LIEKR:
หลายคนมักตัดสินว่าการอยู่ดีกินดีนั้นต้องมองจาก “ขนาดของบ้าน” ที่อยู่อาศัย แต่ที่จริงแล้วสิ่งสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครมองว่าสิ่งไหนสำคัญมากที่สุดต่างหาก เพราะสำหรับเรื่องนี้ไม่มีมาตรฐานอะไรที่แน่นอนซะทีเดียว!
มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า “บ้านหลังใหญ่มีปรัชญาชีวิตของบ้านหลังใหญ่ และบ้านหลังเล็กก็มีปรัชญาชีวิตของบ้านหลังเล็กๆ”
Sponsored Ad
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายเซียะตงซิ่งและภรรยา เดิมทีอาศัยอยู่ในเมืองไทเป ในเกาะไต้หวัน หลังปลดเกษียณแล้วก็มีความคิดเหมือนคนทั่วไป ก็คือเริ่มย้ายออกมาอยู่นอกเมือง แต่ชีวิตในชนบทของพวกเขาแตกต่างจากผู้คนทั่วไป
Sponsored Ad
พวกเขามีที่ดินกว่า 4,000 ตารางเมตร แต่กลับมีบ้านที่มีขนาดแค่ 50 ตารางเมตรเท่านั้น
เพื่อตอบสนองชีวิตในสวน นายเซียะจึงได้ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ในการหาที่ดินขนาดประมาณ 4,298 ตารางเมตร ในเขตไถจง ภาคกลางของไต้หวัน ซึ่งใช้เวลาขับรถ 30 นาทีเข้าเมือง
Sponsored Ad
.
คุณคิดว่าหลังจากซื้อที่ดินแล้ว เขาจะเริ่มสร้างเลยหรือไม่? แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เขาคิดไตร่ตรองมากมาย เขาตัดสินสร้างบ้านไม้ขนาด 50 ตารางเมตรก่อน เป็นบ้านไม้ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้
Sponsored Ad
.
นายเซียะค้นพบโดยบังเอิญว่า บ้านหลังเล็กๆ ที่เรียกว่า “tiny house” ซึ่งได้รับความนิยมในต่างประเทศบ้านหลังเล็กๆ นี้เรียบง่ายและสะดวกสบาย เคลื่อนย้ายสะดวกและเป็นที่นิยมมาก หลังจากอ่านเนื้อหาที่นับไม่ถ้วน เขาจึงตัดสินใจออกแบบบ้านไม้ที่เคลื่อนย้ายได้
Sponsored Ad
.
บ้านไม้ที่เคลื่อนย้ายได้ไม่จำเป็นต้องขุดรากฐาน โดยจะก่อซีเมนต์ 6 เสาหลัก โครงสร้างบ้านทำจากเหล็ก มีความแข็งแรงมาก เขาคิดว่านี่เป็นวิธีที่อ่อนโยนต่อพื้นดินมัน จะไม่เป็นอันตรายต่อดินและสามารถเปลี่ยนแปลงและโยกย้านได้ตลอดเวลา
Sponsored Ad
.
นายเซียะไม่ชอบบ้านที่ทำจากซีเมนต์ และไม่ชอบบ้านที่ทำจากเหล็กรอบด้าน ดังนั้นจึงเลือกบ้านไม้ เพราะบ้านไม้สามารถต่อเติมและอนุรักษ์ต่อสิ่งแวดล้อม
Sponsored Ad
.
วัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางเคมี ในขณะเดียวกันการออกแบบภายในของระบบกำจัดของเสีย จะไม่ทำลายสภาพแวดล้อมยังสนับสนุนความพอเพียงของครัวในการเปิดสวนผัก
.
หลายคนไม่สามารถเข้าใจว่า “เขาไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่ทำไมกลับสร้างบ้านที่เล็กขนาดนี้?”
ในความเป็นจริงบ้านไม้เล็กๆ ที่เคลื่อย้ายได้นี้ ไม่ได้เรียบง่ายและคุณภาพแย่อย่างที่คิด แถมยังรับประกันคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน
โดยหลังคาทำจากแผ่นอลูมิเนียมพลาสติก และกำแพงรอบด้านทำจากไม้ และภายในยังแทรกด้วย วัสดุฉนวนโฟมกันความร้อน และยังออกแบบชั้นอากาศมีไว้สำหรับฉนวนกันความร้อนทั้งในฤดูร้อนและความอบอุ่นในฤดูหนาว
.
เขาบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่ใหญ่ จึงไม่อยากทำกำแพงมากมายและหน้าเกินไปเพราะจะทำให้ภายในบ้านดูคับแคบ ฉะนั้นบ้านสองชั้นของเขาค่อนข้างโปร่งโล่งสบาย เพื่อให้ภายในบ้านมีอากาศถ่ายเทอย่างดี
อีกทั้งเขายังมีพัดลมหมุนเวียนเพื่อควบคุมการไหลเวียนของอากาศก็สามารถรักษาอุณหภูมิให้ต่ำลงและส่งเสริมการไหลเวียนของอากาศบริสุทธิ์ ดังนั้นความสว่างของแสงแดดจะส่งเข้ามาภายในบ้านทำให้ห้องสว่างพักผ่อนอย่างสบายใจ
นอกจากนี้ยังได้จัดทำระบบขยะสำหรับ “การรีไซเคิลของแข็งและของเหลว” ซึ่งเปลี่ยนขยะและมูลสัตว์ในครัวให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับปุ๋ยหมักก็จะมีถังขยะที่มาจากน้ำเสียในห้องครัว น้ำจากการซักผ้า น้ำปัสสาวะหรืออุจจาระเข้าสู่ระบบน้ำสีเทา ใช้ชีวิตที่อนุรักษ์และเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งยังมีพืชผักที่ปลูกเองสดใหม่และไม่ได้ต้องใช้ ย า ฆ่ า แ ม ล ง ที่ส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย
พวกเขามีห้องครัวสุดน่ารักขนาด 50 ตารางเมตร ในบ้านหลังเล็กๆ นี้ไม่มีห้องรับแขก แค่ห้องครัวและห้องรับประทานอาหารก็กินพื้นที่ไป ⅓ ของบ้านแล้ว
.
ภรรยาของเขาบอกว่าที่ทำตู้เสื้อผ้าแบบเปิดกว้างแบบนี้ก็เพื่อลดความอับชื่นของเสื้อผ้าและให้ภายในมีอากาศถ่ายเทสะดวก ลดการซ่อนตัวของแมลงสาบอีกด้วย
.
.
เนื่องจากบ้านนี้ไม่มีห้องรับแขก เขาจึงใช้โต๊ะรับประทานอาหารนี้เป็นที่รับแขกแทน เมื่อมีแขกมาดื่มน้ำชาที่บ้าน
.
ภายในห้องนอนก็ดูเรียบง่ายมาก เพราะภายในห้องมีเพียงเตียงคู่ขนาดกว้าง 1.5 เมตรเท่านั้น เพราะทั้งคู่คิดว่าห้องนอนไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมาย แค่นี้ก็พอแล้ว
.
ห้องนอนได้รับการออกแบบในรูปแบบของเสื่อทาทามิมีความกว้าง 150 ซม.ส่วนหมอนได้ออกแบบให้ทีพื้นที่เก็บของได้ด้วย เพื่อว่าจะสามารถเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในตอนกลางวันได้ ส่วนใต้เตียงก็มีที่เก็บของเช่นกัน
ส่วนที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจมากที่สุดก็คือ ห้องน้ำ เพราะไม่คิดว่าบ้านหลังเล็กๆนี้จะมีห้องน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ เพรียบพร้อมมาก!
เพราะยังมีอ่างไม้สำหรับแช่น้ำร้อนด้วย ด้านบนเป็นวัสดุโปร่งใส มีแสงสว่างจากแสงภายนอกสะท้อนเข้ามาภายในด้วย
นอกจากนี้ภายนอกยังมีสวนน่ารัก สบายๆ มีต้นไม้ขนาดใหญ่บังแดด
.
นายเซียะบอกว่าที่อยากมาอยู่บ้านที่ชนบทก็เพราะว่าภายนอกบ้านมีพื้นที่กว้างมาก มีธรรมชาติที่ผ่อนคลาย และเหตุผลสำคัญที่ไม่สร้างบ้านใหญ่เกินไปก็คือ เพราะไม่อยากทำร้ายระบบนิเวศธรรมชาติของที่นี่
นี่แหละคือชีวิตที่หลายคนใฝ่ฝัน...
.
การเกษียณมักหมายถึงวิถีชีวิตที่ต้องกินเวลานานหลายสิบปี ซึ่งได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันสูญเสียหน้าที่การงาน สูญเสียส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิตและหลาย ๆ คนเริ่มตระหนักถึงชีวิตแห่งความโดดเดียว เช่นเดียวกับเขาและภรรยา
แต่หากทำอะไรเลย ร่างกายก็จะอยู่ในภาวะถดถอยซึ่งไม่ดีเลย ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้จากเพื่อนคนอื่น ๆ และมองหางานอะไรทำในแต่ละวัน
ภรรยาของเขาบอกว่า ในตอนแรกที่ซื้อที่ดินตรงนี้กลัวว่าลูกสาวจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่นึกว่าลูกสาวกลับเห็นด้วย และคิดว่าการเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนี้จะดีต่อพัฒนาการของเด็กด้วย และเมื่อลูกชายและลูกสะใภ้กลับจากต่างประเทศ พวกเขาก็หลงรักที่นี่มากเช่นกัน
แน่นอนว่า ทุกอย่างไม่ได้ง่ายดาย
นายเซียะใช้เวลาในการศึกษาออกแบบระบบต่างๆของภายในบ้าน เมื่อทุกอย่างครบแล้ว ก็ต่อเติบบ้านซึ่งใช้เวลากว่า 3 ชม. ภายใน 1 วันก็สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ แต่กว่าจะสำเร็จก็ต้องคิดระบบซ้ำไปมาหลายครั้งมาก
.
หลังจากหลังแรกสำเร็จนายเซียะก็ได้สร้างบ้านหลังเล็กๆเพิ่มอีก เพื่อว่าเมื่อมีคนอยากมาอาศัยเพิ่มในบริเวณรอบข้าง
.
.
เขายังมีไอเดียอยากผลักดันให้ผู้คนมาลองใช้ชีวิตแบบนี้ดู เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น
ปัจจุบันเขากำลังเปลี่ยนความฝันในการทำสวนให้เป็นอาชีพและชีวิตวัยปลดเกษียณอายุของเขา
ชมคลิป..
คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<
ที่มา : readthis
แปลและเรียบเรียงโดย มันต้องมี