ชายวัย 40 ฝากข้อคิด หลังผ่านชีวิตมา กว่า "ครึ่งค่อนชีวิต" ถึงวัยรุ่นทุกคน

LIEKR:

จริงค่ะ เวลาของคนเรามันสั้นนัก

    เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวเน็ตวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ปีรายหนึ่ง ได้มาเล่าประสบการณ์ชีวิตของตนเอง พร้อมส่งสัญญาณเตือนใจถึงคนรุ่นหลังและมาแสดงความเห็นใจเพื่อนๆในรุ่นราวคราวเดียวกับตน โดยมีข้อความว่า….

 

จากใจชายที่อายุราว 40 ปลายๆ…

 

Sponsored Ad

 

    ตอนเด็กๆ ผมโตมาในในชนบท มีวิถีชีวิตเรียบง่าย กินข้าวบนโต๊ะไม้เก่าๆ  เอาฟางมาปูนอน ทั้งครอบครัวรักใครกลมเกลียว ถึงแม้ว่าในกระท่อมไม้เล็กๆจะมีแต่ยุงและแมลงนานาชนิด

 

เราทุกคนล้วนมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทุกข์และสุขแตกต่างกันไป 

    เมื่อถึงเวลางานบุญประจำปีครอบครัวเราก็มักออกไปสังสรรค์กับคนในหมู่บ้าน ทุกคนต่างช่วยกันทำอาหารและจัดงานเลี้ยงให้ออกมาอย่างดีที่สุด ซึ่งพ่อแม่ของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น 

    ผมจำได้ว่าตอนผมอายุ 8 ขวบ ผมเดินไปเรียนในโรงเรียนประถม ทั้งโรงเรียนมีกันอยู่ ไม่ถึง 10 คน สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือของเล่นให้เล่นเหมือนสมัยนี้ แต่ผมไม่เคยไปโรงเรียนสายเลยสักครั้ง

 

Sponsored Ad

 

 

    พอเริ่มโตขึ้น เมื่อผมได้นั่งเรียนหนังสือโต๊ะข้างๆของผู้หญิงคนหนึ่ง หัวใจของผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมยังรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง แต่ผมก็ยังต้องแบ่งสมาธิไปตั้งใจเรียนเช่นกัน เพราะสมัยก่อนก็ไม่มีสถาบันกวดวิชาให้ไปเรียนเพิ่มเติมเหมือนสมัยนี้ เด็กในชนบทส่วนใหญ่พ่อแม่มักจะออกไปทำไร่ทำนาไม่มีเวลามาดูแลเรา เราก็ต้องตั้งใจเรียนให้มากๆ ทำการบ้านและฝึกฝนสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง 

 

 

Sponsored Ad

 

ตราบใดที่คุณยังมีสิ่งที่คุณคิดอยากจะทำมัน คุณควรจะรีบลงมือทำมันซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่าให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง แล้วก็บอกกับตัวเองว่า โถ่….ไม่น่าเลย

    เมื่อคุณผ่านชีวิตมาคุณจะสังเกตได้ว่า

ไม่ว่าคุณจะ อ้วนหรือผอม …. มันก็เป็นเรื่องของคุณ

ไม่ว่าคุณจะ รวยหรือจน …. มันก็เป็นเรื่องของคุณ

    เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เราทุกคนก็มักจะคิดน้อย อารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย โมโหง่ายกันเป็นธรรมดา ตอนนั้นผมชอบใครผมก็ไปจีบเลย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือต้องผิดหวัง ผมก็มักจะลองดูมุมต่างๆอยู่เสมอ 

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อถึงวันหยุดในช่วงปิดเทอม ผมก็มักจะออกไปรับจ้างตัดหญ้า ให้อาหารสัตว์ ใครจ้างผมก็ไป ผมจึงรู้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาพ่อแม่ลำบากมามากแค่ไหน 

    ว่างๆ ผมก็เดินขึ้นเขาเป็นกิโลเพื่อไปเก็บหน่อไม้ และผมไม้ต่างๆอีกมากมาย ชีวิตของผมตอนนั้นแทบจะไม่เคยรู้จักกับเข็มฉีดยาและยารักษาโรคอะไรเลย เพราะพวกเราพี่น้องไม่เคยป่วย หรือถ้าเริ่มตัวรุมๆผมก็จะรีบนอนพัก ผ่านไป 1 คืน ร่างกายของผมก็ดีขึ้นได้เองแล้ว

 


 

Sponsored Ad

 

เด็กผู้หญิงในโรงเรียนเล่นกระโดดหนังยาง เด็กผู้ชายก็เล่นดีดลูกแก้ว

รองเท้าที่ใส่เราก็ทำเอง ของเล่นเราก็หาวัสดุจากธรรมชาติมาทำเอง ปลาเราก็จับเอง

ตอนเด็กๆ เมื่อเพื่อนทะเลาะกันเราก็แค่คว้ามือเพื่อนทั้งคู่มาจับกับ เพื่อนเราก็ดีกันแล้ว ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงเลย

พอเริ่มโตขึ้นเพื่อนคนไหนที่มักก่อปัญหาซ้ำๆให้เราเดือดร้อน ก็คบไว้ห่างๆก็พอ หรือทางที่ดีก็เลิกคบไปเลย เพราะคนเราไม่มีเวลาให้ต้องมาคิดแก้ปัญหาเรื่องเดิมซ้ำๆ เพราะมีสิ่งอื่นๆให้เราทำอีกเยอะ 

 

     ทุกนาทีเราควรจะมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มากๆ และได้คิดทบทวนตัวเอง ว่าชีวิตของเรานั้นต้องการอะไร (อย่ามัวไปคิดให้ปวดหัวเลยว่าคนเรานั้นเกิดมาเพื่ออะไร) ให้โฟกัสไว้ที่ความสุขของตัวเองในแต่ละวันจะดีกว่า

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อคุณอ่านความในใจ จากใจผมมาระยะหนึ่งคุณจะพบว่า การเกิดเป็นคนไม่อาจพึ่งพาโชค ลาภ วาสนาได้ตลอดไป รางวัลของชีวิตในแต่ละย่างก้าวไม่ได้มาง่ายๆ ล้วนได้มาความขยันหมั่นเพียรจากตัวเราทั้งนั้น 

    และตอนวัยรุ่นผู้ชายอย่างเราๆทุกคนต่างก็เคยเป็นทหารรับใช้ชาติมาก่อน ซึ่งผมก็ดีใจมากๆที่ได้เกิดมาในแผ่นดินนี้ และภูมิใจจริงๆในสิ่งที่ผมเคยได้ทำ

    ผมดีใจมากที่คุณอ่านเรื่องราวของผมมาจนถึงจุดนี้ หากคุณเป็นคนวัย 40 ปีขึ้นไป คุณคงจะเข้าใจผมและสภาพแวดล้อมทั้งหมดที่พวกเราโตมา 

Sponsored Ad

    มาถึงตอนนี้เส้นผมของผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวบ้างประปราย ตอนนี้ผมก็ได้เห็นลูกชายของผมกำลังโตและเขากำลังนั่งร้องไห้ ซึ่งผมรู้สึกได้ว่าผมเหมือนกำลังเห็นตัวเองในอดีต ต่อให้พูดอะไรไปเขาก็คงไม่ฟังและไม่เข้าใจเรื่องในอดีตของผมเขาคงคิดว่ามันไร้สาระ แต่ที่พูดไปทั้งหมดนั้นผมหวังดี

    ผมก็แค่อยากมาฝากความเห็นใจให้เพื่อนๆวัย 40 ปีของผม ว่าผมเข้าใจทุกคน และผมอยากมาเตือนสติ ฝากให้คนรุ่นหลังไว้ได้คิดเท่านั้น

ด้วยความหวังดี

**** ภาพทั้งหมดเป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น ****

เรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ