เปิดตำนานบารมี "หลวงปู่พิบูลย์" ผู้ปราบจระเข้ยักษ์ ด้วยการตบหัว ลงน้ำสบงก็ยังไม่เปียก

LIEKR:

สุดยอดพระมหาเถราจารย์ในตำนานอีกรูปหนึ่ง ในดินแดนอีสานผู้ทรงฌานอภิญญาแก่กล้า มีวิทยาคมเป็นเลิศ

เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

    "ปราบจระเข้ที่กุดแห่" บารมีหลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น ในสมัยก่อนกุดแห่แห่งนี้เป็นห้วยน้ำที่มีฝูงจระเข้น้อยใหญ่อยู่มากมายอาศัยอยู่ ทำให้ชาวบ้านกลัวและไม่กล้าไปทำมาหากินในลำห้วยแห่งนี้ จึงพากันมากราบนมัสการให้หลวงปู่ทราบ พอท่านได้ทราบเรื่องแล้วในวันต่อมาได้ชักชวนพ่อออก(โยมผู้ชาย) ๓-๔ คนไปกุดแห่ด้วย พอไปถึงหลวงปู่จึงเอ่ยถามพ่อออกที่ไปด้วยว่า “โยมอยากเห็นเรือทองคำไหม? เป็นของพวกผีเขาแห่มาไว้”

    พ่อออกก็บอกว่าอยากเห็น หลวงปู่เดินลงไปในน้ำลึกประมาณโคนขา แล้วเอาแขนล้วงลงไปในน้ำดึงเรือทองคำขึ้นมา เรือลำดังกล่าวยาวประมาณ ๓ เมตร หลวงปู่ถามโยมว่า “อยากได้ไหม” พ่อออกบอกว่าอยากได้ แต่หลวงปู่บอกว่า “เอาของๆ เขาไม่ได้เพราะเจ้าของเขาหวง” เสร็จแล้วหลวงปู่จึงปล่อยเรือลงไปไว้ดังเดิม

 

Sponsored Ad

 

    ด้วยเหตุนี้ห้วยน้ำแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ห้วยกุดแห่” ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็มานั่งบนฝั่งใช้มือล้วงเอาหินเสกที่อยู่ในย่ามหว่านลงไปในน้ำทำให้ฝูงจระเข้และเต่าทั้งหลายลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แล้วหลวงปู่ก็สั่งให้สัตว์เหล่านั้นมารวมกันตรงหน้าหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ก็ให้ศีลพร้อมทั้งแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านั้นพร้อมให้หนีไปอยู่ที่อื่นห้ามไม่ให้มาทำร้ายมนุษย์อีกต่อไปหลังจากนั้นอีก ๗ วันก็ไม่มีใครปรากฏเห็นจระเข้อยู่ในลำห้วยนั้นอีกเลย

 

Sponsored Ad

 

.

    แต่ต่อมามีชาวบ้านนานกหงส์และบ้านนาทรายหลายคนบอกว่าได้ยินเสียงร้องให้อยู่แถวๆป่าแห่งนั้นในเวลากลางคืนและต่อมาอีกระยะหนึ่งก็มีคนพบซากศพจระเข้ และซากเต่าอยู่ตามโคกตามป่าแห่งนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ห้วยกุดแห่จึงเป็นห้วยน้ำที่ทำมาหากินของชาวบ้านนานกหงส์ บ้านนาทราย บ้านแดง บ้าน หนองผักแว่นและหมู่บ้านใกล้เคียงสืบมาจนถึงวันนี้

    อภินิหารหลวงปู่พิบูลย์ ปราบจระเข้

 

Sponsored Ad

 

    เล่ากันว่า ในอดีตลำน้ำปาว มีจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งเที่ยวกินวัวควายของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันทั่วหน้า จึงได้ร่วมกันไปปรึกษากับหลวงปู่พิบูลย์ หลวงปู่ท่านได้แนะนำให้นำดอกไม้ธูปเทียนขันธ์ห้าขันธ์แปด เทียนเวียนรอบหัวและยาวเท่าลำตัวให้นำมาจากทุกหลังคาเรือน พอมาถึงหลวงปู่ก็ฉันอาหารเช้าเสร็จ ก็เริ่มนั่งบริกรรมแล้ว หลวงปู่ก็นุ่งสบงจีวรรัดอกจุดเทียนคู่หนึ่งถือไว้ในกำมือ แล้วก็เดินลงสู่ลำน้ำปาว ประมาณสองชั่วโมง น้ำเริ่มขุ่นขึ้นมา ชาวบ้านจ้องดูตามริมฝั่งทั้งสองฟากพอประมาณ แล้วหลวงปู่ก็ขึ้นมาพร้อมกับไม้เรียวและเทียน ข้อนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งเพราะสบงจีวรหลวงปู่ไม่เปียก และเทียนที่จุดก็ไม่ดับและไม่สั้นลงไปอีก หลวงปู่จึงบอกกับชาวบ้านว่า " ไอ้จระเข้มันยอมแพ้แล้วมันจะหนีภายใน 7 วัน " หลวงปู่ถามชาวบ้านว่า " อยากเห็นมันบ่พ่อออก แม่ออก อาตมาจะเอิ่นมันมาให้เบิ่ง (อยากจะเห็นหน้าไอ้จระเข้ไหม จะเรียกมันมาให้ดู) ญาติโยมเหล่านั้นบอกว่าอยากจะเห็น หลวงปู่จึงเรียกไอ้จระเข้ใหญ่ขึ้นมาจากน้ำอยู่ที่ริมฝั่ง

 

Sponsored Ad

 

    ขณะนั้นหลวงปู่ถามชาวบ้านว่า " ญาติโยมกลัวไอ้จระเข้ไหม" ญาติโยมบอกว่ากลัวมาก ๆ เลยหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า " ไม่ต้องกลัวเพราะมันยอมเราแล้ว" หลวงปู่จึงเอามือตบหัวไอ้จระเข้และเอามือล้วงเข้าไปในปากของไอ้จระเข้ มันก็ไม่ทำอะไรหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ก็บอกให้มันกลับลงสู่น้ำ ต่อมาภายหลังชาวบ้านเห็นจระเข้อยู่ในป่า จึงได้นำเหล็กแหลมๆ ทั้งสองข้างเอาริ้วหนังติดกับไม้ยื่นไปหาไอ้จระเข้ๆ จึงอ้าปากขึ้น ชาวบ้านจึงเอาเหล็กยัดเข้าไปในปากไอ้จระเข้ในทางตั้ง พอไอ้จระเข้งับปากลงเหล็กก็แทงปากจระเข้ทั้งด้านและด้านล่าง (ช่วงนั้นหลวงปู่ไม่อยู่แล้ว)

 

Sponsored Ad

 

    ต่อมาทีหลังได้นำกระดูกจระเข้มาทำเป็นตีนธรรมาสน์ ในสมัยก่อนวัดเกาะแก้วแห่งนี้มีอาถรรพ์มากคนไม่กล้าเข้าไปอยู่เพราะเป็นวัดร้าง ท่านหลวงปู่พาสร้างแล้วชาวบ้านก็อยู่เย็นเป็นสุข

    หลวงปู่จึงกลับมากราบอาจารย์ไม้เท้าหนักหมื่น อาจารย์เลยบอกว่า " วัดที่หลวงปู่ไปสร้างนั้นไม่ใช่วัดเดิมของหลวงปู่ที่บอกไปสร้างนั้นอยู่ทางทิศเหนือของอำเภอหนองหาน ซึ่งอยู่ติดริมห้วยหลวง " หลวงปู่ได้อยู่พักกับอาจารย์ตามสมควร แล้วก็ได้ลาอาจารย์กลับมายังฝั่งไทยและได้พักอยู่วัดเกาะแก้วเกาะเกศอีก ส่วนลูกศิษย์คนอื่น ๆ นั้นอาจารย์ก็บอกให้ไปทางภาคเหนือ-ภาคใต้ ส่วนหลวงปู่พิบูลย์ ให้อยู่ในภาคอีสาน

ข้อมูลและภาพ จาก ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม

บทความแนะนำ More +