เราทุกคนรู้ว่าดีว่า “นักกีฬามืออาชีพ” นั้นมีความสง่างามและมีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นอาชีพที่ทำให้ดูเปล่งประกายเหมือนดอกไม้ไฟ แต่อาชีพของนักกีฬานั้นสั้นมาก เพราะเมื่อแก่ตัวลงสมรรถภาพทางกายก็จะลดลงไปตามกาลเวลา ทำให้มีหลายคนเมื่อกอบโกยหรืออิ่มกับการทำอาชีพนี้แล้วก็จะถอนตัวไปทำอย่างอื่น

     แต่เธอคนนี้กำลังรุ่งกับการเป็นนักกีฬามาก แต่กลับต้องหยุดและออกจากการเป็นนักกีฬากลางคัน เพราะเธอเลือกครอบครัวก่อน

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า ซางเซียะ อดีตนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติที่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ ตอนอายุ 10 ขวบ ในตอนนั้นโค้ชเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีความสามารถในการกระโดดน้ำมาก จึงเชิญชวนให้เข้ามาฝึกซ้อมและเป็นนักกีฬาทีมชาติ หลังจากเข้าอบรมและฝึกซ้อมได้ 4 ปี ก็ให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันทีมชาติ

     ในตอนแรกถึงแม้ว่า ซางเซียะจะมีความสามารถสูง เมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาคนอื่นก็ยังถือว่าอ่อนหัดมาก จะมีความสามารถสูง แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ กลับมีความพยายามมากขึ้น ในปีที่ 2 ที่เธอเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ซิดนีย์ เธอก็สามารถคว้าเหรียญทองรางวัลชนะเลิศคู่ผสมความสูง 10 เมตร .มาได้

    ในตอนนั้นเธออายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ทุกคนต่างพากันชื่นชมเธอ หลังจากคว้าเหรียญทองมาได้ ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่โชคก็ไม่ได้เคียงข้างเธอตลอดไป หลังจากนั้นแค่ 1 ปี ซึ่งก็คือตอนที่เธออายุ 17 ปี แต่จู่ๆเธอก็ประกาศถอนตัวออกจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ ทำคนทั้งประเทศตกใจกับข่าวของเธอเป็นอย่างมาก สื่อต่างๆพากันสัมภาษณ์และทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้กันยกใหญ่ ซึ่งในตอนนั้นเธอให้เหตุผลว่า  “ที่ต้องออกจากวงการกีฬาเป็นเพราะสุขภาพของเธอเอง เพราะไม่สามารถกระโดดจากที่สูงขนาดนั้นได้อีกต่อไป อีกอย่างก็อยากจะเรียนต่อมหาวิทยาวัย”

    หลังจากที่เธอออกจากวงการกีฬาก็เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยทันที แต่ทว่าพื้นฐานทางวัฒนธรรมและการเรียนที่ค่อนข้างไม่แข็งแรง เนื่องจากเมื่อก่อนเธอถูกปิดกั้น ต้องตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันตลอดเวลา ทำให้ตอนนี้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างสูงมากเพื่อที่จะเรียนตามเพื่อนให้ทัน สุดท้ายเธอก็ถอนตัวไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเนื่องจากไม่สามารถไปต่อได้

    หลังจากนั้นไม่นานแม่ของเธอก็ล้ม ป่ ว ยและต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการรักษา แต่ในเวลานั้นซางเซียะไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น เพื่อความอยู่รอดจึงออกมาหางานทำ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง  แต่เงินเดือนของเธอก็ยังไม่มากพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแม่ได้

    เพื่อให้มีรายได้มากขึ้น ซางเซียะจึงผลักดันตนเองมาเป็นนักร้อง ในปี 2006 เธอออกอัลบั้มแรกซึ่ง เธอสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองผ่านการร้องเพลงได้ดีมาก จนสามารถแตะต้องสัมผัสใจผู้ฟังมากมาย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบวงการบันเทิงเท่าไหร่ แต่เพื่อหาเงินให้แม่ เธอก็ยอมอดทนและพยายามอย่างมาก 

    ปัจจุบันเธออายุ 35 ปี ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย แต่ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากขึ้น ชีวิตที่พลิกผันของเธอทำให้เธอรู้คุณค่าของชีวิตมากขึ้น และหวังว่าในอนาคตเธอจะเป็นลูกที่กตัญญูและมีความสุขในชีวิตมากขึ้นตลอไป 

.

ที่มา:mycomic

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR