"ผมทำสิ่งที่ถูกต้อง" หนุ่มสอบตกคณิตศาสตร์ ทำให้ธนาคารเก่าแก่ที่สุด สูญ 40,000 ล้าน จนปิดกิจการ

LIEKR:

เขาคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง ก่อนทำให้ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุด เสียเงิน 40,000 ล้าน จนต้องปิดกิจการ!

    ธนาคารทุกแห่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่สร้างความมั่นคงให้กับประชาชน เป็นสถาบันที่อาศัยความไว้ใจและเชื่อใจ จึงจำเป็นต้องมีการป้องกันที่สูงมาก ทว่ากลับมีบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ธนาคารถึงกับต้องปิดกิจการ

    นี่คือเรื่องราวของ นิค ลีสัน หนุ่มนักซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ลงทุนเพื่อหวังกำไรที่มากขึ้น แต่กลับทำให้ ธนาคารแบริ่ง ธนาคารที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษต้องปิดกิจการไปเลยทีเดียว

 

Sponsored Ad

 

        ถึงแม้ นิค ลีสัน จะไม่จบปริญญาตรีและสอบตกในวิชาคณิตศาสตร์ แต่เขาก็มีโอกาสได้ทำงานเป็นเสมียนในธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง และเนื่องจากที่เขาเป็นคนทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง จึงมีโอกาสก้าวหน้าและเริ่มเบนเข็มไปทำงานในด้านซื้อขายหลักทรัพย์

 

Sponsored Ad

 

        จนกระทั่งในปี 1989 เขาได้ย้ายงานไปยังส่วนงานหลักทรัพย์ของธนาคารแบริ่ง ซึ่งมีอายุมากว่า 200 ปีแล้ว อีกทั้งยังมีชื่อเสียง และเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ ด้วยความที่เขาเป็นคนทำงานดี อีกทั้งยังสามารถสร้างกำไรให้กับธนาคารในตลาดซื้อขายล่วงหน้าได้ ทำให้ นิค ลีสัน เริ่มได้รับความไว้วางใจมากขึ้น

         จนกระทั่งปี 1992 ธนาคารแบริ่ง ได้ตัดสินใจเปิดแผนกซื้อขายล่วงหน้าขึ้นในสาขาที่ฮ่องกง และต้องการคนที่มีความสามารถไปควบคุมดูแล เพราะเป็นเรื่องใหม่มากในขณะนั้น จึงทำให้ นิค ลีสัน ถูกมอบหมายให้เป็นผู้จัดการ รับผิดชอบทั้งการซื้อขาย และรายงานตรงต่อสาขาใหญ่ที่อังกฤษแต่เพียงผู้เดียว

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งหน้าที่ของ นิค ลีสัน คือ "การเก็งกำไร" จากส่วนต่างของตลาดสิงคโปร์, โตเกียว และญี่ปุ่น แต่เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าแผนกที่สิงคโปร์ รับผิดชอบด้านการซื้อขาย และรายงานผลแต่เพียงผู้เดียว 

        หลังจากนั้น นิค ลีสัน เริ่มเทรดแบบเสี่ยงมากขึ้น และแหกกฎเกณฑ์ที่บริษัทตั้งไว้ เพราะเชื่อว่านั่นจะสร้างกำไรให้ตัวเขามากกว่าเดิม จนกระทั่งช่วงต้นปี 1992 เขาสามารถเทรดสร้างกำไรได้ถึง 400 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 10% ของกำไรธนาคารที่ทำได้ทั้งปี แม้เงินเดือนของเขาในตอนนั้นจะอยู่ที่เดือนละประมาณ 38,000 บาท แต่ด้วยผลงานที่ทำได้ ทำให้เขาได้โบนัสเกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ นิค ลีสัน ยิ่งเชื่อว่าตัวเองคิดถูก และเขายิ่งทำการเสี่ยงขึ้นมากกว่าเดิม

 

Sponsored Ad

 

        แต่สิ่งที่เขาคิดนั่นเริ่มไม่เป็นไปตามคาด.. เพราะมันยิ่งให้ผลตรงกันข้าม ทำให้ นิค ลีสันขาดทุนจากการแหกกฎเกณฑ์ของบริษัท และทุกการซื้อขายที่ขาดทุน เขาปกปิดมันเอาไว้ด้วยรายงานว่า “เป็นการส่งคำสั่งซื้อผิดพลาด” และตกแต่งตัวเลขหลอกในรายงานที่ส่งไปยังบริษัทใหญ่ แต่ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้บริษัทใหญ่ยังคงเชื่อรายงานที่เขาส่งมาจากสิงคโปร์

        นิค ลีสัน ใช้เงินเดิมพันในการเทรดหนักกว่าเดิม เพื่อหวังว่าจะเป็นการนำส่วนที่ขาดทุนกลับมาได้ ซึ่งขัดกับหลักการลงทุนที่ว่า “ถ้าคุณเสีย คุณต้องลดการเทรดลง เพื่อจำกัดการขาดทุนให้น้อยที่สุด” และเขากลับทำตรงกันข้าม

 

Sponsored Ad

 

        จนกระทั่งช่วงปลายปี 1992 ธนาคารขาดทุนสูงถึง 80 ล้านบาท และปลายปี 1993 ตัวเลขขาดทุนที่ถูกปกปิดไว้ สูงถึง 900 ล้านบาท แม้จะขาดทุนสูง แต่เขาก็ยังปิดเอาไว้ได้ บางครั้งการเทรด ก็ทำให้ได้ผลกำไรที่งดงามกลับมา ช่วยลดการขาดทุนบางส่วน

        จนกระทั่งปี 1995 ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ในเช้าวันที่ 17 มกราคม ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกลงอย่างหนัก และเขาก็เดิมพันว่านั่นเป็นแค่การตกลงชั่วคราวเท่านั้น และตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่มันกลับตรงกันข้าม ในแต่ละวันตลาดหุ้นไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

 

Sponsored Ad

 

        จนกระทั่งวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1995 เขาตัดสินใจหนีความผิดที่ตนก่อขึ้น ด้วยการออกจากบริษัทโดยไม่บอกใคร โดยได้บินไปยังประเทศมาเลเซีย พร้อมกับทิ้งข้อความเอาไว้บนโต๊ะทำงานว่า "ผมขอโทษ" ท่ามกลางความสับสน สำนักงานใหญ่ที่อังกฤษ ทำการสืบสวนบัญชีของเขาในทันที และพบว่าตัวเลขขาดทุนที่เขาก่อไว้ในตอนนั้นสูงถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งนั่นมากกว่าตัวเลขเงินทุนที่ธนาคารมีให้เหล่าพนักงานไว้ซื้อขายทั่วโลกเกือบๆ 2 เท่า

Sponsored Ad

        ต่อมาอีก 3 วันหลังจากเกิดเหตุ ธนาคารแบริ่งที่ก่อตั้งมานานถึง 233 ปี รู้ตัวว่าแบกภาระนี้ไม่ไหว ประกาศปิดกิจการในทันที

        ภายหลังจากที่ นิค ลีสัน หนีไปยังประเทศมาเลเซีย มีรายงานว่าเขาหนีต่อมายังประเทศไทย ก่อนจะสำนึกผิด จึงตัดสินใจบินกลับไปที่ประเทศอังกฤษ แต่แล้วระหว่างเปลี่ยนเครื่องในประเทศเยอรมนี เขาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อน ทำให้ นิค ลีสัน ถูกส่งตัวกลับไปตัดสินที่สิงคโปร์

        ทำให้ นิค ลีสัน ต้องนอนหลังลูกกรงถึง 6 ปีครึ่ง ส่วนธนาคารแบริ่ง ก็ถูกธนาคาร ING ในเนเธอร์แลนด์ ซื้อต่อด้วยมูลค่าเพียง 1 ปอนด์ เพื่อจัดการหนี้ แยกส่วนงาน รวมถึงแบ่งขายทรัพย์สิน


        ปัจจุบันจะยังมีบางส่วนของธนาคารแบริ่ง เหลือรอดกลายมาเป็นบริษัทลงทุนในปัจจุบันอยู่ก็ตาม และนี่ก็เป็นการปิดตำนานของธนาคารเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ

ที่มา : billionmindset, victorytale

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ