เพราะคำสอนพ่อหลวง ร.๙ หนุ่มยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สู้ชีวิต4ปี-ปลดหนี้7ล้าน!

LIEKR:

เพราะคำสอนพ่อหลวง ร.๙ หนุ่มยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สู้ชีวิต4ปี-ปลดหนี้7ล้าน!

        เกริ่นนำหยิบยกเรื่องการระดมสมอง-ความสามัคคีวีคนี้อยากแนะนำเกษตรกรที่ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ง่ายๆคือ ทำแทบตายก็ยังจนยังลำบากเหมือนเดิม…

        ท่านลองไปศึกษาหาความรู้ที่ “ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เฉลิมชัย อินทรชัยศรี” ตั้งอยู่ที่ ต.ตาดข่า อ.หนองหิน จ.เลย…ไปคุยไปปรึกษากับ “ปราชญ์ชาวบ้าน” ที่ชื่อว่า อาจารย์เฉลิมชัย อินทรชัยศรี…ท่านจะให้ข้อแนะนำ-ให้ข้อคิด-ให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติโดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว ด้วยหลักการง่ายๆ “อยู่กินอย่างไรให้พอเพียง

 

Sponsored Ad

 

        “อ.เฉลิมชัย” บอกว่า แนวคิดที่มาทำเกษตรเกิดขึ้นเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ตั้งแต่อายุ 17 ปี พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวนา ตัวเองความรู้น้อยจะมีอาชีพอื่นไปไม่ได้ต้องเป็นเกษตรกรอย่างเดียว มีที่มรดกพ่อแม่ทิ้งไว้ให้ 65 ไร่ สภาพดินลูกรังปนทราย ปลูกอย่างอื่นไม่ได้นอกจากมันสำปะหลัง ปีไหนฝนดีน้ำมากหัวก็เน่า ปีไหนแล้งหัวจะเล็กไม่ได้ราคา สมัยวัยรุ่นก็เกเรตามประสาเด็กบ้านนอก พ่อแม่เลยจับแต่งงาน สภาพครอบครัวแร้นแค้นต้องตื่นแต่เช้ารับจ้างถอนกล้าข้าวให้กับชาวบ้านในทุกพื้นที่ เพื่อนำมาเลี้ยงลูกคนแรก พืชผักปลูกเอง แม่ตำแจ่วกินกับหน่อไม้ตามด้วยข้าวเหนียว-ข้าวโพด ประทังชีวิตไปวันๆ ภาพความลำบากจำติดตามาก

 

Sponsored Ad

 

        “จุดเปลี่ยนชีวิตวันหนึ่งกำลังดำนาอยู่เห็นเถ้าแก่คนหนึ่งแกเปลี่ยนรถป้ายแดงทุก 2 ปี เป็นพ่อค้าคนกลางไม่มีไร่ไม่มีนา แต่ทำไมรวยเอา รวยเอา…นั่งคุยกับภรรยาว่าเราจะมีโอกาสเป็นแบบเขาได้หรือไม่ เลยเกิดความคิดเปิดร้านขายของชำเพิงหมาแหงนริมถนนหน้าบ้าน ขายได้ไม่ถึงปีลูกค้าซื้อเงินติด พอติดมากขึ้น ๆ ก็เลยต้องปิดกิจการ”

 

Sponsored Ad

 

        “ปราชญ์ชาวบ้าน” บอกต่อว่า กระทั่งกลับมาทบทวนตั้งโจทย์กับตัวเอง ถ้าครอบครัวยังต้องซื้อทุกอย่างจะหาเงินมาจากไหน?? เรามีที่ดินทำไมไม่ปลูกพืชที่กินได้ให้หมด เครื่องต้มยำ พริก ข่า ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว เครื่องส้มตำ มะละกอ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาวปลูกให้ครบเครื่อง ผักข้างเคียงก็ปลูกให้หมด ส่วนต้นไม้-ใบหญ้าไม่เผาเอามาหมักทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้ ดินที่เคยปลูกพืชอย่างอื่นไม่ได้กลับฟื้นขึ้นมา ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของ พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ปฏิบัติเช่นนี้จนคุณภาพชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ มีข้าวในนามีปลาในบ่อ โดยปี 47 สำนักเกษตรจังหวัดเลย ประกาศให้เป็น “เกษตรกรดีเด่น สาขาไร่นาสวนผสม”

 

Sponsored Ad

 


        ก่อนหน้านี้ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นปากเสียงแทนชาวบ้านก็เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นได้เป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตาดข่า ปี 40 อยู่วงการเมืองท้องถิ่น 2 สมัยปี 40-48 เป็นหนี้ 7 ล้านบาท ทั้งกู้ในระบบ และนอกระบบ เมื่อไม่ไหวก็ตัดสินใจหันหลังให้ ช่วงเป็นนักการเมืองฯรู้จักสัมผัสคนมาก ปี 47 ก็เปิดศูนย์การเรียนรู้ฯเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ลำบากยากจนให้ลืมตาอ้าปากได้ แต่ช่วงแรกทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะตัวเองยังเป็นหนี้อยู่


 

Sponsored Ad

 

        “หลังถอดหัวโขนจากการเมืองท้องถิ่นแบบไม่หันหลังกลับไปอีก ผมได้ประสบการณ์ผ่านอะไรมามาก เริ่มต้นใหม่แบบเอาจริงเอาจัง นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อีกครั้ง โดยทำฟาร์มเห็ดครบวงจร ผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากก้อนเห็ดเก่าจำหน่าย สามารถปลดหนี้ ได้ภายใน 4 ปี เป็นไทในปี 52 และยังปลูกพริกช่วงฤดูแล้ง ซึ่งราคาดีกว่าพริกปี ตอนนั้นมีรายได้ประจำวัน ประจำอาทิตย์ และประจำเดือน ฐานะทางครอบครัวเริ่มดีขึ้น ต้องขอบคุณความจน –ขอบคุณหนี้สินทำให้มีวันนี้”

        จากผลสำเร็จทำให้เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงเกษตร หน่วยงานหลายแห่งติดต่อขอเข้ามาดูงานเพื่อเรียนรู้ขบวนการดำเนินงานด้านการเกษตร ซึ่งทางศูนย์ฯ ดำเนินการตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำการผลิต ทดลองแล้วขยายถ่ายทอด เผยแพร่ ส่งต่อ องค์ความรู้ทุกอย่างในศูนย์ฯแบบจิตอาสา เนื้อที่ 65 ไร่ แบ่งออกเป็น พื้นที่นา 15 ไร่ บ่อน้ำ 12 บ่อ ขนาด 40 เมตร 80 เมตร และ 100 เมตร บนที่สูงของพื้นที่รวมเนื้อที่ 5 ไร่ ปีไหนแล้งน้ำก็จะไหลลงมาที่ต่ำไม่ขาดน้ำ นอกจากนี้ยังมีบ่อบาดาลอีก 4 บ่อ ไม้เศรษฐกิจต้นสักทอง 200 ต้น ต้นไผ่ 400 กอ 1 ไร่พอเพียง 1 ไร่แก้จน 1 ไร่สารพัดเต็มพื้นที่

 

Sponsored Ad

 

        “ภายในศูนย์ฯ ใช้แรงงานในพื้นที่ทั้งหมด การบริหารให้ภรรยาและลูกสาวจัดการ วันไหนมีคณะฯ เข้ามาดูงานภรรยาดูแลเรื่องอาหารการกินโดยนำผลผลิตภายในที่เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดมาทำกับข้าวเลี้ยงฟรี ส่วนลูกสาวดูเรื่องการตลาด โซเชียลฯ จัดซื้อจัดขาย ส่วนตัวเองนอกจากจะเป็นวิทยากรตามที่หน่วยงานเชิญไปบรรยาย ยังเป็นกรรมการเกือบทุกหน่วยงานราชการใน อ.หนองหิน และ จ.เลย และยังจัดวิทยุชุมชนคลื่น 93 เมกะเฮิรตซ์ รายการลูกทุ่งเกษตรในนามบ่าวไทเลย วันเสาร์และอาทิตย์ ช่วง 10.00-15.00 น.ให้ความรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ฯลฯ”

Sponsored Ad

        ปัจจุบันทำแปลงผักพอเพียง ภายใน 1 ไร่ แบ่งเป็น 10 แปลงๆละ 2 ชนิด ได้แก่ ผักปัญญาอ่อน (ผักอายุสั้น) เช่น พริก มะเขือ ผักบุ้ง คะน้า แกงกวา และ ผักปัญญาแก่ (ผักอายุยาว) เช่น ชะอม สะเดา ตำลึง หมากลิ้นฟ้า (เพกา) มะละกอ เหลือกินก็แบ่งปันขายตามศาสตร์พระราชา ซึ่งผักไม่เคยส่งออกไปไกล ขายภายในหมู่บ้านก็หมด เพราะเขารู้ดีว่าเป็นผักปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่าน ก.ร.อ. (กูรับรองเอง) พิสูจน์ด้วยการกินเองทุกประการ

        “อ.เฉลิมชัย” กล่าวทิ้งท้ายต่อว่า สิ่งที่อยากทำต่อไปคือการนำเอาองค์ความรู้มาถ่ายทอดลงเป็น “หนังสือ” ว่าสิ่งที่ทำมามีสิ่งใดบกพร่องต้องแก้ไขบ้าง เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ที่กำลังคิดจะทำไม่ให้เกิดผิดพลาดซ้ำ และอยากฝากไปถึงเกษตรกรที่มัก “ปลูกพืชตามกระแส” ว่าพืชตามกระแสมักจะมีนายทุน มาปั่น มีโปรโมชั่น จูงใจว่าถ้าทำได้ตามที่นายทุนกำหนดจะได้รางวัล พร้อมให้เงินทุน กระแสโฆษณามาแรง จนหลงคารมทำตามพืชกระแส


        อาทิ ข้าวโพด อ้อย ยางพารา มันสำปะหลัง พอปลูกนานไปดินจะเสื่อมตามพืชเชิงเดียวที่ต้องการผลผลิตต่อไร่สูง นานเข้าต้องซื้อปุ๋ยมาเร่งเพื่อให้ได้ผลผลิตเท่าเดิมจนดินหมดสภาพ สุดท้ายต้องเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว ขณะที่เกษตรผสมผสานตามศาสตร์พระราชา ตามแนวพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่ ของพ่อหลวง “กินทุกอย่างที่ปลูก และปลูกทุกอย่างที่กิน” เป็นสิ่งที่ยั่งยืนได้ประโยชน์มหาศาล

        ทราบมาว่า “อ.เฉลิมชัย” ได้รางวัลมากมายเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร และ “ด้านอุทิศตัวเป็นจิตอาสา” นำความรู้สู่พี่น้องเกษตรกร แต่ละวันมีหน่วยงาน-องค์กรต่างๆ พาคนไปดูงานเป็นร้อย…ท่านสอนแบบหมดเปลือก แนะนำทุกอย่าง…

        แม้ว่าจะเหนื่อยกายแต่สุขใจที่ได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับคนที่ยังลำบาก…ชอบมากที่บอกว่า “ขอบคุณความจน ขอบคุณหนี้สิน มันทำให้มีวันนี้” …สู้ชีวิตโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างน่าชื่นชมมากๆ

ข้อมูลและภาพจาก secretbook

บทความที่คุณอาจสนใจ