เรื่องจริงที่ปัจจุบันหลายคนคิดว่าการช่วยเหลือคือสิ่งจำเป็นหรือหน้าที่ที่ต้องทำ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความดีของคุณกลายเป็นเรื่องที่ถูกเมินค่า และกลายเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

    นักเขียนชาวญี่ปุ่น Keigo Higashino เคยกล่าวว่า: "แม้แต่คนดีก็ไม่สามารถแสดงความดีต่อใครก็ได้ บางทีได้สิ่งนี้ แต่อาจสูญเสียอีกอย่างก็ได้ ความจริงก็เป็นเช่นนั้น หากคุณอยากได้สิ่งนี้ก็ต้องยอมสละอีกสิ่งหนึ่งไป นี่คือชีวิตจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"

    นักเขียนหลิวถงก็ใช้อีกคำพูดเพื่ออธิบายให้เข้าใจว่า “ความเมตตาของทุกคนควรเป็นความเมตตาที่จะต้องมีขอบเขตชัดเจน ไม่เพียงเพื่อปกป้องความดีของคุณ ในขณะเดียวกันก็เพื่อปกป้องความเมตตาของคุณที่มีต่อคนอื่นด้วย”

    ในความเป็นจริงผู้ที่ลงคะแนนเสียงจำนวนมากคือ "ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม" พวกเขายุ่งกับการช่วยเหลือคนอื่น มากกว่าการดูแลปรนนิบัติตนเอง ตั้งใจทุ่มเทอย่างมาก เพราะคิดว่านั้นคือหน้าที่ของตนเอง แต่พอตนเองประสบปัญหากลับไม่กล้าไปรบกวนคนอื่นเลย เพราะหากคุณติดหนี้บุญคุณคนอื่น 1.จะรู้สึกกดดัน 2.กลัวว่าเมื่อพูดออกไปจะถูกปฏิเสธ

    แบบบนี้เหมือนผู้หญิง "โพสต์-อิท" ใช่ไหม? ชอบแสดงบทบาทโปร่งใสขนาดเล็ก หลายครั้งที่เพื่อนร่วมงานชอบลืมว่าเธอมีตัวตน ทำให้ลืมชวนไปทานข้าวด้วยกัน แต่ทว่าเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ก็จะแปะโพสต์-อิทไว้บนโต๊ะของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น ช่วยซื้อกาแฟให้หน่อย ช่วยส่งเครื่องดื่มให้หน่อย ช่วยซื้อข้าวให้หน่อย เป็นต้น

    จะว่าไปแล้วก็เพื่อนร่วมงานกันมาหลายปีแล้ว แต่หารู้ไหมว่าคนเหล่านั้นกลับไม่มองว่าเธอคือเพื่อนร่วมงาน แต่หลายครั้งกลับขอร้องให้เธอทำอะไรที่เกินไป การสละเวลาของคุณเพื่อนำความสะดวกสบายของผู้อื่นดูเหมือนคนอื่นก็ไม่เห็นค่า จนทำเป็นเรื่องปกติ

     บุคลิกที่ชอบประจบเพื่อเอาใจ

    คนประเภทนี้ที่ไม่จักพูดคำว่า "ไม่" ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นคนที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อรักษามิตรภาพ เธอเป็นห่วงเกี่ยวกับความล้มเหลวของความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเสมอ ทุกครั้งที่เธออยากปฏิเสธผู้อื่นก็กลัวว่า ในอนาคตหากอยากขอความช่วยเหลือผู้อื่นก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตนเองนิสัยไม่ดี และผิดใจต่อคนอื่น จึงทำให้ต้องตกลงรับปากช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่า “บุคลิกที่ชอบประจบเพื่อเอาใจ”

    คนประเภทนี้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น จนทำให้แผนการของตนเองต้องล้มเหลว วุ่นวายไปหมด เพราะเธอไม่กล้าพูดคำว่า “ไม่” ออกไป 

    หากคุณเป็นคนประเภทนี้ที่ไม่กล้าพูดคำว่า “ไม่” โปรดจงจำไว้ว่าคุณก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ เพราะคุณได้ทำร้ายตนเองเพื่อไปช่วยเหลือคนอื่น ชีวิตคุณจะย่ำแย่ลงกว่าเดิม

    ทำไมคนอื่นถึงกล้ารบกวนคุณเสมอ

    มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า “การช่วยคุณคือ ความรักใคร่ และการไม่ช่วยคุณก็คือ หน้าที่” ฉะนั้นการช่วยเหลือคุณนั้นแสดงให้เห็นว่าฉันเป็นคนมีเมตตา และเห็นความสำคัญของมิตรภาพเสมอ เมื่อยามใดที่ฉันมีเวลา มีกำลัง มีความสามารถก็จะไปช่วยคุณ แต่ถ้าฉันไม่มีเวลา ไม่มีกำลังช่วยคุณ นั้นไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่แคร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ มิตรภาพระหว่างเรานะ ลองคิดดูนะหากวันหนึ่งคุณมีปัญหามากมาย แค่ตนเองก็เอาไม่อยู่แล้ว จะมีเรี่ยวแรง กำลังไปช่วยเหลือคนอื่นอีกไหม?

    การที่คุณช่วยเหลือ 10 คน พวกเขามันคิดว่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาไม่แปลกอะไร นั้นกำลังแสดงให้เห็นว่าคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ หากคุณปฏิเสธ คุณก็คือคนโหดร้าย ตรงกันข้าม หากคุณขีดเส้นขอบเขตของตนเองอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก การที่คุณจะไปช่วยเหลือคนอื่นบ้างเป็นครั้งคราว พวกเขาจะเปรียบคุณดัง “นางฟ้า” คุณก็คือคนที่ดีอย่างไร้ที่ติ นี่ก็คือนิสัยโดยแท้ของมนุษย์

    ขอความช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่รู้จักเหนื่อยล้า ลืมความทุกข์ในตอนแรก และลืมที่จะยอมรับความช่วยเหลือของผู้อื่นด้วยใจที่ปลื้ม 

    เมื่อเวลาผ่านไป “ลืมปฏิเสธ” จนกลายเป็นนิสัย และ “ความช่วยเหลือ” ก็กลายเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นไปโดยปริยาย

ที่มา : 17moveon

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr