ใครชอบกินซูชิต้องดู! ชาวเน็ตเผยผลเอ็กซ์เรย์น่าขนลุก หลังรับประทาน "ปลาดิบ" พร้อมวิธีกินให้ปลอดภัย!

LIEKR:

ใครชอบกินซูชิต้องดู! ชาวเน็ตเผยผลเอ็กซ์เรย์น่าขนลุก หลังรับประทาน "ปลาดิบ" พร้อมวิธีกินให้ปลอดภัย!

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตได้แชร์ภาพเอ็กซ์เรย์ของชายคนหนึ่ง โดยได้ระบุไว้ว่า ชายผู้นี้ชอบทาน "ซูชิ" เป็นอย่างมาก ผลการเอ็กซ์เรย์ทำเอาถึงกับต้องตกใจ เพราะสิ่งที่ชื่นชอบกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง หลังภาพเอ็กซ์เรย์ปรากฏว่าข้างในเต็มไปด้วย "พยาธิตัวตืด"

        ในโพสต์ได้ระบุไว้ว่า ชายชาวจีนผู้รักการกินซูชิรายหนึ่งมาพบแพทย์ หลังจากมีอาการปวดท้องและคันไปทั่วผิวหนัง และก็ต้องผงะ เมื่อภาพเอ็กซ์เรย์ออกมาเต็มไปด้วยพยาธิตัวตืด เป็นผลมาจากการกินซาซิมิมากเกินไป หลังจากเขาจับปลาในน้ำจืดมาแล่กินเองแบบดิบๆ

 

Sponsored Ad

 

.

ภาพเอ็กซ์เรย์ที่เห็นมีพยาธิเต็มไปหมด

        ข่าวที่ออกมา เชื่อว่าคอปลาดิบหลายคนคงช็อกไม่น้อย แล้วเราจะทำอย่างไรให้เราปลอดภัยจากพยาธิในปลาดิบได้บ้าง วันนี้ LIEKR ขอนำความรู้เกี่ยวกับการรับประทานปลาดิบแนะนำกันค่ะ รีบอ่านด่วนเลย

 

Sponsored Ad

 

ภาพเอ็กซ์เรย์ที่เห็นมีพยาธิเต็มไปหมด

        พยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex) คือตัวการของเรื่องนี้ พยาธิตัวนี้มักจะพบในปลาดิบที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือในปลาทะเลที่วางขายในประเทศ ซึ่งจะตรวจพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ในปลาหลายชนิด เช่น ปลาดาบเงิน ปลาตาหวาน ปลาสีกุน ปลาทูแขก ปลากุเลากล้วย ปลาลัง และปลาทะเลที่มาจากต่างประเทศอย่างเช่น ปลาจำพวก ปลาคอด ปลาเฮอริ่ง โดยเฉพาะปลาแซลมอน 

        ลักษณะเป็นพยาธิชนิดตัวกลม สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อโตเต็มวัยจะมีความยาวถึงประมาณ 2-5 ซม. แต่ที่จริงแล้วเจ้าพยาธิชนิดนี้มักจะอยู่ในตัวของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลมากกว่า โดยไข่ของมันจะปนออกมากับอุจจาระ และเจริญเป็นตัวอ่อนอยู่ในทะเล และเมื่อพยาธิเข้าสู่ตัวปลาก็จะไปฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อของปลาเหล่านั้น ทำให้คนที่รับประทานปลาดิบได้รับพยาธิเหล่านั้นเข้าไปเต็มๆ แต่ก็อาจจะถูกขับออกมาจากกระเพาะอาหารโดยการอาเจียน แต่ถ้าหากพยาธิไม่ถูกขับออกไป พยาธิก็จะชอนไชไปตามทางเดินอาหาร แล้วอยู่ในลำไส้ หรือจะอาศัยอยู่นอกลำไส้ และถ้าหากใครที่แพ้พยาธิชนิดนี้ก็ทำให้เกิดลมพิษได้อีกด้วย

 

Sponsored Ad

 

พยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex)

 วิธีกินปลาดิบให้ปลอดภัย

        วิธีที่ดีที่สุดก็คือการทำให้สุกด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 60 เซลเซียส อย่างน้อย 5 นาที หรือหากต้องการรับประทานปลาดิบจริงๆ ควรทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

Sponsored Ad

 

        เลือกเนื้อปลาที่มีการระบุว่าใช้สำหรับการทำปลาดิบจริงๆ 

        ถึงแม้ว่าราคาจะแพงไปเสียหน่อย แต่ก็คุ้มค่า ถ้าหากเป็นปลาที่สะอาดและปลอดภัยจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วปลาที่นำมาทำปลาดิบโดยเฉพาะจะถูกแล่และวางขายในซูเปอร์มาร์เกตใหญ่ๆ ดังนั้นอย่าไปซื้อปลาที่อยู่ตามตลาดทั่วไปมาทำปลาดิบเลยเด็ดขาด

        เลือกทานปลาดิบที่ทำสะอาด

        ถ้าหากไม่ถนัดแล่เนื้อปลาเอง ก็อย่าไปรับประทานสุ่มสี่สุ่มห้า เลือกร้านที่ทำสะอาดหน่อยก็แล้วกัน และสังเกตด้วยว่าพ่อครัวใส่ถุงมือทุกครั้งที่หยิบเนื้อปลาหรือไม่ เพราะนอกจากเราจะปลอดภัยจากพยาธิแล้ว ก็ยังปลอดภัยจากเชื้อโรคอื่นๆ ที่จะมาจากการทำที่ไม่สะอาดและถูกสุขลักษณะได้ด้วย

 

Sponsored Ad

 

        ควรเลือกรับประทานแต่ปลาทะเล 

        สาเหตุที่ควรเลือกปลาทะเลมากกว่าปลาน้ำจืดนั่นก็เพราะว่าปลาทะเลนั้นพบพยาธิได้น้อยกว่า แต่ในปลาน้ำจืดนั้นมีพยาธิมากกว่า และยังมีหลายชนิดมากกว่า ส่วนความร้ายกาจของเจ้าพยาธิในปลาทะเลก็ยังมีน้อยกว่าปลาน้ำจืดอีกด้วย

        เลือกรับประทานปลาดิบที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ 

 

Sponsored Ad

 

        ไม่ควรรับประทานปลาดิบที่ทำทิ้งไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เสียรสชาติ เนื่องจากน้ำมันที่อยู่ในปลาจะระเหยออกไป แถมคุณค่าทางอาหารยังลดลงอีกด้วย และความจะหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาดิบที่ทำสำเร็จแล้วตั้งโชว์ไว้ในตู้แช่ด้วย

        เลือกปลาดิบที่ผ่านการแช่แข็งอย่างถูกวิธี 

        ควรแช่แข็งปลา หรือดองน้ำแข็ง ในอุณหภูมิต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หรือแช่ในอุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียสติดต่อกันอย่างต่ำ 15 ชั่วโมงเพื่อให้ปลามีลักษณะใกล้เคียงกับตอนที่จับขึ้นมาใหม่ ๆ มากที่สุด และวิธีนี้ก็จะทำให้พยาธิอะนิซาคิสตายได้ด้วย

Sponsored Ad

        นอกจากนี้เวลารับประทานปลาดิบก็ควรที่จะสังเกตที่ตัวเนื้อปลาดีๆ ถ้าเกิดเห็นสิ่งแปลกปลอมอย่างเช่นจุดขาวๆ หรือแม้แต่ตัวพยาธิก็ไม่ควรรับประทานต่อ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าในเนื้อปลามีอีกหรือเปล่า อย่ามัวแต่เสียดายเลยค่ะ เพราะปลาดิบราคาเพียงไม่เท่าไรคงไม่คุ้มค่ากับการต้องมาเจ็บป่วยแน่นอน

ชมคลิปเพิ่มเติม 1

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ชมคลิปเพิ่มเติม 2

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลและภาพจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, SpringNews

บทความที่คุณอาจสนใจ