฉินหมิงเป็นสามีคนแรกของฉัน แน่นอนว่าฉันได้มอบความรักส่วนใหญ่ทั้งหมดให้เขาไป เขาเคยพูดว่าจะเลี้ยงฉันไปตลอดชีวิต และเป็นเขาเองที่บอกให้ฉันไม่ต้องมีหน้าตาที่สวยสดงดงาม หน้าเรียวทรงไข่ ดังนั้นหลังแต่งงานฉันจึงเลือกที่จะเป็นแม่บ้านเต็มเวลา

    ครอบครัวสามีฐานะดีไม่ได้ขาดแคลนเรื่องการเงิน แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่เขาและพ่อแม่ของเขาก็เป็นคนหาเงินเก่ง ก่อนแต่งงานแม่สามีถามฉันว่า แต่ละเดือนเธอได้เงินเดือนเท่าไร? ฉันบอกไปว่าประมาณเดือนละ 3,000 หยวน (ราว12,800 บาท)  แม่สามียิ้มๆแล้วพูดว่า “เงินสามพันยังไม่พอสำหรับค่ารองเท้าของเฉินหมิงเลย” ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่สามีพูดแบบนี้เพื่อประชดหรือสงสารกันแน่ แม่สามีและสามีไม่แนะนำให้ฉันไปทำงานนอกบ้าน เพียงเพราะเงินเดือนแค่ 3,000 

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    ในตอนแรกลึกๆในใจไม่อยาก แต่ก็ทำตามยอมเป็นแม่บ้านเต็มเวลา และรอให้ลูกคลอดออกมา ฉันไม่เคยนึกว่าก่อนว่าตนเองจะมีความสุขอะไรเช่นนี้ ลูกคนแรกเป็นผู้ชายครอบครัวสามีดีใจมาก ฉันเสี่ยงชีวิตคลอดลูกคนแรกแบบธรรมชาติที่มีน้ำหนัก 4 กก. พ่อแม่สามีดีใจกันมาก มอบรถยนต์คันหรูให้ฉัน 1 คันเป็นรางวัล แม้ว่าสำหรับพวกเขารถคันนี้อาจไม่แพงหรูหราอะไรมาก แต่สำหรับฉันนี่คือรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    ช่วงที่ 2

    ต้องมีวงจรชีวิตเป็นของคุณเอง

    ตั้งแต่ที่แต่งเข้ามาบ้านหลังนี้ ฉันก็ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เพื่อน ญาติพี่น้องต่างก็รู้ว่าฉันแต่งเข้าบ้านที่ดี พวกเขาอิจฉาฉันมาก ที่มีชีวิตสุดแสนสบาย โดยเฉพาะหลังจากที่คลอดลูกชายออกมา ฉันก็ทุ่มเทเอาเวลาทั้งหมดไปดูแลครอบครัวลูก จนไม่มีเวลาออกนอกบ้านเลยยุ่งแต่การทำงานบ้านกับเลี้ยงลูก

    ฉันไม่มีงานอดิเรกอะไร สิ่งเดียวที่ทำคือรอสามีเลิกงานกลับบ้าน หรือเล่นกับลูก เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ ในเวลานั้นฉันอิจฉาพวกที่ทำงานนอกบ้านจริงๆ มีเวลาพูดคุยกับเพื่อนๆในที่ทำงาน แต่เมื่อเห็นพวกเขาต้องเหน็ดเหนื่อยทำงานหนักเพื่อหาเงิน ต้องทนรับฟังคำด่าจากคนข้างบนก็จะเริ่มนึกถึงชีวิตของตนเอง

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    ในตอนแรกคิดว่าตนเองคงจะมีชีวิตที่สุขสบายตลอดไป แต่ทว่าใครจะไปรู้ว่า ในตอนที่ลูกชายอายุได้ 3 ขวบ ฉันก็ต้องพบเจอกับมรสุมชีวิตคู่ กว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งการหย่านั้นยากเย็นมาก ในตอนแรกพ่อแม่สามีไม่เห็นด้วยกับการหย่าร้างของสามี แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาไม่สามารถควบคุมความคิดของสามีได้ จนเกิด ส ง ค ร า มครอบครัวเกิดขึ้น ในที่สุดสามีก็ร้องไห้และพูดความคิดในใจออกมาให้คนในครอบครัวได้ฟัง ในเวลานั้นพ่อแม่ของเขาหมดแรงที่จะหยุดรั้งความคิดของเขาได้อีก 

Sponsored Ad

    นั้นเพราะสามีได้รู้จักกับผู้ช่วยหญิงคนหนึ่งที่สามารถช่วยเขาในด้านอาชีพการงาน อีกทั้งเธอก็ดูฉลาดกว่าฉันมาก ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ฉันแทบจะไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้เลย ก็เป็นอย่างที่เล่ามา สุดท้ายก็จบลงด้วยการลาจาก ลูกอยู่กับพวกเขา ส่วนฉันได้เงินมาก้อนหนึ่ง และย้ายออกจากบ้านของเขา

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    นี่คือความล้มเหลวของชีวิตแต่งงานครั้งแรก ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยตั้งแต่วันที่ฉันย้ายออกจากบ้านของเขา ในตอนนั้นฉันเพิ่งตระหนักได้ว่า เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่เลือกออกจากงานที่ทำอยู่ แม้ว่าฉันจะไม่เลือกทำงานเงินเดือน 3,000 หยวน แต่ก็ควรไปช่วยงานของสามี พ่อแม่สามีด้วย ควรหาอะไรทำหน่อย แต่ทว่าในตอนนั้นฉันเองที่มัวแต่ดื่มด่ำกับชีวิตที่แสนสบาย มีความสุขไปวันๆ และไม่ได้นึกถึงหรือป้องกันเรื่องนี้มาก่อนเลย 3 ปีผ่านไปกลับถูกเตะออกมาอย่างไร้ความปราณี

    หลังจากมีคนแนะนำก็ทำให้ได้รู้จักกับสามีคนที่ 2 ประสบการณ์ครั้งแรกเป็นบทเรียนที่ดี ทำให้ฉันตระหนักถึงความสำคัญของการทำงาน และฉันก็คิดว่าการมีรูปร่างหน้าตาที่ดีจะนำพาความโชคดีมาให้ แต่ความโชคดีแบบนี้มันไม่ยั่งยืนนาน แต่สิ่งที่พึ่งพาได้ที่สุดก็คือ ตนเอง นี่ถึงจะเป็นหลักประกันที่ดีว่าจะอยู่กับเราตลอดไป สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็คือตั้งใจทำงาน และอย่ามัวแต่เชื่อในความรักอีกต่อไป เพราะฉันก็เคยตกหลุมพรางมาแล้ว

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    แต่ทว่าในชีวิตแต่งงานครั้งที่ 2 ของฉัน ก็ไม่ได้เป็นดั่งที่ใจหวัง ชีวิตแต่งงานไม่มีความสุข แม้ว่าการหย่าครั้งนี้ฉันเป็นคนยื่นข้อเสนอก่อน แต่เป็นเพราะสามีบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้ หลังจากหย่าครั้งที่ 2 ฉันก็ได้ข้อ สรุปบทเรียน 4 ข้อทีจะแนะนำคนหนุ่มสาวว่า “อย่ามีเส้นทางเดียวกับฉัน"


(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    03

    ต้องขยันหมั่นเพียรในการดูแลครอบครัว ยิ่งกว่านั้นต้องทำนุบำรุงสุขภาพความงามของตนเองด้วย

    มีผู้คนบอกว่า “การโดนเอาเปรียบจะสอนอะไรเรามาก” จุดนี้ฉันเข้าใจ ฉันจะไม่เป็นคนเดิมที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยจนเป็นนิสัยเหมือนเมื่อก่อน ฉะนั้นในชีวิตแต่งงานครั้งที่ 2 ฉันต้องบอกกับตนเองว่า “ต้องขยันและประหยัด” เพราะฉันไม่ใช่คนก่อน ฉันต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเอง สนับสนุนตัวเองเพื่อที่จะได้มีศักดิ์ศรีของตนเอง

    ดังนั้นฉันจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างหนัก อาจเป็นไปได้ว่า ฉันเคยเจ็บหนักมาก่อน ทำให้ไม่คิดจะดูแลความสวยงามบนใบหน้ามากนัก เอาแต่นั่งทำงาน เพราะโดยพื้นฐานแล้วตนเองก็หน้าตาโอเค ไม่ต้องบำรุงรักษาใด ๆก็ได้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาฉันจึงเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำงานหน้าจอคอมจนหมดแทบไม่มีเวลาดูแลตนเอง

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น

    หลังแต่งงานครั้งที่ 2 ผ่านไป 3 ปี ฉันรู้สึกว่าสามีไม่ได้หลงรักฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อฉันไปยืนมองดูตนเองตรงหน้ากระจก ฉันจึงตระหนักขึ้นได้ว่า ทำงานจนลืมดูแลตนเอง ตลอด 3 ปี ฉันกลายเป็นคนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาดูไม่ได้แล้วผิวพรรณก็ดูแย่ลง ขนาดตนเองยังไม่กล้าดูเลย แล้วจะหวังอะไรกับสามี

    สุดท้ายเนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง แต่ประเด็นหลักน่าจะเพราะรูปร่างหน้าตา ทำให้ชีวิตแต่งงานต้องจบลง

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    04

    ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับสะใภ้นั้นสำคัญมาก

    เพราะสามีเป็นคนหน้าตานิ่งๆ ไม่แสดงออก ฉันทะเลาะกับสามีหลายครั้ง เนื่องจากฉันเคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งทำให้พวกเขาดูถูกฉัน ตอนพบหน้ากันก็เกิดมีปากเสียงกันขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นแม่ของสามียังพูดจาหยาบคายใส่ ฉันจึงทนไม่ไหวตอกกลับไปแค่คำสองคำ ใครจะไปรู้ว่าแม่สามีถึงกับร้องไห้ และเอาไปฟ้องสามีว่า ฉันรังแกเธอ

    สามีโกรธมากจึงตบหน้าฉันไป 1 ทีเพราะเขานึกว่าฉันจะหลบทัน ฉันไม่มีแรงต้านทานเขา จึงโดนไปหลายที แม้ว่าภายหลังสามีจะรู้สึกผิดมาก และมาขอโทษฉัน แต่ฉันในตอนนั้นรู้สึกด้านชาไปแล้ว ไม่เหลือแล้วความรัก อุณหภูมิแห่งความรักก็ไม่เหลือแล้ว 

    ฉันรู้สึกว่าเมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้ว มันเป็นการดีกว่าที่จะหย่ากันแต่เนิ่น ๆ เพราะนับวันเขาก็เริ่มไม่ชอบขี้หน้าฉันแล้ว และฉันเองก็ไม่ต้องขอใครเลี้ยงดู ดังนั้นเราทั้งสองคนก็บอกลากันอย่างสันติ ไม่ได้ทุกข์ทรมานเหมือนตอนหย่าครั้งแรก 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    เนื้อหาข้างต้นคือประสบการณ์แต่งงาน 2 ครั้งของฉัน ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าผู้หญิงเราจะแต่งงานแบบไหน แต่ควรจดจำ 4 เรื่องนี้ รับรองว่าไม่ผิดแน่ๆ

    1.ต้องมีรายได้ การงานของตนเอง

    2.ต้องรู้จักดูแลรักษาความงามในตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกสำคัญ

    3.ต้องมีชีวิตส่วนตัว วงจรชีวิตของตนเอง

    4.อย่ามองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับสะใภ้เด็ดขาด

    หากทำได้ทั้งหมด ฉันเชื่อว่าชีวิตแต่งงานของคุณจะดีขึ้น อาจจะรับประกันไม่ได้ว่าจะสามารถอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่มันก็สามารถช่วยให้ชีวิตคู่ของคุณมีคุณภาพมากขึ้น 


ที่มา : toutiao

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ