เรื่องราวสุดน่าเศร้าที่ถูกเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ เกี่ยว “นกเงือก” ที่ถูกนายพรานยิงบนเกาะช้าง จนอาการไม่สู้ดี คุณหมอก็ช่วยกันยื้อชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องจากโลกนี้ไป... และวันนี้เราจะมาสรุปข่าวและเรื่องราวทั้งหมดในอ่านแบบง่าย ๆ กันค่ะ

    เหตุการณ์นี้เกิดจึ้นเมื่อ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่า พบนกเงือกถูกยิงได้รับบาดเจ็บ อยู่ภายในน้ำตกคีรีเพชร เลยรีบส่งตัวเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ

    พบพรานป่ามือยิงนกเงือกจำนวน 2 คน วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า ในเขตน้ำตกคีรีเพชร นอกเขตอุทยาน จากนั้นได้เดินทางต่อไปที่เกิดเหตุ น้ำตกคีรีเพชร ชั้นที่ 1 พบนกได้รับบาดเจ็บ 1 ตัว พบว่าเป็นนกเงือกเพศเมีย อายุประมาณ 5 ปี ที่ถูกยิงจากอาการย่ำแย่ เจ้าหน้าที่เองรีบนำส่งโรงพยาบาลไปรักษาตัว 

    ผ่านมา 6 วัน เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตความคืบหน้า โดยบอกว่า... "นกเงือก เจ้าเกาะช้าง เริ่มมีอาการไม่ค่อยดี หายใจติดขัด ต้องสอดท่อ เข้าเครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา”

    เจ้าหน้าที่ได้เล่าว่า เมื่อก่อน แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจะเป็นผู้ล่านกเงือก แต่ทางชุมชนได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ รณรงค์จนแรงงานยุติการล่านกเงือก แต่กลับมีพรานป่าในหมู่บ้าน ออกมาล่านกเงือกเสียเอง 

    ผ่านมามีการล่านกเงือกอยู่บ่อยครั้งทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างได้ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น ชาวบ้านร่วมกันประชาสัมพันธ์มาโดยตลอดถึงความผิดทางกฎหมาย และการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่มีแต่จะน้อยลงไปทุกวัน

    นอกจากนี้ นกเงือกเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และกำลังจะเหลือน้อยลงทุกที จากภัยคุกคามจากมนุษย์ต่างๆ ทั้งการสูญเสียแหล่งอาศัย การถูกล่าเพื่ออวัยวะ แต่นกเงือกมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและป่าอย่างมาก โดยขนามนามว่าเป็นนักปลูกป่า และเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้

.

    สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าโศกเศร้าอย่างมาก ขอให้เรื่องนี้นำไปสู่มาตรการที่จริงจังระดับชุมชน และประเทศในการอนุรักษ์นกเงือก ไม่มีใครต้องการอวัยวะนกเงือกเท่าตัวนกเงือกเอง 

จากโพสต์ต้นฉบับ

    มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก พบว่า นกเงือกในธรรมชาติอาจมีอายุราวๆ 30 ปี แต่ละตัวสามารถกระจายเมล็ดพันธุ์ได้มากกว่า 100 ต้นต่อสัปดาห์ ต้นไม้เหล่านี้มีอัตราเติบโตประมาณร้อยละ 5 ดังนั้น ตลอดช่วงอายุขัยของนกเงือก 1 ตัว จึงปลูกต้นไม้ได้ถึง 500,000 ต้น ลองคิดดูว่า นกเงือกที่ถูกล่าเพียง 1 ตัวในเขตอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง จะตัดวงจรการปลูกต้นไม้ให้ผืนป่าไปมากเท่าไร? นั่นคือผลลัพธ์ของราคาที่เราต้องจ่ายคืนให้กับธรรมชาติ

ที่มา : เผด็จ ศิริดำรง