รู้จัก "เหรินเจิ้งเฟ่ย" แม่ทัพแห่ง “HUAWEI” อดีตเด็กยากจน ผู้นำแบรนด์จีนเซินเจิ้นสู่ตลาดโลก

LIEKR:

รู้จัก "เหรินเจิ้งเฟ่ย" แม่ทัพแห่ง “HUAWEI” อดีตเด็กยากจน ผู้นำแบรนด์จีนเซินเจิ้นสู่ตลาดโลก

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

     ภายในเวลาไม่กี่ปี Huawei(หัวเว่ย) ได้พาตัวเองขึ้นไปสู่ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และพร้อมที่จะเขย่าบัลลังค์ของ Samsung และ Apple เหตุใดแบรนด์ชื่อจีนที่แทบจะไม่มีใครรู้จักมาก่อน ถึงได้ก้าวเข้าสู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก วันนี้ เราจะมาหาคำตอบจาก "ผู้ก่อตั้ง" กันค่ะ


 

Sponsored Ad

 

     เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและแม่ทัพคนสำคัญของหัวเหว่ย เกิดในปี 1944 ที่มณฑลกุยโจว หนึ่งในภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศจีน พ่อและแม่เป็นครูสอนหนังสือ เป็นผู้ขยันอดทน จิดใจดีงาม และประหยัดมัธยัสถ์

     เหรินเจิ้งเฟยมีพี่น้องเจ็ดคน เขาเป็นคนโต ครอบครัวทั้งเก้าคนต้องยังชีพด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของพ่อแม่ รายจ่ายครอบครัวเขาสูงมาก ทุกครั้งพอสิ้นเดือนแม่ต้องขอยืมเงินจากเพื่อนบ้านเพื่อประทังความหิว บ่อยครั้ง เพื่อนนักเรียนก็ยุให้เขาขอเสื้อใหม่จากแม่ แต่เขาบอกว่าไม่กล้า เพราะรู้ดีว่าแม่ทำไม่ได้

 

Sponsored Ad

 


     “ขณะนั้นผมอายุสิบสี่–สิบห้า เป็นลูกคนโต น้อง ๆ ยังเล็กอยู่และไม่รู้ความ พ่อกับแม่จะแอบกินอาหารเองสักคำย่อมทำได้ แต่พวกท่านไม่เคยทำ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น อาจมีน้องๆ คนสองคนไม่รอดถึงวันนี้”

 

Sponsored Ad

 

     ระหว่างการเติบโตอันยากลำบากของเหรินเจิ้งเฟย เขารู้ซึ้งที่สุดถึงความลำบากของพ่อและแม่ ความอดออมถนอมตน ประหยัดมัธยัสถ์ ต่างๆ เหล่านี้ย่อมซึมซับอยู่ในสายเลือดของเหรินเจิ้งเฟย ดังนั้นเมื่อประจวบกับกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนที่โหมกระหน่ำ เหรินเจิ้งเฟยจึงกลายเป็นผู้โดดเด่นและประสบความสำเร็จในกิจการหัวเหว่ย


 

Sponsored Ad

 

     เหรินลาออกจากกองทัพในช่วงปี 1980 และย้ายไปเสินเจิ้นเพื่อก่อตั้งบริษัทของตัวเอง นั้นก็คือ Huawei ด้วยเงิน 21,000 หยวน ที่เขาเก็บหอมรอมริบ ในช่วงแรกของการดำเนินงาน แหล่งรายได้ของ Huawei มาจากการขายอุปกรณ์โทรคมนาคมสำนักงานที่นำเข้ามาจากฮ่องกง

     แต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ทางการค้า ยามนั้นเหล่าผู้ก่อตั้งจึงยังหาทิศทางไม่พบ อะไรที่ทำเงินได้ก็ทำ เคยขายเครื่องส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้และยังเคยขายยาลดความอ้วนด้วย หลังจากผ่านความล้มเหลวมานับไม่ถ้วน ผลาญเงินทุนไปนับร้อยล้านหยวน พวกเขาก็เสาะหาและทดลองภายใต้เงื่อนไขและอุปกรณ์ที่มีจำกัด ในที่สุดก็ผลิตตู้สาขาโทรศัพท์ที่ควบคุมด้วยโปรแกรมสำเร็จ

 

Sponsored Ad

 

     “ในประวัติศาสตร์มีเพียงคนกล้าคิดจึงจะกล้าทำ มีเพียงคนที่กล้าปฏิวัติจึงสามารถปฏิวัติได้ มีเพียงการปฏิวัติจึงจะพบโอกาสใหม่” คำพูดนี้ของเหรินเจิ้งเฟยคือคติพจน์ในชีวิตของเขา


 

Sponsored Ad

 

     ประสบการณ์ที่เหรินเจิ้งเฟยเคยประสบมาทำให้เขาให้ความนับถือต่อผู้มีความรู้และยอดฝีมือ เขาเคยประกาศว่า “พนักงานคือสมบัติของหัวเว่ย เคารพความรู้ เคารพบุคลิกภาพ ทำงานเป็นทีม และไม่คล้อยตามเพื่อเอาใจพนักงานดีเด่น คือปัจจัยที่ช่วยธุรกิจเติบโต” จึงยิ่งได้มาซึ่งผู้มีฝีมือทางเทคโนโลยี ทำให้หัวเว่ยพัฒนาสู่ความเป็นเลิศด้านไฮเทคระหว่างการก่อร่างสร้างตัวของหัวเว่ย

     “ชีวิตที่ราบรื่นเกินไปอาจเป็นหายนะ ถ้าพิสูจน์ดูให้ดีคุณจะพบว่าอุปสรรคของคุณเป็นบุญญามิใช่เภทภัย” “ถ้าผมไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ในยุคนั้น ทิ้งโอกาสของยุคนั้น ผมจะไม่มีทางยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้” เหรินเจิ้งเฟยเน้นย้ำบ่อยครั้งในการสัมมนากับพนักงาน

Sponsored Ad

     ปี 1997 หลังพากเพียรสร้างธุรกิจมาสิบปี จากห้องทำงานเล็กๆ หัวเว่ย กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมในประเทศจีน เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเหรินเจิ้งเฟยคือเขาไม่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินและความร่ำรวย เขายินดีแบ่งปันผลลัพธ์จากการต่อสู้แก่พนักงาน จึงทำให้มียอดฝีมือจำนวนมากยินดีร่วมงานกับเขาเพื่อช่วยให้กิจการของหัวเว่ยเติบโตยิ่งขึ้น

     หากลองหวนมองประวัติการพัฒนาตลอดยี่สิบเจ็ดปีของหัวเว่ย การที่เหรินเจิ้งเฟยสามารถดึงดูดคนนับพันนับหมื่นให้ร่วมแรงร่วมใจกันมุ่งสู่เป้าหมาย และพนักงานส่วนมากก็เคารพนับถือเหรินเจิ้งเฟยจากใจจริง ก็เพราะเขารู้จักกระจายทรัพย์และกล้าที่จะมอบอำนาจ นี่คือประเด็นสำคัญที่ทำให้หัวเว่ยซึ่งเริ่มจากห้องทำงานเล็ก ๆ ที่มีคนหกคน เติบโตเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีพนักงานหนึ่งแสนห้าหมื่นคนเช่นปัจจุบัน

     นี่คือเส้นทางการก้าวเดินของ “หัวเว่ย” จากชีวิตของผู้ก่อตั้ง วิศวกรผู้เติบโตจากดินแดนทุรกันดารของจีน ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เซินเจิ้นที่ๆ เคยคิดว่ามีแต่ของก๊อป แต่ตอนนี้หัวเว่ยกลับผงาดเป็นแบรนด์ที่ติด Top 100 ของโลก จากการจัดอันดับของ Forbes และมียอดขาย 86,000 ล้านเหรียญต่อปี มีพนักงาน 180,000 คนใน 170 ประเทศ ครองส่วนแบ่ง 20% ในตลาดโทรศัพท์มือถือ และสร้างความหวั่นไหวให้กับ Apple และ Samsung

     "…ชีวิตที่ขัดสนด้านวัตถุและการเคี่ยวกรำทางจิตใจ คือโอกาสอย่างหนึ่งที่สร้างเราให้มีวุฒิภาวะในเวลาต่อมา…” เหรินเจิ้งเฟย

ชมคลิปที่เกี่ยวข้อง 1...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ชมคลิปที่เกี่ยวข้อง 2...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลจาก amarinbooks

เรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ