"ชุดนอน-ผ้าปูที่นอน" ต้องซักบ่อยแค่ไหน ปล่อยไว้คุณอาจมีเพื่อนเป็นไรฝุ่นหลายสิบล้านตัว
LIEKR:
ชุดนอน ผ้าปูที่นอน ไม่ซักบ่อยๆ จะมีเพื่อนนอนเป็นไรฝุ่นหลายสิบล้านตัว
หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เตียงกับชุดนอนของชั้นสะอาดจะตาย แถมชั้นอาบน้ำทุกวัน ไม่ได้สกปรกสักหน่อย
"มองไม่เห็น" ไม่ได้แปลว่า "ไม่มี"
ต้องรู้ก่อนว่า ไรฝุ่นมีขนาดแค่ 1.2-1.4 มม. ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ถึงจะมองเห็น
อุณหภูมิที่มันชอบคือ 20-30 องศาเซลเซียส ความชื้น 50%-70% ฟูก ผ้าปูที่นอน หมอน เป็นที่อยู่อาศัยอย่างดีของมัน
คราบเหงื่อ สารคัดหลั่ง เศษผิวหนังจากร่างกายคุณ ล้วนเป็นอาหารอย่างดีของมัน
แม้ว่าคุณจะอาบน้ำทุกวัน แต่ระบบเผาผลาญของร่างกายไม่เคยหยุด ผิวหนังหลั่งน้ำมัน เหงื่อ ผลัดเซลล์ ตลอดเวลา ซึ่งจะติดอยู่ตามชุดนอนและผ้าปูที่นอน
หลายๆ สัปดาห์ไม่ซักของพวกนี้ ไขมัน เหงื่อ เศษผิวหนังก็จะสะสมเยอะขึ้น ทำให้ไรฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนอิ่มสบาย
ปกติแล้วคุณจะนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง เศษผิวหนังของคุณก็ทำให้มันอิ่มไปได้หนึ่งมื้อ เศษผิวหนังที่หลุดออกมาวันนึง สามารถเป็นอาหารของไรฝุ่นได้ประมาณ 1 ล้านตัว
นอกจากนั้น ความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกมันยังยอดเยี่ยมมาก ตัวเมียสามารถวางไข่ได้ครั้งละ 25-50 ใบ จากสถิติ แม้แต่คนที่สะอาดมากๆ ยังมีไรฝุ่นบนเตียงถึง 2 ล้านตัว! ทำให้อยากรู้ว่า แล้วพวกที่ไม่ชอบทำความสะอาด บนเตียงจะมีไรฝุ่นมากแค่ไหน
ปัญหาผิวหนังต่างๆ จะทำให้คุณรู้สึกแย่
อย่าดูถูกว่าไรฝุ่นตัวเล็กนิดเดียว แต่มันมีพลังยิ่งใหญ่มาก! ไม่มีช่องไหนที่มันเข้าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นปากหรือรูขุมขน ก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ นอนกับมันเป็นเวลานานๆ เป็นหายนะต่อร่างกายคุณ ทำให้เป็นสิว ลมพิษ และโรคผิวหนังอื่นๆ เวลาไรฝุ่นกัดคนจะปล่อยพิษออกมา ทำให้ร่างกายแพ้ ทำให้เกิดอาการคัน หายใจไม่ออก ถ้าเอามือเกาก็จะเป็นแผล นอกจากนี้ มันยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน ซ่อนอยู่ในรูขุมขุนลึกๆ ทำให้เกิดปัญหาผิวเช่น สิว
ในชีวิตประจำวันทำสาม “ขยัน” นี้ได้ อันตรายก็จะลดลง
3 ขยันที่ว่าคือ : ขยันเปลี่ยน ขยันซัก ขยันตาก!
ทำสามข้อนี้ได้ ไรฝุ่นบนเตียงก็จะลดลง
ผ้าปูที่นอน : ซักสัปดาห์ละครั้ง
บางคนกลับถึงบ้านชอบขึ้นไปนอนบนเตียง ทั้งฝุ่น ทั้งเหงื่อก็จะไปติดบนเตียง ตามสถิติ ผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้ซัก 10 วัน จะมีเหงื่อ 5.5 ปอนด์ติดอยู่ ซึ่งผ้าปูที่นอนแบบนี้คือสวรรค์ของไรฝุ่น
ดังนั้น ทางที่ดีควรซักผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำร้อน (55℃~65℃) เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 55℃ ไรฝุ่นก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้
หลังซักเสร็จ ทางที่ดีควรตากแดด เพื่อฆ่าไรฝุ่นอย่างสมบูรณ์
ปล. หน้าร้อนเหงื่อออกเยอะ สามารถซักผ้าปูที่นอนให้บ่อยขึ้นได้ เช่น 2-3 วันครั้ง
ชุดนอน : ซักอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ชุดนอนเป็นสิ่งที่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง ก็ควรจะซักบ่อยๆ แม้ว่าหลังอาบน้ำเสร็จ ผิวหนังก็ยังคงปล่อยน้ำมันและสารคัดหลั่งออกมาติดชุดนอนตลอดเวลา ไม่ซักนานๆ ง่ายต่อการเพาะเชื้อแบคทีเรีย ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบ ทางที่ดีคือทุกสองวันควรซัก หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ปลอกหมอน : ซักสัปดาห์ละครั้ง
บนปลอกหมอนมีเศษผิวหนัง ไรฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย ผม ไขมันจากหนังศีรษะ ฝุ่นและอื่นๆ ถ้าล้างหน้าทุกวัน แต่ไม่ขยันเปลี่ยนปลอกหมอน ก็เหมือนไม่ได้ล้างหน้า ปลอกหมอนสกปรกจะเป็นฐานทัพอย่างดีของไรฝุ่นและแบคทีเรีย ทำให้เกิดปัญหาผิวหนัง เช่นรูขุมขนกว้าง เป็นสิว หรือผิวแพ้ ดังนั้นควรขยันซักปลอกหมอนบ่อยๆ ทางที่ดีคือสัปดาห์ละครั้ง ถ้าผิวหน้ามีอาการแพ้ แนะนำให้ซักปลอกหมอน 2-3 วันครั้ง
หมอน : ซักทุก 3 เดือน
เวลานอนน้ำลายไหล เหงื่อ รวมถึงฝุ่น เศษผิวหนัง น้ำมันบนศีรษะก็จะติดไปบนหมอนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไรฝุ่น และแบคทีเรีย เมื่อไม่เปลี่ยนหมอนนานๆ เข้า ก็อาจะทำให้เกิดปัญหาผิวแพ้ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ดังนั้น ควรซักหมอนทุกๆ 3 เดือน ถ้าวัสดุที่ใช้ทำหมอนซักไม่ได้ ทางที่ดีควรเอามาตากแดดสัปดาห์ละครั้ง หลังจากใช้ไป 1 ปีขอแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ เมื่อเกิดสิ่งต่อไปนี้ เป็นสัญญาณว่าควรเปลี่ยนหมอนได้แล้ว
① ในกรณีที่ไม่มีความเจ็บป่วยทางร่างกายที่เกี่ยวข้อง หลังตื่นนอนมักจะชา และเจ็บบริเวณคอ
② หมอนสูญเสียความยืดหยุ่น ตบๆ แล้วก็กลับมาแบนอย่างรวดเร็ว
③ ไส้หมอนรวมเป็นก้อนๆ นูนๆ ยุบๆ ไม่สม่ำเสมอ แถมยังมีกลิ่นรา
ฟูก : ทำความสะอาดทุก 2-3 ปี และเปลี่ยนทุก 5-10 ปี
ปกติแล้ว ฟูกใหม่ๆ หลังจากใช้ไป 2-3 ปี ก็จะมีไรฝุ่นจำนวนมาก หลังใช้ไป 5-10 ปี ประสิทธิภาพจะลดลงส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ ดังนั้น ทางที่ดีก็ควรจะทำความสะอาดและเปลี่ยนฟูกเป็นประจำ ปกติเวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ก็สามารถเอาเครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าบิดหมาดมาเช็ด ทำความสะอาดผม เศษผิวหนัง แล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าบริเวณที่ชื้นให้แห้ง ทางที่ดีนานๆ ทีก็ควรเอาฟูกไปตากแดด เพราะแดดมีประสิทธิภาพในการฆ่าไรฝุ่นในที่นอน และป้องกันความชื้นและเชื้อราอย่างได้ผล
นอกจากนั้น สำหรับคนที่ซื้อฟูกใหม่ หลายๆ คนมักจะมีปัญหาเหล่านี้ แผ่นพลาสติกที่หุ้มฟูกอยู่ต้องเอาออกมั้ย หลายๆ คนคิดว่าไม่เอาแผ่นพลาสติกออก ฟูกก็จะใช้ได้นานขึ้นอีกหน่อย
จริงๆ แล้วไม่ใช่ ถ้าไม่เอาแผ่นพลาสติกออก ฟูกก็จะไม่ระบายอากาศ ทำให้ยิ่งเป็นรา เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียและไรฝุ่น ความชื้นในระยะยาวจะทำให้โครงสร้างภายในของที่นอนเป็นสนิมซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งาน ดังนั้น ขอแนะนำให้เอาพลาสติกออก
แล้วคุณล่ะ ซักของเหล่านี้บ่อยแค่ไหน..
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR