เชื่อว่าหลายคนเวลานั่งเครื่องบินมักจะชอบนั่งติดหน้าต่าง เพราะจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ความสวยงามบนท้องฟ้า แต่บางครั้งบางครั้งการหาที่นั่งดีๆ ติดหน้าต่างก็อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ในอนาคตอาจจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

    เพราะทางศูนย์นวัตรกรรมซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและงานวิจัยของอังกฤษ กำลังจะสร้างอนาคตแห่งการเดินทางบนอากาศ ด้วยเครื่องบินอันล้ำสมัยที่ไร้หน้าต่าง แต่ผนังทั้งหมดจรดความยาวของตัวเครื่องจะถูกสร้างขึ้นมาจากหน้าจอสัมผัส OLED ทำให้ผู้โดยสาร สามารถมองเห็นท้องฟ้าเสมือนราวกับกำลังลอยอยู่กลางนภา!!

 

 

     หลายคนอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยี OLED ซึ่งเป็นคำย่อของ “ไดโอดเปล่งแสงอินทรีย์” คือฟิล์มที่ประกอบด้วยสารอินทรีย์และสามารถฉายแสงด้วยปฏิกิริยาจากกระแสไฟฟ้าได้

    อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่เทคโนโลยีนี้กำลังถูกใช้ในโทรทัศน์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ และจอภาพคอมพิวเตอร์

 

 

    ตามเวลาที่เครื่องบินเหล่านี้จะผลิตจริง มีแนวโน้มที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะกลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาด

     มีการคาดการว่าภายในระยะเวลา 10 – 15 ปี เครื่องบินที่ถูกออกแบบนี้จะทำการสร้างสำเร็จ!

 

 

    ตัวหน้าจอสัมผัสที่เชื่อมต่อกับกล้องที่วางอยู่ทั่วนอกเครื่องบิน จะช่วยแสดงมุมมองที่สมจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ เครื่องบินภายนอก

เรียกได้ว่าผู้โดยสารจะได้เห็นวิวที่เครื่องบินบินผ่าน เหมือนกำลังเหาะไปในอากาศเลยก็ว่าได้

    แต่หากคุณเป็นพวกไม่ชอบมองท้องฟ้า ก็สามารถเปลี่ยนหน้าต่างเสมือนนี้ให้กลายเป็นระบบความบันเทิงได้ด้วยเช่นกัน

 

 

    ด้วยผนังทั้งหมดของเครื่องบินถูกแทนที่ด้วยหน้าจอชนิดพิเศษนี้ จะทำให้คุณสามารถมองเห็นท้องฟ้าภายนอกได้จากทุกทิศทาง และไม่ต้องห่วงว่าจะได้ที่นั่งที่มีมุมอับจนไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้

    นี่อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้มอบประสบการณ์การเดินทางอันน่าจดจำให้ผู้โดยสารได้ไม่น้อย แต่ยังคงเป็นเพียงแค่คอนเซปต์เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทางทีมวิจัยยังคงพัฒนา และแก้ไขปัญหาเพื่อเตรียมพร้อมในการผลิตขึ้นมาจริงๆ อยู่เช่นกัน

 

 

     อาจต้องอดใจรออีกสักนิด เมื่อถึงเวลาที่เครื่องบินรุ่นพิเศษนี้ได้รับการออกแบบอย่างสมบูรณ์และผลิตเพื่อเปิดให้บริการ คงจะทำให้ผู้โดยสารผู้ชื่นชอบความแปลกใหม่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับการเดินทางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

 

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<

.

.

.

.

.

.

.

ข้อมูลและภาพจาก wegointer, catdumb, The Telegraph