LIEKR:
คนเราทุกคนล้วนมีความปรารถนาในการดำเนินชีวิตในแบบที่ฝันไว้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ลงทุนทุ่มเททำสิ่งที่ที่หวังให้เกิดขึ้นจริง เพราะการทำเช่นนั้นต้องเสียสละหลายๆด้าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คู่รักคู่นี้ทำได้ พวกเขามีความกล้าหาญที่จะสร้างอนาคตที่ตนเองต้องการและแตกต่างไปจากคนอื่น
ในชีวิตเป็นจริง ความรักที่มีทั้งสุขทุกข์นั้น ไม่เพียงมีแต่อุปสรรค์ พายุฝนเท่านั้น แต่ยังมีความอบอุ่นของน้ำที่ไหลเป็นทางและเป็นเวลาอันยาวนาน
Sponsored Ad
สื่อต่างประเทศเปิดเผย มีคู่รักรายได้สูงคู่หนึ่ง ในจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น ยูมิ ฮ า ย า คาวา (Yumi Hayakawa) และสามี โอโนะ เทปเป (Teppei Ono)
พวกเขารู้จักกันเพราะการท่องเที่ยว และเพราะพรหมลิขิตทำให้พวกเขามีความคิดในการดำรงชีวิตที่คล้ายกัน ยอมสละหน้าที่การงานที่ดีในในเมือง เพื่อออกมาสร้างบ้านและอาศัยในหุบเขา ทำไร่ทำสวน ทำนาบนภูเขา ให้อาหารสัตว์เลี้ยง ใช้ชีวิตที่เล็กๆในความพอเพียง
Sponsored Ad
พวกเขาบอกว่าการดำรงชีวิตไม่ใช่การโฆษณา แต่เป็นสิ่งที่เลือกทำซึ่งออกจากมาจากใจลึกๆ ทั้งคู่ใช้ชีวิตรักร่วมกันมานานกว่า 20 ปี ในสมัยยังสาวเธอเป็นคนชอบวรรณคดีและเขาชอบงานศิลปะอย่างมาก
บางครั้งหากหาซื้อเสื้อผ้าที่ตนเองชอบไม่ได้ ก็จะหันมานั่งเย็บเองซะเลยเป็นไง จนกระทั่งเธอค่อยๆกลายเป็นที่นิยมและมีคนรู้จักเธอมากขึ้น ตอนไปเที่ยวแทบประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเขาจะมองดูศิลปะของแต่ละพื้นที่ และสร้างสรรค์ไอเดียร่วมไปด้วย เพื่อสร้างอนาคตที่ดี
Sponsored Ad
โอโนะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด ขี้อาย มักนั่งคุยกับดินและพระอาทิตย์อยู่เสมอ เป็นคนอ่อนโยนสุขภาพดี เธอและสามีรักใคร่กันมาก หลังจากแต่งงานก็ออกเดินทางไปทั่วเช่น ประเทศไทยเป็นอันดับแรก ,ลาว,อินเดีย,เนปาล,มาเลเซีย เป็นต้น ไปดูทิวทัศน์ของประเทศเหล่านั้น
ในระหว่างการเดินทางพวกเขาพบเจอผู้คนมากมาย ที่พยายามดิ้นรนสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ ตอนอยู่ในเมืองพวกเขาอาศัยบนอาคารอพาร์ตเมนต์ชั้น 5 โอโนะเริ่มมีชื่อเสียงบ้างแล้ว
Sponsored Ad
ในปี 1998 ทั้งคู่ตัดสินใจทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตนั้นคือ ย้ายออกจากชีวิตในเมืองเพื่อมาอาศัยในหมู่บ้านบนภูเขา แต่ตอนนี้พวกเขามีแล้ว
เมื่อก่อน "เราเรียกใช้บริการส่งอาหารเพื่อกินให้อิ่มท้อง ส่วนเสื้อผ้าก็ส่งร้านซักอบรีด และงานบ้านก็มอบให้กับพนักงานรายชั่วโมงที่มาช่วยงานเรา ชีวิตเหล่านี้คือชีวิตที่เราซื้อมาเพื่อเติมเต็มการดำเนินชีวิต" แต่ชีวิตที่พวกเขาอยากได้คือ ชีวิตที่สร้างเสริมปรุงแต่งมาด้วยสองมือ
Sponsored Ad
ในที่สุดพวกเขาก็พบพื้นที่ที่มีหุบเขา และมีแม่น้ำไหลผ่านในจังหวัดโคจิ ซึ่งด้านหน้าคือทุ่งนาที่มีการดำนาใหม่อย่างเป็นระเบียงขั้นบันได
หากไม่มีคอนกรีตเสริมเหล็ก ทั้งสองก็เข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ในเมือง นำต้นไม้ ดินและปูนปลาสเตอร์เพื่อสร้างกรอบของบ้านและผนัง ใช้ไม้ไผ่และดินโคลนในการสร้างกำแพงที่หนา
วิวรอบห้องทำงานของโอโนะไม่ว่าจากมุมไหน เมื่อมองขึ้นไปคุณจะเห็นวิวที่สวยงามของระเบียงด้านนอกบ้าน
ศิลปินเครื่องปั้นดินเผาโอโนะเคยใฝ่ฝันที่จะมีเตาเผาไม้ของตัวเอง แต่มันก็ยากที่จะบรรลุเป้าหมายในเมืองแคบ ๆ
Sponsored Ad
ทุกวันนี้เขาได้รับการปล่อยตัว เพราะเขาสามารถมีเตาเผาเป็นของตนเองได้แล้ว เขาใช้เวลาสร้าง 3 ปี ในการสร้างเตาเผาในบริเวณใกล้เคียง
ทุกวันโอโนะจะนำตะกร้ากระเช้าขึ้นเก็บฟืนนภูเขาเพื่อรวบรวมในการเผาเครื่องปั้นของเขา หลายครั้งที่เครื่องปั้นบางอย่างล้มเหลวไม่สำเร็จ เขาก็จะทิ้งไป แต่ภ ร ร ย าของเขาก็จะแอบเก็บกลับมาเงียบๆ หลังจากแก้ไขเสร็จแล้วก็จะนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร จากนั้นก็มองดูโอโนะทำท่าประหลาดใจเมื่อเห็นเครื่องปั้นนั้นอีกครั้ง
เธอบอกว่า “ตราบใดที่คุณใช้มันอย่างทะนุถนอม มันก็จะกลายเป็นของที่มีค่าและเป็นของดีนั้นเอง”
Sponsored Ad
เธอบอกว่า "ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมาฉันชื่นชมผลงานของเขาเป็นอย่างมาก" พวกเขาทั้งสองเปรียบเสมือนกระจกของกันและกัน อีกคนเป็นช่างฝีมือเครื่องปั้นดินเผาและเธอก็เป็นช่างฝีมือผ้าที่มีฝีมือ
มีบ้างที่จะมีคนมาเยี่ยมและพากันไปดำนาเดียวกัน หรือไม่ก็จัดการแต่งแต่งองค์ทรงเครื่อง
ตอนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ๆ มีคนแก่ในระแวกนั้นเคยบอกว่า "ขอเพียงแค่ยังมีดิน ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไปได้"
เมื่อพวกเขาได้ใช้เวลาไปช่วงหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตแตกต่างจากในเมืองมาก มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ อยากกินอะไรสวนหลังบ้านก็มี
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ต้องทำอะไรเองทุกอย่าง เช่น ปลูกผัก ผลไม้ เด็ดผัก เก็บผลไม้ ทำกับข้าว และอื่นๆ เพราะหลังบ้านของพวกเขามีสวนเล็กๆ สำหรับปลูกผักและผลไม้ได้มากมาย ยามว่างก็จะไปรดน้ำต้นไม้
นี่คือบ้านจากมุมไกล น่าอยู่มาก
อีกมุมหนึ่งของบ้านมีบันไดทางลัดด้วย
หน้าบ้านจะมีเครื่องปั้นดินเผามากมาย
และนี่คือของสะสมของภ ร ร ย า ของสานมากมายเอาไว้ใส่ของต่างๆ เช่น ผัก ผลไม้ เป็นต้น
จะเห็นว่าภายในห้องครัวจะมีข้าวของเต็มไปหมด ทุกอย่างเราจะเน้นความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
.
.
ยามว่างเธอก็จะเอาเครื่องจักรออกมาเย็บปักถักร้อย เสื้อผ้าหรือผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน เธอชอบผ้าฝ้ายและผ้าชนิดต่างๆของประเทศไทยมาก โดยเฉพาะเสื้อหม้อฮ่อมพื้นเมือง
นี่คือบ้านหลังเล็กใกล้ๆบ้าน เป็นห้องเก็บฟืน เตาเผาและเครื่องปั้นดินเผา
.
สิ่งนี้คืองานอดิเรกที่สามีชอบมาก เขานั่งทำเครื่องปั้นดินเผาได้ทั้งวันเลยนะ
แต่บางครั้งเธอก็จะไปช่วยโอโนะด้วย
.
เมื่อหญ้าขึ้นสูงก็จะไปถางหญ้า จัดสวน พวกเขาปลูกต้นชาด้วย เพราะอากาศที่นี่ดีมาก ทำให้พวกเขาสามารถเด็ดยอดใบชามาตากเด็ดและอบเองได้ ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อเลย บางครั้งยังแบ่งปันให้ญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเราได้
ชีวิตแบบนี้แหละที่พวกเขาต้องการ ไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร มีชีวิตที่ชิวๆสบายในแต่วันที่ตื่นนอน
.
.
.
.
ชีวิตแบบนี้ทำให้พวกเขามีเวลาเป็นของตนเองมากขึ้น เ ส พ สุขชีวิตแห่งความละมุน รู้ไหมว่าเป็นชีวิตที่หลายคนอิจฉาพวกเขามาก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เรียนรู้ที่จะลิ้มรสความหวานและความขมขื่นที่คุณชงทุกวันและจากนั้นคุณสามารถทำอาหารที่เรียกว่า "ชีวิต" บนโต๊ะของทั้งคู่คุณจะเห็นการแต่งงานที่มีความสุข 20 ปีที่คุณสามารถปรุงด้วยกันได้
ที่มา : family543
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR