"แตงโม นิดา" ผันตัวขายของ โต้คนมองว่าตกอับ เล่าบทบาทชีวิต เมื่อกลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง

LIEKR:

"แตงโม นิดา" ผันตัวขายของ โต้คนมองว่าตกอับ เล่าบทบาทชีวิต เมื่อกลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง

    ต้องบอกว่ากระแสตอบรับดีมากเลยทีเดียว สำหรับดาราสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่ล่าสุดได้ผันตัวไปขายของในตลาดนัดหน้าศูนย์การค้าดัง ซึ่งของที่นำมาขายมีทั้งเสื้อผ้าและรองเท้าของเจ้าตัว ก่อนเจอกระแสข่าวตกอับ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจ

    โดยสาวแตงโม ได้ออกมาเปิดใจ ถึงกระแสข่าวว่า "เราไปเปิดท้ายขายของ เราก็ไม่คิดว่าเราจะโดน มีความรู้สึกว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่คนจะมาสนใจแล้วนำแบบที่เราทำไปทำตามก็ได้ เพราะเราไม่ได้มองในแง่ลบว่าเราโดนอีกแล้ว เพราะเราอยู่มาจนตอนนี้แล้ว เราก็ต้องมีภูมิต้านทานแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

    เพราะที่เราออกมาทำแบบนี้เราอยากให้รู้ว่าไม่ว่าอาชีพอะไรเราสามารถออกมาทำออกมาขายของมือสองที่เรามีอยู่ เราขายของแบบนี้เป็นเรื่องปกติ และเราก็ออกมาขายของเพื่อเป็นแบบอย่างที่อยากบอกใครที่มีของเยอะก็อย่าหวงอย่าหวงสมบัติของเกินนะ เพราะถ้าเก็บไว้มันจะเสียของไปเปล่าๆ แต่ว่าขายดีมากเลยนะคะ ขนาดที่เราขายแบบไม่แพงนะคะ หลักร้อยหลักสิบ เพราะเราทั้งขายทั้งแถม ขายอยู่สี่วันคือ ได้มาหลักแสนนะคะ"

 

Sponsored Ad

 

    ที่ออกมาขายสิ่งนี้คือโมคิดมา 5 ปีแล้วค่ะ เพราะว่าของที่ไม่ได้ใส่แล้ว หรือว่าใส่ไม่ได้แล้วเราก็เก็บไว้ในกระสอบ แล้วคือ ของมันเยอะมากแล้วก็วางไว้แบบไม่ได้ใช้นานมากแล้วเป็น 10 กระสอบเลย แล้วเราก็มีความรู้สึกว่าทิ้งไปมันก็ไร้ประโยชน์ แบบนี้เราส่งต่อดีกว่าเพราะว่าบางคนก็อยากได้เสื้อผ้าของเราก็มีนะ แล้วเราก็ขายในราคาที่ไม่แพงมาก จะได้ช่วยกันไป


 

Sponsored Ad

 


    ตอนนี้เราติดใจขายของแล้ว พอขายแล้วหลงใหลเลย โม ขอไปลองลงตลาดดูก่อนเพราะเราจะได้พบได้คุยได้เจอกันกับแฟนๆ แบบต่อหน้าต่อตา อนาคตเราอาจจะไลฟ์ขายของ ก็คิดว่าเร็วๆ นี้จะทำแบบออนไลน์ขึ้นมาค่ะ เราก็อยากทำแบรนด์ออกมา ตอนนี้ก็ดูๆ ช่างมาตัดให้เหมือนกันแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างยังไงเพราะว่าเพิ่งเริ่มเอง เพราะตอนนี้ยังพอมีเสื้อผ้าที่จะยังไลฟ์ก่อนคงเอาตรงนี้ไปก่อนค่ะ

    คนที่มองว่าโมตกอับ จริงๆ การนำเสนอข่าวในบางครั้งบางทีต้องตรวจทานถ้อยคำว่ามันจะไปกระทบหัวใจของคนที่เขาอยากจะลุกขึ้นไปต่อสู้ไหม ถ้าเกิดบางคนที่เขากำลังแย่จริงๆ อย่างนี้แล้วเขาเจอคำพูดแบบนี้ การเป็นแม่ค้าคือ การตกอับ ก็แปลว่าแม่ค้าทั้งประเทศจะกลายเป็นว่าฉันถูกบูลลี่หรือเปล่า อาชีพฉันไม่เป็นที่ยอมรับเหรอ ฉันเป็นคนตกอับหรือเปล่า เขาจะไม่เห็นคุณค่าของตัวเองแล้วเขาจะไม่มีความสุขตรงนี้สำคัญมากๆ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่แบบนี้ ตรงนี้เราต้องเติมเต็มใจให้กัน

 

Sponsored Ad

 

    พร้อมยังอัปเดทอาการป่วยที่ต้องเผชิญมาร่วมปี ว่าตอนนี้หายดีเกือบเป็นปกติแล้ว เพราะได้กำลังใจดีๆจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นทั้งจากลูกสาว และแฟนหนุ่ม ที่คอยอยู่ข้างเคียงตัวเองตลอดเวลา และตอนนี้เข้าใจและสัมผัสได้แล้วว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร 

 

Sponsored Ad

 

    แตงโม เล่าต่อว่า "เรื่องลูกคือไม่ได้ท้องนะคะ แต่ลูกจะมีความหน้าคล้าย โม อยู่บ้าง แต่จริงๆ แล้วแม่ของน้องก็คือ เพื่อนของโมตั้งแต่เด็กๆ เลยคบกันมาถึงตอนนี้ก็เข้าเลขสามแล้วก็ยังคบกันอยู่ แล้วเขาก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของโมด้วยค่ะ แล้วคือเพื่อนของ โม เขาก็ได้เลิกเลยกับคุณพ่อของน้องเขาไปเราสองคนเลยตั้งใจที่จะเลี้ยงเขา ช่วยกันเลี้ยงเขามาค่ะ"

    "เหมือนเราเป็นคุณพ่อ เขาอีกคนเพราะว่าเราไม่ได้ให้นมเขาไงคะ (หัวเราะ) และเราก็ตั้งใจว่าเราจะสอนเข้าให้เหมือนที่คุณพ่อของเราเคยสอนเราไว้บางส่วนนะคะ เช่น การศึกษาต้องสนับสนุนเต็มที่ กีฬาต้องสนับสนุนเต็มที่ แล้วลูกคิดอะไรยังไงต้องให้อิสระกับเขาอย่างเต็มที่และเคารพในการตัดสินใจของลูก เรื่องการออมเงินสำคัญมาก หลายๆ เรื่องที่พ่อพยายามปลูกฝังมาให้ โม เราก็พยายามที่จะถ่ายทอดให้เขามากที่สุด เพราะ โม รู้สึกว่าที่พ่อเลี้ยง โม มาถึงทุกวันนี้ เห็นไหมคะว่าไม่ว่า โม จะเจออะไรจะผ่านมันมาได้หมดเลยเพราะฉะนั้นลูกต้องเข้มแข็งกว่า โม อีกเพราะว่าโลกในอนาคตมันจะน่ากลัวกว่านี้อีก"

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนกับเบิร์ดแฟนคนปัจจุบัน คือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไปเดินเจอกันที่ห้าง ห้างหนึ่งที่ยาวที่สุดในประเทศแล้วเขาก็ช่วยรุ่นพี่ขายของอยู่เขาก็เห็นเราตอนลงบันไดมา แล้วเราก็เห็นสายคนคนหนึ่งเขาก็สเปกเรา จากที่เจอกันครั้งแรกก็มีการแลกไลน์กัน แต่สมัยนั้นเราคงคิดไปเองว่าเราสวยมากเป็นเทพธิดาเลยไม่ค่อยได้คุยกับเขาเท่าไหร่ พอเวลาผ่านๆไปจนโม แต่งงานแล้วก็เลิกกัน แล้วก็มีแฟนใหม่ แบบต่างคนต่างไปใช้ชีวิต

Sponsored Ad

    จนล่าสุดที่ โม โสด คือ ช่วงที่ โม เป็นซึม เศร้าหนักๆ คือ อยู่ดีๆ ก็มีไลน์เด้งขึ้นมา แล้วก็มีข้อความว่า กราบสวัสดี จำเราได้ไหม เราก็ใคร เขาก็บอกว่า เบิร์ด เราก็จำได้ว่าเป็นเขาเพราะว่าในชีวิตของเราไม่มีเพื่อนชื่อเบิร์ด เลย เขาก็ถามไถ่อัปเดทเราก็ได้คุยกัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมาดูแลเราด้วยการเอาน้ำเต้าหู้มาแขวนไว้ที่บ้านแล้วก็ไป มาแขวนไว้อย่างเดียวจริงๆ โดยที่ไม่หวังอะไรเลยเพราะตอนนั้นคือ สภาพเราบอกได้เลยว่าใครสามารถทำอะไรกับเราก็ได้เพราะว่าเราชีวิตของเราปกติน้อยมาก แต่เขาก็พาเราออกไปเจอไปเห็นกับสิ่งอะไรที่ไม่เคยเห็น

    “เขาพยายามพาเราออกไปจากที่เดิมๆ ไม่ให้เรานอนจมอยู่กับที่เราก็ค่อยๆ ดีขึ้น แล้วจากการดูแลของเขามันไม่ใช่ความโรแมนติกอย่างเดียว เขายังให้ความอบอุ่น เหมือนพ่อดูแลลูกเลยแล้วก็ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ยังไม่เคยทะเลาะกันสักครั้งเดียว เขาเป็นคนแรกในชีวิตเลยที่ไม่ทะเลาะกัน มันเลยมีความรู้สึกว่าเราไม่มีขยะที่จะต้องเอามาเก็บไว้ในใจ การป่วยมันก็เลยคลาย เพราะเรื่องพ่อเรา เราทำใจได้แล้ว เรื่องลูกเราก็วางแผนให้เขาไว้แล้ว เราตัวเราเอาไว้ทีหลังก่อนก็ทำงานทำอะไรไป แต่พอเรื่องความรักถ้าเราได้แฟนดีคือ ทุกอย่างจบเลยนะคะ แต่ในอนาคตเราก็ไม่รู้ได้นะคะใครจะเปลี่ยนแปลงหรืออะไรไปยังไง แต่คิดว่าถ้าพื้นฐานมันเริ่มมาดีเวลาที่เราพูดคุยดี”

    แตงโม เล่าอีกว่า “เรื่องแต่งงาน ไม่อยากให้คิดตามนะคะ คือ ต้องยอมรับว่าเราอยู่ด้วยกันก่อนแต่งไปแล้ว เราคิดว่าเราลองทดลองอยู่ก่อนแต่งกันไปก่อนเราก็อยู่กันมาได้ 1 ปีก็เลยนะคะ เรื่องการแต่งงานไม่ได้จำเป็นสำหรับ โม เท่านั้นเพราะนอกจากเราจะเอาเงินไปทิ้งแล้วก็ไม่มีใครสามารถมาร่วมงานเราได้หรอก แต่ถ้ามันจำเป็นต้องจัดต้องแต่งด้วยความประสงค์ของผู้ใหญ่อะไรก็ตาม ก็คงจัดเพื่อให้รู้นิดนึงไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แล้วเขาก็เอ็นดูมากกับลูกเรา แต่ถึงเรามีสัญชาตญาณในความเป็นแม่ก็จริงแต่เพราะว่าเราให้อีสเตอร์ไปหมดใจแล้วเรากลัวว่าเราจะไม่สามารถให้ลูกเท่าเขา"

.

.

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : อมรินทร์ทีวี

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ