LIEKR:
เว็บไซต์ข่าว Business Insider ได้ทำการสัมภาษณ์ลูกชายคนโตจัสติน (Justin) และลูกชายคนที่สองของเขา แดเนียล (Daniel) ซึ่งทั้งคู่บอกว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นเพราะ “ตอนเด็กช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน”
เมื่อเร็วๆ นี้สื่ออเมริกันกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับแม่บ้านชาวจีน เธอเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนและอาศัยอยู่ในชนบทที่มีอาชีพชาวไร่ชาวสวนที่น่าสงสารในประเทศมาเลเซีย เมื่อเธออายุ 17 ปี ก็อพยพมาที่สหรัฐอเมริกา เธอไม่มีการศึกษาและไม่มีเงิน
Sponsored Ad
แต่ทว่าเธอสามารถเลี้ยงลูกชาย 3 คนให้ประสบความสำเร็จได้ ลูกชายคนโต จัสติน สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยล ในขณะที่กำลังเรียนวิชาฟิสิกส์และจิตวิทยาเขาก็ได้คิดค้นสร้าง Twitch
Sponsored Ad
ในปี 2014 เขาขาย Twitch ให้กับ Amazon ในราคา $ 970 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา(ราว 29,000 ล้านบาท)
ส่วนลูกชายคนที่สอง แดเดียลได้ก่อตั้งบริษัท Cruise เพื่อพัฒนายานยนต์แบบอิสระในปี 2016 บริษัทมีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพวกเขาได้ซื้อบริษัท Cruise ด้วยเงินสดและหุ้นรวมแล้วมากกว่า 1,000 พันล้านดอลลาร์
เป็นเรื่องดีมากที่ครอบครัวนี้ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี ครอบครัวนี้รู้สึกอกมาก เพราะมีลูกชายที่เก่งกาจมากถึง 2 คน ที่โด่งดังสร้างชื่อเสียง
Sponsored Ad
ส่วนลูกชายคนเล็ก ก็ไม่เบาได้กลายเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียง
ลูกชายคนโตให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เป็นเพราะแม่ของพวกเขาที่อบรบสั่งสอนให้พวกเขาทำงานบ้าน ส่งผลทำให้พวกเขารู้วิธีการก่อตั้ง การก่อสร้าง การริเริ่มต้นและการจัดการบริษัท ดังนี้...
1. “คุณไม่สามารถกำจัดส่วนที่ไม่ดีในชีวิตออกไป มิเช่นนั้นช่วงเวลาที่ดีจะดูไร้ความหมาย" ต่อไปนี้เราจะใช้คำว่า “แม่ J” แทนชื่อเรียกแม่ของพวกเขา เคล็ดไม่ลับของแม่J ก็คือ ตั้งแต่เล็กจนโตก็จะให้ลูกชาย 3 คนช่วยทำงานบ้านเสมอมา ไม่เพียง แต่ทำงานบ้าน แต่เมื่อเธอออกไปทำงานนอกบ้าน ก็จะให้ลูกชายเป็นผู้ช่วยทำงานรับจ้างด้วย
Sponsored Ad
Justinเปิดเผยว่า:“ช่วยแม่ทำงานนั้นมีความเครียดมาก ลำบากมากนั้นคือสิ่งที่ผมไม่เคยลืม ผมช่วยทาสีบ้านไปด้วยและก็บ่นไปด้วย” แม่ก็จะพูดว่า “ลูกคิดว่างานเหล่านี้ยากมากใช่ไหม? หากลูกได้ไปอยู่บ้านไร่ที่แม่เคยอยู่ประเทศมาเลเซีย รับรองว่าลูกจะอยู่ได้ไม่ถึงวันแน่นอน!”
แม่ J ยังกล่าวอีกว่า “ชีวิตแม้มีความเจ็บปวดบ้าง แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ในเวลาเดียวกันเราต้องยอมรับประโยชน์และข้อเสียที่อยู่ร่วมกัน คุณไม่สามารถกำจัดส่วนที่ไม่ดีไป มิเช่นนั้นช่วงเวลาที่ดีนั้นจะไร้ความหมายทันที”
Sponsored Ad
2.วิธีการทำงานบ้านแบบพิเศษเพื่อฝึก "จิตวิญญาณของทีม"
ในขณะที่สนับสนุนให้เด็กทำงานบ้านนั้น วิธีการของ แม่ J ในการจัดงานบ้านเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ในบ้านมีเด็กชาย 3 คน แต่แม่J จะไม่มอบหมายงานให้คนใดคนหนึ่งเหมือนกับพ่อแม่คนอื่น ๆ ตรงกันข้าม เธอจะวางรายการงานบ้านที่ต้องทำและให้สามพี่น้องไปตกลงกันเองว่าใครจะทำส่วนไหน ทำอย่างไร?
Sponsored Ad
ทั้งนี้หากว่ารายการงานบ้านในลิสที่ให้มีข้อไหนที่ทำไม่เสร็จ ลูกทั้งสามคนก็จะไม่ได้เล่นเกมคอมพิวเตอร์
Justinเปิดเผยว่า “พวกเราคิดว่านี้มันไม่ยุติธรรมเลย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีนี้ของแม่ทำให้เราเรียนรู้อะไรได้มากมาย จากการคิดไตร่ตรองเฉพาะตนเอง เปลี่ยนเป็น เข้าใจหน้าที่ของตนเองมากขึ้น และในขณะเดียวกันมันทำให้เราตระหนักถึงว่าเราเป็นทีม”
Sponsored Ad
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำงานกันเป็นทีม และงานบ้านก็เสร็จอย่างรวดเร็ว การทำงานเป็นทีมนั้นทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าแต่ละคนมีความถนัด ความสามารถในด้านใด ทำให้เราสามารถแบ่งหน้าที่ที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้อง ทำงานร่วมกันอย่างสามัคคี การฝึกฝนเหล่านี้อย่างต่อเนื่องสามารถพัฒนาทักษะของเราทุกคนให้สูงขึ้น
Justin กล่าวว่า “การทำงานบ้านก็เหมือนการเปิดบริษัท สำหรับการเริ่มต้นใดๆ ทุกคนก็เหมือนนั่งอยู่บนเรือลำเดียวกัน มันไม่สำคัญว่าใครจะทำอะไร แต่เราจะต้องทำสิ่งที่เฉพาะเจาะจงให้ประสบความสำเร็จ หากเราประสบความสำเร็จทุกคนก็จะเป็นผู้ชนะ หากเราไม่ประสบความสำเร็จทุกคนก็จะพ่ายแพ้”
แน่นอนว่าคนใน บริษัท ขนาดใหญ่รู้สึกแตกต่างออกไป แต่จากมุมมองขององค์กรคุณต้องมีเป้าหมายและทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ วิธีการสอนของแม่J สอนให้พี่น้องทั้ง 3 คนรู้จักวิธีการทำงานเป็นทีมและรู้จักกำหนดเป้าหมาย
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
3. มีความเป็นผู้นำที่แหวกแนว ไม่ใช่แบบดั้งเดิม
ในชีวิตของลูกทั้งสามคนพวกเขาให้ฉายาแม่ว่า “Tiger mom” (แม่เสือ) แต่ไม่ใช่แม่เสือในแบบโบราณ
แม่ J มีความดุดันตรงที่ “มีมาตรฐานที่สูง” แต่วิธีที่การกระตุ้นลูก ๆ ของเธอไม่ใช่การลงโทษ เธอไม่ชอบที่จะลงโทษเด็กๆ เธอกำหนดมาตรฐานระดับสูงเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็ก ๆ จากนั้นเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้นำ แม่ J เป็นชาวจีน(ในประเทศมาเลเซีย) ย้ายถิ่นฐานมาที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเธออายุ 17 ปี เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวไร่ชาวนาที่ยากจน
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
หลังจากมาถึงสหรัฐฯแล้ว แม่J ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย แต่แม่เป็นคนเรียนรู้อะไรได้เร็วมาก แม่ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในชุมชนที่ค่าเล่าเรียนไม่แพง 2 ปี จากนั้นก็ย้ายไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาฟิสิกส์และปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่นั่น หลังจากเรียนจบ เธอก็เริ่มทำงานที่ บริษัท Data equipment company หลังจากนั้นไม่กี่ปีเธอก็เปลี่ยนไปทำงานตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์
Justinเปิดเผยว่า “แม่พูดกับเราเสมอว่า ลูกต้องทำทุกสิ่งที่ทำได้ ฉันแปลความหมายประโยคนี้เป็น: ถ้าคุณต้องการเป็นคนที่ดียอดเยี่ยมที่สุด คุณต้องทำงานหนักเพื่อจะเป็นคนที่ดีที่สุด มันเป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยมมาก และมันเป็นกำลังใจให้ผมเริ่มต้นในการริเริ่มในการก่อตั้งบริษัท ขอเพียงพยายามทำมันให้ดีที่สุด”
วันนี้ ผมสามารถชื่นชมความสำเร็จของตนเองได้จริงๆ ผมได้รางวัลนี้เพราะการพึ่งพาความพยายามของตนเอง ถ้าไม่ทำงานหนักก็จะไม่ได้วันนี้ นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากแม่ของผม สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความคุ้มค่ามาก
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
4.ผู้เชี่ยวชาญบอกไว้ว่า “ทำงานบ้าน=ประสบความเสร็จ”
การที่ผู้ปกครองกระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วมในงานบ้านนั้นมีผลกระทบเชิงบวกที่สำคัญมากต่ออนาคตของเด็ก เนื่องจากสามารถพัฒนาความรับผิดชอบของเด็กเรียนรู้ที่จะใส่ตัวเอง เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น วิธีนี้สามารถส่งเสริมและพัฒนาความคิด ทักษะให้ดีขึ้นได้
วิธีนี้ไม่เพียง ส่งเสริมสมรรถภาพทางกายของเด็กให้ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว แต่ยังทำให้เด็กฉลาดมากขึ้นด้วย
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
5.การทำงานบ้านสามารถนำความสุขมาให้เด็กๆ ได้
การศึกษาและสำรวจพบว่า เมื่อเด็กพบว่าพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมที่มีความหมายต่อครอบครัวพวกเขาจะรู้สึกมีความสุขจากหัวใจ
เมื่อมองในระยะยาว การเรียนรู้รับผิดชอบ มีบทบาทในการทำงานบ้านจะทำให้เด็กมีชีวิตแต่งงานในอนาคตอย่างมีความสุข
ที่มา : tianhotel
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR