LIEKR:
“พอตื่นขึ้นมา แขนก็ชาไปหมด เหมือนมีมดนับไม่ถ้วนกัด รอสักพักก็หายชา” คนจำนวนไม่น้อยที่เคยมีอาการแบบนี้
การที่เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เส้นประสาทถูกบีบจากแรงกดดันทำให้เกิดอาการชา มีผลต่อสุขภาพไม่มาก แต่ถ้าเกิดอาการในระยะยาวหรือไม่รู้สาเหตุแน่ชัดที่มือเท้าชา จนถึงขนาดตื่นกลางดึกเพราะเกิดอาการชา ต้องระวัง!
Sponsored Ad
(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)
Life Times ได้เชิญให้ผู้เชี่ยวชาญมาแจ้งให้คุณผู้อ่านได้ทราบว่าโรคชนิดใดอาจจะให้เกิดอาการชาได้บ้าง
สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ Li Quanmin ผู้อำนวยการแผนกต่อมไร้ท่อและโรคข้อจากโรงพยาบาล ในปักกิ่ง
7 ความจริงของอาการมือและเท้าชาที่เป็นสัญญาณอันตราย ผู้สูงอายุควรระมัดระวัง
1. เส้นประสาทแขนถูกกด
ขณะนอนหลับถ้านอนท่าไม่ถูกต้อง คอหรือแขนจะโดนกดทับ ทำให้เกิดอาการแขนชา แต่เพียงแค่เปลี่ยนท่านอน อาการชาก็จะหายไป
2. ปวดกระดูกคอ
Sponsored Ad
ชามือข้างเดียวเป็นประจำ อาจจะเกิดจากการกระดูกคอหนาทึบขึ้น (Hyperostosis) หมอนรองกระดูกสันหลัง (Intervertebral disc) ยื่นออกมา ทำให้เส้นประสาทคอหรือหลอดเลือดแดงในกระดูกสันหลังโดนกดทับ ส่งผลให้เกิดอาการพิการ เกือบ 70% ของอาการชาบริเวณมือเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท
3. ก้านสมอง
นิ้วชาที่แขนขาข้างใดข้างหนึ่ง โดยอีกอีกข้างของร่างกายเป็นปกติ ในขณะเดียวกันก็มีอาการปวดหัวมึนหัว มองอะไรไม่ชัด อาจเกิดจากก้านสมองซึ่งเป็นอาการร้ายแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
Sponsored Ad
(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)
4. ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทของโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง โดยอาการที่ส่งผลต่อระบบประสาทเป็นหนึ่งในนั้น อาการชาที่แขนขา โดยเฉพาะชาที่ขาพบบ่อยที่สุด
Sponsored Ad
5. โรคเกาต์
จากผลทางสถิติ คนที่มีอาการมือชา 1% มีสาเหตุมาจากโรคเกาต์ อาจเกิดจากการตกตะกอนของกรดยูริคที่เส้นประสาท
6. ขาดสารอาหาร
การมีปัญหากับระบบทางเดินอาหารในระยะยาว หรือการรับประทานอาหารลดน้อยลงอาจนำไปสู่การขาดโปรตีนและวิตามินในร่างกาย ทำให้เส้นประสาทอักเสบเกิดความเสียหาย จนเป็นเหตุให้มือเท้าชา
7. ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
Furazolidone, Ofloxacin และสารต้านเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เกิดอาการชาได้ โดยอาการชาประเภทนี้จะเริ่มจากมือ แล้วค่อยๆขยายออกไป มักเกิดอาการแพ้หรือรู้สึกผิดปกติ เพราะงั้นการใช้ยาประเภทนี้ต้องทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
Sponsored Ad
7 สิ่งเล็กๆที่ช่วยบรรเทาอาการชาของมือและเท้า เพราะมือชาและเท้าชาเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆและสามารถเป็นซ้ำได้ง่ายๆรักษาให้หายขาดได้ยาก อยากรักษาอาการมือเท้าชา ไม่เพียงต้องรักษาด้วยยา ในชีวิตประจำวันก็มีหลายอย่างต้องระวัง
1. รับประทานอาหารให้เหมาะสม
อาหารและเครื่องดื่มต้องรสไม่จัด ใส่เกลือน้อย บริโภคไขมันจากสัตว์ให้น้อย กินผักที่มีเส้นใยสูงมากๆ ช่วยให้เส้นเลือดนิ่ม บรรเทาอาการมือเท้าชา
2. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำมากๆ สามารถลดความหนืดของเลือดได้ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และเพิ่มปริมาณเลือดให้กับสมอง
Sponsored Ad
(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)
3. วิตามินเสริม
คนอายุมากต้องรับประทานวิตามิน B1 B6 วิตามิน C เสริม เพื่อทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานดีขึ้น บรรเทาอาการมือเท้าชา
4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
ตอนเย็น หรือตอนหัวค่ำ อาจจะออกมาเดิน วิ่งจ๊อกกิ้ง หรือรำไทเก๊กข้างนอก แต่ห้ามออกกำลังกายหนักและนานเกินไป ก่อนออกกำลังกายต้องวอร์มอัพก่อน 10 นาที (เช่นยืดขา หมุนเอวเป็นต้น)
5. ระวังท่านอน
เวลานอนท่าที่ดีที่สุดคือนอนหงาย โดยอย่านอนทับมือเท้า หมอนควรสูงประมาณ 7-9 มล. โดยต้องมีความนุ่มเหมาะสม
Sponsored Ad
6. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
คนมีอายุต้องตรวจความดันเลือด ไขมันในเลือด และการไหลของเลือดเป็นประจำ ถ้าความดันเลือดสูง หรือไขมันในเลือดสูง ต้องรักษาทันที
7. รักษาวงจรชีวิตให้สมดุล
พยายามนอนเร็วตื่นเร็ว อย่านอนดึก ตอนกลางคืนไม่ควรดูทีวีนานๆ ต้องฝึกงีบตอนบ่าย ประมาณ 40 นาทีจะเหมาะสม
ข้อควรระวัง : ถ้าเกิดอาการมือเท้าชาควรไปพบแพทย์ อย่าละเลย
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR