LIEKR:
เป็นหนึ่งในดีเจที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ผู้ฟังเสมอ สำหรับ ดีเจเผือก พงศธร ที่จะมาเปิดเผยเรื่องที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน กับประเด็นติดตลก ทำคอนเทนต์ดูถูกผู้หญิง พร้อมเปิดเผยความรักกับภรรยาคนสวยที่คบกันมายาวนานกว่า 10 ปี ที่เจ้าตัวบอกเลยว่าเป็นตำนานดอกฟ้ากับหมาวัด
ทำไมน้องลูกครับถึงดังมากในโลกโซเชียล?
Sponsored Ad
ดีเจเผือก : "เขาเป็นเด็กที่ความจำดี เท่าที่ผมได้ถามมาเขาเป็นขวัญใจคนออกกอง เนื่องจากว่าลูกจ๋าจะชอบลงสตอรี่ของลูกครับช่วง 4 ทุ่ม ก่อนเขานอน ซึ่งเวลานั้นคนที่ออกกองจะเหนื่อยล้ามาก แล้วก็อยากเลิกกองกันเต็มที ผมได้คุยกับฝ่ายเสื้อผ้าเยอะมาก เขาได้ดูทำให้เขาหายเบื่อ หายง่วง ก็เยอะที่คอยตามดู"
ทำไมถึงชื่อลูกครับ?
ดีเจเผือก : "ก็มาจากชื่อแม่ครับ แม่ลูกจ๋า ผมก็อยากให้ชื่อลูกเหมือนกับชื่อแม่"
ตอนนี้ลูกครับ 2 ขวบ 7 เดือน เลี้ยงง่ายไหม?
ดีเจเผือก : "เลี้ยงง่ายมาก แต่ตอน 4 เดือนมันยาก ยากทั้งเขาและเราสปอยเขาด้วย พอมาที่บ้าน วันแรกที่อุ้มกลับบ้านร้องจนถึง 8 โมงเช้า"
Sponsored Ad
เผือกเป็นพ่อสไตล์ไหน ได้ข่าวว่าคนละแบบกันเลย?
ดีเจเผือก : "ด้วยความที่นิสัยคนละขั้วกัน ผมจะเป็นสายปล่อย ตามมี ตามเกิด ให้โตตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่เราดูมา เติบโตกันไปแบบที่ไม่ได้ปรุงแต่ง แต่แม่เขาเป๊ะทุกอย่าง ทุกอย่าง 1-2-3 วันนี้ 10 โมง ลูกครับจะต้องทำอะไร ทานข้าวเสร็จปุ๊บ นั่งเล่นครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วทำอะไรต่อ อาบน้ำ ลูกครับก็ซึมซับความเป๊ะทุกอย่าง ซึ่งเราจะคลายตรงนี้ ก่อนหน้าจะมีลูกเราพยายามคลายลูกจ๋าตรงนี้ บางอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังก็ไม่เป็นไร บางอย่างมันผิดแผนไปบ้าง ไม่เป็นไร อย่างไปเที่ยวต่างจังหวัดอย่างนี้ บางทีเราข้ามที่เราตั้งใจจะไปสักจุดนึง ไม่เป็นไรมั้ง แต่ก็เป็น เขาวางมาแล้ว ต้องไปถ่ายรูปที่นี่ พอมีลูกความบาลานซ์ของเราอาจจะลงตัวพอดี"
Sponsored Ad
แต่กว่าจะมีน้องลูกครับได้พยายามมา 2 ปี?
ดีเจเผือก : "2 ปีครับ สุดท้ายใช้วิธี อิ๊กซี่ ครับ เด็กหลอดแก้ว แต่โชคดีที่ครั้งเดียวติด แต่ลูกครับนี่ผ่านการปั้นมาตั้งแต่กระบวนการธรรมชาติ นับวัน นับคืน ฉีดเชื้อตามสเต็ปเลย สุดท้ายมาเป็นวิธี อิ๊กซี่ ครั้งเดียวติด"
อยากมีคนที่ 2 ไหม?
ดีเจเผือก : "ตอนนี้ที่ตัดสินใจ คุยกับลูกจ๋าน่าจะคนเดียวแล้วครับ คือถามว่าไม่อยากได้ลูกสาวเหรอ ผมกลัวว่าอาจจะตึงเกินไปสำหรับสังคมตอนนี้หรือเปล่า เราก็อยากทุ่มเทให้กับเขาไปเลย ไม่รู้ว่ามี 2 แล้วจะเป็นยังไง เราก็พอใจกับครอบครัวเท่านี้ ไปไหนมาไหน มันสะดวก สบาย ลูกจ๋าก็ยังทำงานได้ ผมก็ยังทำงานได้ มันไม่มีใครที่ต้องตึงมาก"
Sponsored Ad
นี่คือเคสตัวอย่างสมภารกินไก่วัด ดีเจกับ AE ที่ตึกเขามีกฎว่า ดีเจกับ AE พิธีกร หรือดารา ห้ามคบกัน?
พีเค : "มันเป็นคำพูดเปรยๆ ออกมา เหมือนไกด์ไลน์"
Sponsored Ad
ดีเจเผือก : "คือกฎมันไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรตอนเราเซ็นสัญญาว่าห้ามคบ AE"
ตอนนั้นไปจีบชนะหัวใจเขาได้ยังไง?
ดีเจเผือก : "มันผ่านเวลากันยาวนานเหมือนกันนะ มันมีช่วงที่หมาหยอกไก่ ใช้ความตลกเข้าว่าแต่ก็ไม่ได้จริงจัง เรารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ลีคของเรา ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เราคบหา แต่เราชอบแนวแบบโอ้โห...อยากเด็ดดอกฟ้า มันต้องลองดูสักที"
ที่เขาบอกว่าดอกฟ้ากับหมาวัดจริงเหรอ?
Sponsored Ad
ดีเจเผือก : "เรื่องจริงครับ ผมเป็นหมาวัด ในก็เลยไม่ได้จริงจัง หมาหยอกไก่ หยอกๆ กัน พอมันจะเริ่มจริงจัง จังหวะเวลาไทม์มิ่งก็ยังไม่ลงตัว ผมเองก็ยังไม่ได้เคลียร์กับคนเก่า เขาเองก็มีคนที่คุยใหม่ มันก็มีช่วงที่แยกย้ายกัน เราก็รู้สึกว่าไม่น่าใช่"
พอมาเจอที่บริษัท ในออฟฟิศไม่ค่อยคุยกันนะ เขาจะแอบไปเจอกันที่บันไดหนีไฟ?
ดีเจเผือก : "จริงครับ ด้วยความที่อยู่ต่างชั้นกันด้วยครับ เรา 38 AE จะ 36 ระหว่างเดินมันก็หาจุดร่วมตรงกลาง ต้องเจอที่บันไดหนีไฟ เพราะเราใช้ลิฟท์ไม่ได้ครับ มันห่างโซนกัน ต้องเดินบันไดหนีไฟ แล้วตอนที่เริ่มคบหากัน เราก็จะมีประเพณีแลกอมยิ้มกัน วันศุกร์เราจะนัดกัน ก็จะเริ่มมีคนระแคระระคาย แป๊บเดียวก็ถึงพี่ฉอด"
Sponsored Ad
ตอนนั้นเผือกคิดว่า 6 เดือนไม่รอด แล้วตอนนั้นอะไรที่ทำให้ผ่านวิกฤตได้?
ดีเจเผือก : "มันเหมือนคนสองคนที่มาเจอกันจริงๆ พอศึกษากันจริงๆ เขาไม่ได้เป็นไฮโซอะไร เป็นคนธรรมดาคนนึง แบล็กกราวด์ครอบครัวเรากลายเป็นว่าเหมือนกันจนไม่น่าเชื่อ เป็นครอบครัวใกล้เคียงกัน คุยกัน มันเข้าใจกันหมดเลย กลายเป็นว่าเหมือนเขาคือเราในหลายๆ มุม ความใจร้อน ความเอาแต่ใจ เวลาทะเลาะกันต้องชนะ เถียงกันยังไงก็ได้ เรามีวิธีเถียงจนเราชนะ พอเจอคนนี้ใช้วิธีเดียวกับเราเลย เราก็เลยเห็นข้อเสียเราในตัวเขา ทำให้เราเข้าใจ ทุกอย่างมันค่อยๆ ปรับ เขาดึงลง เราเพิ่มขึ้น มันค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ"
อยากจะบอกอะไรกับคนที่คิดว่าเราเป็นหนูตกถังข้าวสาร?
ดีเจเผือก : "เราช่วยกันเกี่ยวข้าวมากกว่า เขาเจอผม เขาก็ได้รับการปลูกฝังว่าเราต้องทำงาน เราต้องดูแลตัวเองได้นะ เพราะฉะนั้น เขาก็ดูแลตัวเองได้ ผมก็ดูแลตัวเองได้ มันก็เลยช่วยกันดูแลครอบครัว"
เป็นผู้ชายกลัวภรรยาไหม?
ดีเจเผือก : "กลัวครับ กลัวเขาอารมณ์ไม่ดีครับ ทำยังไงก็ได้ขอให้เขาตื่นมาอารมณ์ดี บ้านมันมีความสุข"
ดราม่าที่เป็นจุดเปลี่ยนในวงการบันเทิงของเราเลย?
ดีเจเผือก : "เกิดขึ้นในรายการ พุททอร์ก พุทโท มันแบ่งเป็น 2 ช่วงหลักๆ ช่วงแรกเป็นรายการบ้าๆ บอๆ ที่ช่วยคนแก้ปัญหา เน้นตลก แล้วมันค่อยๆ จริงจัง จนมาถึงทุกวันนี้กลายเป็นซีเรียสไปแล้ว แล้วช่วงที่เปลี่ยนผ่าน เราได้รับสายนึง เป็นสายจากค่ายทหาร แล้วน้องมาปรึกษา น้องเป็น LGBTQ บอกว่าต้องเข้าไปเกณฑ์ทหาร แล้วเวลาอาบน้ำเขาไม่ค่อยสบายใจ เขาโทรมาทำไงดีพี่ เราจับเสียงตอนนั้นสายนี้เล่นได้ น่าจะสนุก ก็หยอกล้อกับเขา ในเชิงแบบว่าใครๆ ก็อยากไปตรงนั้น เราก็เล่นไป ทีนี้พอจบรายการวันนั้นก็เริ่มมีคอมเมนต์ที่ไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ผมพูด
แล้วก็ ณ วันนั้นเราเป็นดราม่าครั้งแรกในชีวิตที่เราเคยเจอ ตั้งหลักอยู่ 1 อาทิตย์ วันนั้นทำให้ผมรู้เลยว่าพุททอล์ก พุทโท ไม่ใช่รายการบ้าๆ บอๆ อย่างที่เราทำกันมาแล้ว หลายคนต้องการฟังเราในเชิงจริงจังนะ เป็นรายการที่เป็นที่พึ่งของคนนะ อาทิตย์ต่อมาผมขอโทษ ผมบอกในสิ่งที่ผมตั้งใจ แล้วเปลี่ยนวิธีดำเนินรายการเลย"
คอมเมนต์อะไรแรงสุด?
ดีเจเผือก : "เขาบอกว่าเราเหยียดเพศ ซึ่งจริงๆ ผมเอ็นดูมากๆ ใครที่สนิทกับผม ผมเล่นกับผู้หญิงไม่ได้ ผมจะไปเล่นกับลูกสาวทั้งหลาย ผมจะไม่โดนอะไรจากภรรยา ผมรู้สึกว่าผมเป็นอย่างนี้ มันเลยรู้สึกว่ามันใจร้ายกับเรา เราเอ็นดูมากด้วยนะ ก็เลยชี้แจง การดำเนินรายการก็เปลี่ยนไปเลย แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก"
นอยด์มากขนาดไหน เห็นบอกว่ามันเป็นจุดที่แย่ในชีวิตการทำงานเลย?
ดีเจเผือก : "เราเป็นคนค่อนข้างไม่อยากเจอฟีดแบ็คไม่ดี โห...คราวนั้นมันดราม่า ทุกวันนี้มันก็เปลี่ยนไปแล้ว เราก็เรียนรู้กันไป แล้วมันทำให้เราเติบโตขึ้นภายในวันเดียว"
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<
ที่มา : รายการคุยแซ่บ Show