"กาย-ฮารุ" เปิดใจ เจอดราม่าท้องก่อนแต่ง-จับมือฝ่าปัญหาด้วยกัน ฝ่ายหญิงน้อยใจ ฝ่ายชายกลับบอกไว้แบบนี้ ทำต้องยิ้มตาม!

LIEKR:

น่ารักมากค่ะ ❤❣ควงคู่เปิดใจเล่าความรักตลอด 10 ปี กว่าจะมีวันนี้-ฝ่ามรสุมหนักหน่วง ฝ่ายหญิงน้อยใจไม่ได้ทำงานกลัวสามีไม่ต้องการ แต่ผู้ชายกลับตอบเอาไว้แบบนี้!

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

        เป็นอีกหนึ่งครอบครัวของคนในวงการบันเทิงที่สมบูรณ์แบบมาก ซึ่งเรียกว่าเป็นครอบครัวตัวอย่างเลยก็ว่าได้ กับครอบครัวของ กาย รัชชานนท์ กับ ฮารุ สุขประกอบ ซึ่งทั้งสองได้มาเปิดใจเล่าชีวิตตั้งแต่เจอกัน จนกระทั่งเป็นแฟน แล้วแต่งงานมีลูก ผ่านรายการ Club Friday Show ทางช่อง GMM25 โดยมีพี่อ้อย พี่ฉอด และอั๋น ภูวนาท เป็นพิธีกร

        ซึ่งทั้งสองได้เปิดใจเล่าแบบหมดเปลือก โดยบอกว่า แรกๆ ที่เจอกันนั้นไม่ชอบหน้ากันเลย จนได้มาเป็นเพื่อนกัน เล่นหนังด้วยกัน และเป็นแฟนกัน จนกระทั่งมีข่าวโด่งดัง ณ ตอนนั้นว่า ฮารุนั้นท้องก่อนแต่ง ซึ่งเรื่องนี้โดนวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูมาก หากจะย้อนเวลากลับไปได้ ฮารุบอกว่า ก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องก่อนแต่ง จะทำให้ถูกต้องตามประเพณี 

 

Sponsored Ad

 

ตอนนี้อายุเท่าไร?

        กาย :  "30 ครับ เท่ากันทั้งคู่เลย"

เจอกันครั้งแรกรู้สึกยังไง?

        ฮารุ :  "ตอนนั้นอายุประมาณ 15-16 แล้วสมัยก่อนเทรนด์ผู้ชายจะเป็นผอมๆ สูงๆ ไม่ใช่แบบมีกล้าม ครั้งแรกที่ฮารุเจอพี่กายเนี่ย คือสะดุดตามาก ไม่ใช่หล่อ ไม่ใช่อะไรเลย แต่คือกล้ามใหญ่มาก"

 

Sponsored Ad

 

        กาย :  "คือเขาไปเทียบกับอายุ 13-14 ที่ปกติ แต่กายอาจจะไม่ปกตินิดหนึ่ง คือกายอาจจะกล้ามใหญ่กว่าคนอื่นเล็กน้อย เพราะเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นตัวใหญ่กว่าคนอื่น"

แต่ก็ทำให้ฮารุสะดุดตา?

 

Sponsored Ad

 

         "สะดุดตาแต่ไม่ได้สะดุดตาด้วยความแบบ.. ฉันชอบคนนี้นะ ไม่ใช่แบบนั้น และอีกอันหนึ่งที่สะดุดด้วยเพราะว่าเขาพูดภาษาไทยไม่ชัด คือแบบว่าพูดภาษาไทยไม่ชัด แล้วก็กล้ามใหญ่ๆ จำได้ว่าหน้าตาดีแต่ไม่ได้ถึงขั้นว่าชอบจังเลยคนนี้"

แล้วกายล่ะ?

 

Sponsored Ad

 

        กาย :  "จำเขาไม่ได้เลยครับ จำไม่ได้เลยจริงๆ คือตอนนั้นเราเริ่มถ่ายโฆษณากัน เหมือนเด็กแคสติ้งโฆษณา แล้วก็ได้รับไปเล่นละคร แต่เป็นแบบตัวประกอบหลัก มันจะรวมแก๊งกันอยู่แล้วก็ถ่ายกับ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ที่เขาเป็นตัวหลักในแก๊งนั้น มันก็จะเจอกันอยู่ประมาณ 4-5 ครั้ง กายจำเขาไม่ได้

        แต่เขาจำกายได้เพราะว่ามันมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่มันมีคิวไปถ่ายด้วยกัน กายกับอเล็กซ์เนี่ยจากเกษตร-นวมินทร์ จะมาเที่ยวที่สุขุมวิท ไม่รู้จะมายังไง แล้วฝนก็ตก ก็เลยจะเรียกแท็กซี่ แต่พอดีวันนั้นคุณแม่ฮารุ เขาไปรับฮารุ เขาก็ถามว่าจะไปไหนกัน เราก็บอกว่าจะไปสุขุมวิท นั่งแท็กซี่ไป คราวนี้ด้วยความที่เขาเป็นแม่เนอะ

 

Sponsored Ad

 

        อุ๊ย อะไรเด็กอายุ 13-14 จะมาสุขุมวิทเอง นั่งแท็กซี่ได้ยังไงเดี๋ยวแม่ไปส่ง เราก็สบายใจแล้วเว้ยอเล็กซ์ เรานั่งกับแม่ไปดีกว่า เราก็นั่งหลังรถกันไป ก็จบเหตุการณ์นั้น เพิ่งมารู้ทีหลังครับว่า เอ้า ที่ไปส่งเนี่ยคือรถของแม่ฮารุเหรอ แล้วก็เพิ่งมารู้ทีหลังอีกว่า ห้ะ..นี่บ้านเขาอยู่เกษตร-นวมินทร์ แล้วเราถ่ายที่เกษตร-นวมินทร์ แล้วเขามาส่งเราถึงสุขุมวิท แล้วขับกลับไปใหม่เนี่ยนะ ก็เป็นชอตแรกที่ได้เจอกัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตรงนั้นนิดนึง"

        ฮารุ :  "แต่ฮารุก็จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก มันเหมือนมันนานมากแล้ว แค่จำได้ว่าอ๋อ เขาคือผู้ชายคนนี้ แล้วก็หลังจากนั้นก็เห็นเขาออกโทรทัศน์บ่อยๆ เราก็อ๋อ ผู้ชายคนนี้ที่แม่ไปส่งนี่ คนนี้ที่เราเล่นละครด้วยกันนี่ แค่นั้นเลยจริงๆ แต่ว่ามาคุยกันจริงๆ ตอนที่เล่นภาพยนตร์ด้วยกัน อันนี้คือจริงจังเลย"

 

Sponsored Ad

 

        กาย :  "ผ่านงานกันล่ะ ฮารุเขาก็ไปเป็นสตอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก ผมก็ไปเป็นอะไรไม่รู้ มั่วซั่ว ได้เงินผมก็เอาหมด ใครอยากให้ทำอะไร ร้องเพลง ร้องเป็นครับ เต้น ผมเต้นเก่งครับ ผมทำหมด และมาเจอกันอีกทีตอนเล่นหนังของพี่พจน์ อานนท์"

เป็นหนังพี่พจน์?

Sponsored Ad

        กาย :  "ใช่ครับ พี่พจน์ อานนท์ครับ กายเล่นหนังของพี่พจน์มา 3-4 เรื่องแล้ว อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เล่นกับพี่พจน์เนอะ ได้มาเจอกับฮารุ"

        ฮารุ :  "แต่เจอกันด้วยความรู้สึกเหมือน..พูดตรงๆ คือ ไม่มีความประทับใจเลย คือเกลียดผู้ชายคนนี้มาก เกลียดมากๆ ใช้คำนี้ได้เลย"

ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

        ฮารุ :  "ตอนนั้นพี่พจน์นัดมาว่าเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ห้างห้างหนึ่งนะ เดี๋ยวฮารุจะได้เล่นกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นพระเอก แล้วคือเราตอนนั้นก็ อ๋อค่ะๆ เล่นๆ ไม่ได้ถามว่าใครเป็นพระเอก พี่พจน์ก็นัดที่ห้างประมาณ 4 โมง ฮารุก็ไปถึง 4 โมง สักพักหนึ่ง 5 โมงก็แล้ว 6 โมงก็แล้ว 1 ทุ่มก็แล้ว ก็นั่งอยู่แบบนี้เฉยๆ ทีมงานก็นั่ง"

แล้วพี่พจน์อยู่ด้วยหรือเปล่า?

        ฮารุ :  "อยู่ค่ะ ทุกคนอยู่ ทีมงานอยู่ ก็นั่งเฉยๆ นึกในใจเราทำอะไรวะเนี่ย 2 ทุ่มก็แล้ว ฮารุก็เริ่มถาม พี่คะ...ขอโทษนะคะ เรารออะไรกันอยู่เหรอ เขาก็บอกแป๊บนึงๆ พระเอกกำลังมา รอพระเอกอยู่แป๊บนึง คิดในใจตอนนั้นคือ พระเอกคือใครวะ ทำไมวะ"

ไม่รู้เหรอ?

        ฮารุ :  "ไม่รู้จริงๆ เพราะหนูไม่ได้ถามว่าใคร หนูก็แค่นั่งรอ 2 ทุ่ม คิดในใจโอ้โห..คนนี้ไม่ได้เลย คนนี้คือใครอะไร นัด 4 โมง 3 ทุ่มก็แล้ว โผล่มา 3 ทุ่มครึ่ง พระเอกมาแล้ว เราหันไปมองใครวะพระเอก อ้าว.. ไอ่นี้นี่ คือจำได้เลยแม่เราไปส่งเขา บวกกับเราเคยเห็นเขาผ่านๆ กาย รัชชานนท์

        โห อะไรวะเนี่ย คิดในใจว่าไม่โอเคเลยอะ แล้วพี่พจน์ก็เรียกมา ฮารุกับกายมายืนคู่กันซิ ยืนเสร็จปุ๊บ โอเค กลับบ้าน แค่นั้นเลย มาดูเฉยๆ ว่ามายืนด้วยกันแล้ว ความสูง ความเหมาะได้ไหม ได้ๆ โอเค คู่นี้ผ่าน กลับบ้านได้ คิดในใจแค่นี้เหรอ ให้หนูมาทำแค่นี้เหรอ ใช่ๆ ที่รอเนี่ยพี่ต้องการแค่นี้จริงๆ คอนเฟิร์ม เดี๋ยวเราลงคิวถ่ายเลย"

ดูความสูงทางไลน์ก็ได้นะ?

        กาย :  "สมัยก่อนยังไม่มีไลน์ครับ"

แล้วถามจริงๆ ไปไหน เอาความจริงนะ อย่าแก้ตัว?

        กาย :  "คืออันนั้นเขานัดกันที่ลาดพร้าว ผมเรียนอยู่ที่มหิดล ศาลายา แล้วเรียนคาบสุดท้ายมันเสร็จ 6 โมงเย็น ผมก็ไม่เข้าใจนัดฮารุทำไมตอน 4 โมง ทั้งๆ ที่รู้กันว่าผมเรียนเสร็จ 6 โมง ผมก็ถาม

ทุกวันนี้ยังถามอยู่เลย ไม่มีใครโกธรเลยเหรอ ไม่มี แล้วพี่พจน์ไม่โกธรเหรอ ไม่โกธร ผมบอกว่า ทุกคนต้องไปนั่งคิดว่า ทำไมเขาถึงไม่โกธร เพราะเขารู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าผมต้องมาช้าแบบนี้ ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องแบบ แล้ว กาย รัชชานนท์ มันสำคัญขนาดไหนอะ นึกออกไหม พระเอกเยอะแยะ เขี่ยไอนี่ออกไป จ้างคนใหม่ก็ได้ ถูกกว่ามันอีก"

        ฮารุ :  "ไม่รู้อะ แต่สมมติว่าเหตุการณ์นี้ ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ด้วยความผิดพลาด เหตุการณ์ที่ 2 ก็ตามมาติดๆ หลังจากนั้นปุ๊บ พี่พจน์นัดเวิร์คช็อป ก็อ๋อๆ ไปเวิร์คช็อป ฮารุเดี๋ยวไปเจอกันนะ ประมาณ 11 โมง ฮารุก็อ๋อได้ค่ะ ก็มา 11 โมง ฮารุก็นั่ง

สายไหม?

        กาย :  "สาย"

        ฮารุ :  "ก็นั่ง 11 โมง สักพักหนึ่ง เที่ยง อะฮารุกินข้าวก่อน เที่ยงก็แล้ว ยังไงต่อ เดี๋ยวแป๊บนึงๆ โทรตามก่อนๆ กายมันไปไหนไม่รู้ไม่รับโทรศัพท์เลย บ่ายโมงก็แล้ว บ่าย 2 ก็แล้ว 3 โมงก็แล้ว กายมันรับโทรศัพท์ มันกำลังมา แป๊บนึงๆ โผล่มาประมาณเกือบ 4 โมง นัด 11 โผล่มา 4 โมง"

        กาย :  "โอย ตาย ไม่ได้งานก็คราวนี้แหละ"

คำถามเดิม กายไปไหน?

        กาย :  "อันนี้ผมไม่มีข้ออ้าง มันคือความผิดพลาด ผมเนี่ยเมาหนักมาก เพราะว่าอาทิตย์นั้นมันคือบิ๊กเมาเท่นที่เขาใหญ่ แล้วความผิดนั้นมันคือความผิดพี่โดม ปกรณ์ ลัม ตามจริงแกต้องสแคลชแผ่นประมาณตี 2 แล้วแกสแคลชไปได้ 2 นาที เครื่องพังอะไรสักอย่างไม่รู้ มันก็เงียบ แล้วสแคลชได้อีกทีตี 4 ผมก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่โดมถึง 6 โมงเช้า"

เขาขอให้อยู่ไหม?

        กาย :  "เขาไม่รู้จักผมครับ ก็เหลือผมอยู่คนเดียวนั่นแหละ อย่างน้อยมันยังมีไอ้บ้านี่เต้นอยู่คนเดียว"

ฮารุโกธรไหม?

        กาย :  "ไม่เหลือครับ"

        ฮารุ :  "ที่พีคกว่านั้นคือ โผล่มา 4 โมง พี่..ผมเมามากเลย ผมขอกินข้าวก่อน นางกินข้าวมันไก่ ร้านที่ฮารุกินตอน 11 โมง กว่าจะได้เริ่มเวิร์คช็อป 6 โมง คิดในใจ โอ๊ยตายแล้วฉันต้องเล่นกับผู้ชายคนนี้จริงๆ เหรอ"

ตอนนั้นเราไม่รู้สึกเกรงใจเหรอ พี่ไม่ได้ด่านะ (หัวเราะ)?

        กาย :  "คือถามว่าเกรงใจมั้ย ณ ชั่วโมงนั้นอ่ะ เอาจริงๆ ผมอ่ะ สติสตางค์ไม่ได้อยู่กับตัว มันแฮงก์ มันหิว มันใกล้เคียงยังเมาอยู่เลย คือมันยังไม่ได้ข้ามเวลาที่มันแฮงก์ได้อ่ะ

คือเย็นวันนั้นถึงจะเริ่มแฮงก์ ผมก็เอ้อไม่ได้แล้ว เราดูไม่ดีแล้ว เราพลาดแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งแรกเราไม่นับเราไม่พลาด อันนี้เราพลาดเราขอโทษทุกคน ในคิวถ่ายของหนังเรื่องนี้เราจะไม่เป็นแบบนี้อีก ผมก็โชว์ให้ทุกคนห็นว่า ในตอนที่ผมอยู่เกาหลี ผมไม่สายแม้แต่วันเดียว"

แล้วมันจะสายได้ยังไง ก็อยู่เกาหลี?

        กาย :  "ก็ใช่ไหมครับ (หัวเราะ)"

        ฮารุ :  "เขาไปแงะเธอถึงห้องทุกวัน"

เห็นบอกว่าการไปถ่ายทำที่เกาหลีทำให้มีเวลาเรียนรู้กันได้มากขึ้น?

        ฮารุ : "อันนี้จริง ฮารุว่ามันเหมือนเป็นไฟต์บังคับปนความโชคดี ตอนไปคือรู้สึกไม่ดี แค่เหมือนไปทำหน้าที่ให้เสร็จ คือในกองถ่ายมันไม่มีใครเลยที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน มันมีแค่ 4-5 คน ที่เหลือก็ผู้ใหญ่แล้ว และก็ทีมงาน มันก็เหมือนถ้าเราไม่คุยกับเขา แล้วจะอยู่ได้ยังไง 1 เดือน ก็คุยตามปกติเหมือนเพื่อนกัน"

ก็คือไม่ชอบเลยเหรอ?

        ฮารุ :  "ก็คือรู้สึกไม่ดี แล้วต้องมาทำงานกับคนนี้ คือไม่มีความรับผิดชอบ แล้วมาถึงเราก็รู้สึกไม่โอเค ก็ทำงานไปก็คุยเป็นยังไงบ้างนู่นนี่นั่น กลายเป็นเหมือนเพื่อนกันจริงๆ มีไรเล่าให้ฟัง"

        กาย :  "ด้วยความที่ไม่ชอบกัน คือเขาก็ไม่ได้ชอบผม ผมก็รับรู้ได้ว่า เขาไม่ได้ชอบอะไรผม ผมก็ไม่ได้ชอบเขา เราก็คุยกันแบบเพื่อนจริงๆ มันจะไม่มีการเก๊กทำหน้าหน้าใส่เขา เขาต้องสวยต่อหน้าเรา"

        ฮารุ :  "ฮารุว่ามันดีที่เริ่มต้นกันแบบนั้น เพราะถ้าเริ่มต้นมาแบบคนสองคนที่ชอบกัน เราไม่ต้องพยายามแบบ ฉันสวยหรือยัง ฉันต้องใช้เสียงสอง ฉันต้องดูดี อันนี้คือด้วยความที่เราไม่ได้ชอบกันจริงๆ มันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

เขาก็ใส่มาเลย เขาคุยกับคนนี้อยู่ คนนี้มีแฟนอยู่แล้วเขาไปจีบจะไปแย่งมา อะไรก็ไม่รู้ ให้ฮารุดูหมดเลย ฮารุบอก เฮ้ยคนนี้ดี เฮ้ยคนนี้ไม่เอาอย่าเลย เขาก็จะขอคำแนะนำว่า กลับไปจะชวนเที่ยวยังไงดี ถ้าเป็นฮารุจะทำแบบนี้ เป็นเพื่อนกันแบบสนิทไปเลย"

ตอนนั้นต่างมีแฟนไหม?

        ฮารุ :  "ฮารุมีค่ะ" 

        กาย :  "ไม่มีครับ มีคนคุยเยอะ แต่ไม่มีแฟน"

ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นเราเป็นคนเจ้าชู้ไหม?

        กาย :  "ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง แต่ผมคิดว่าผมไม่เจ้าชู้ เพราะผมไม่ได้คบใครเป็นแฟน แล้วผมก็บอกทุกคนด้วยว่าผมคุยกับทุกคน"

ผู้หญิงที่คุยด้วยยอมเหรอ?

        กาย :  "ก็มีคนที่โอเคและไม่โอเค คนไหนไม่โอเคเราก็เคารพการตัดสินใจของเขา เรายังไม่ได้คบกับใคร

แล้วการคุยกันแบบเพื่อนมันเปลี่ยนแปลงตอนไหน?

        ฮารุ :  "น่าจะอาทิตย์สุดท้ายของการถ่ายหนัง ก็เริ่มรู้สึกดี รู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วเป็นตัวของตัวเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ประทับใจคือ ฮารุก็มีแฟนอยู่แล้ว และคบกับแฟนไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็รักกันดี แต่พอมาเจอผู้ชายคนนี้ เรารู้แล้วว่าเราขาดอะไร คือเหมือนเราก็ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ 13-14

        ทำงานดูแลที่บ้านมาตลอด คือเรานำมาตลอด สุดท้ายมานั่งคิดว่า เราก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งบางครั้งก็อยากได้คนมาดูแลเราบ้าง ตัดสินใจอะไรแทนเราบ้าง เป็นผู้นำในชีวิตเราบ้าง ไม่ใช่เราคนเดียวที่ต้องนำ ตอนที่อยู่เกาหลีเราเห็นภาวะความเป็นผู้นำเขาเยอะ ตัดสินใจแบบอันนี้ดีกว่า อันนี้ทำแบบนี้ อย่างนี้ เราก็เฮ้ย สบายจังเลย

        แล้วแฟนเรา เราก็รู้สึกว่า เขาก็ดูแลเทคแคร์เราดี แต่เรารู้สึกเหมือนถ้าเราใช้ชีวิตอยู่กับคนนี้ไปเรารู้แล้วว่ามันใม่ใช่ แต่กับผู้ชายคนนี้คือไม่ได้หวังว่าจะคบกันเป็นแฟนเลย ก่อนกลับมาเรา ก็คุยกันว่านี่ไม่ใช่ความจริง ความจริงของเราอยู่เมืองไทย ที่เราอยู่เกาหลีมันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง กลับไปทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ"

        กาย :  "มันก็เริ่มรู้สึกดีครับ กลับมาเราก็คุยกันอยู่เลยว่า มันคงเป็นเพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง มา 1 เดือน พอกลับมา กายก็มาเจอเพื่อน เขาก็กลับไปเจอแฟนเขา เดี๋ยวมันก็ห่างไปเอง อยู่ไปอยู่มามันก็ตัดไม่ขาดจริงๆ เพราะมันก็ยังมีคิวถ่าย 2-3 คิว จริงมันเหมือนเป็นข้ออ้างมากกว่าที่ต้องมาเจอกัน ถึงแม้เราไม่ได้เจอกันแต่มันก็ยังมีความห่วงใยอยู่ตลอด"

กายประทับใจอะไรตัวฮารุ?

        กาย :  "ตอนนั้นผู้หญิงที่คุยด้วยส่วนมากจะเป็นแบบ ชอบไปเที่ยว แล้วแอ๊บสวยตลอดเวลา แต่ฮารุเขาสบายๆ อย่างที่บอกว่ามันน่าจะเริ่มมาจากเพื่อนกัน กายชอบความที่เขาแบบไม่แอ๊บ หัวเราะ มันน่ารักดี ดูจริงใจ ในขณะที่ผู้หญิงบางคนมัน.. ก็ชอบตรงนั้น พอกลับมาก็แบบ.. เหมือนคิดถึงกันตลอด"

มันมีสัญญาณอะไรที่รู้ว่าเปลี่ยน?

        กาย :  "มันเหมือนมันรู้ๆ กัน มองหน้ากันแล้วมันรู้ อธิบายอะไรไม่ได้"

กายเขาโสด แล้วแฟนฮารุล่ะ?

        ฮารุ :  "เราตัดสินใจตั้งแต่ก่อนกลับเมืองไทยแล้วว่า ยังไงกลับไปถ้าคิดว่า คบต่อก็คบได้ แต่ถ้าจะให้ใช่คนนี้ไหมก็ยังไม่ใช่ ไม่อยากเสียเวลาก็กะจะกลับไปบอกเขาเลย แต่เราเลิกกับแฟนเราไม่ใช่ว่าเราจะไปคบกับผู้ชายคนนี้ แต่คนนี้ก็ตัดไปเพราะกลับไป เราก็ไปใช้ชีวิตธรรมดา ทำงานอยู่กับเพื่อนเรา"

ต่างคนต่างมีปม กายก็กลัวการคบกันแบบความสัมพันธ์ที่สั้นๆ?

        กาย :  "ใช่ครับ คือกายคบกับใครก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ บ่อยครับ ตอนหลังมาเปลี่ยนใจไม่คบกับใครเลยดีกว่า เคยคบกันนานที่สุดน่าจะประมาณ 11 เดือน ตอนแรกมันก็รักแหละ พอนานไปมันก็เบื่อ ผมอาจจะเป็นคนเบื่อง่ายด้วย ตอนนั้นอายุประมาณ 17-19 ครับ

        ถามว่าเคยเสียใจมั้ย เคยครับ ตอนที่คบ 11 เดือนนั้นคิดว่ามันดีครับ เพราะไม่เคยคบใครมาก่อน แล้วที่ต้องมาจบความสัมพันธ์เพราะว่าพ่อแม่ไม่โอเคกัน เราก็ไม่ใช่คนที่เค้าต้องการ เลยรู้สึกเฟลจังเลย

        การคบกันไม่ใช่คน 2 คนเหรอ เป็นคนหลายคนเหรอ ก็เลยเฮิร์ต จากนั้นมาก็เลยคบแบบนี้ รักๆ เลิกๆ ไปเรื่อยๆ พอได้มาคุยกับฮารุ เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำให้เค้าเฮิร์ตด้วย เพราะว่าเค้าก็เป็นเพื่อนที่ดี"

ก็เลยไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ เพราะกลัวมันจบลงอีก?

        กาย :  "ใช่ครับ เพราะว่าเราเริ่มกันมาแบบเพื่อนที่ดีมาก แล้วมีความจริงใจสูงมาก ถ้าคบกันเป็นแฟน แล้วผมไม่สามารถทำให้เค้ามีความสุขได้ ความเป็นเพื่อนก็จะหายไปด้วย แล้วเราชอบเห็นเค้ามีความสุข

ถ้ามาเห็นเค้ามาร้องไห้ เครียด เศร้ากับเรา เลยไม่อยากคบเค้าเพราะกลัวเค้าเสียใจ แล้วผมก็บอกว่า ให้เค้ากลับไปคบกับแฟนเก่าเถอะ เค้าก็บอกว่า ฉันไม่ได้เลิกกับเค้าเพราะเธอ ฉันเลิกกับเค้าเพราะฉันรู้แล้วว่า เค้าไม่ใช่คนที่ฉันต้องการ"

การที่เราบอกว่า เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว ดีกว่าคบกันเป็นแฟน ทำไมถึงพูดแบบนี้?

        กาย :  "นั่นล่ะครับ ที่ทำให้เราสองคนทะเลาะกันก่อนเป็นแฟน เพราะว่าสับสนกับตัวเอง สรุปว่าจะคบกับเค้าเป็นแฟนมั้ย หรือเราจะไม่คบ แต่เราก็ยังเป็นห่วงเค้าอยู่"

        ฮารุ :  "คือสถานะมันงงมาก คือเราจะไปไหนเราไม่ได้บอกเค้า เราก็ไม่บอกเพราะเราไม่ใช่แฟน แล้วเค้ามารู้ทีหลังก็มาโวยวาย เราก็โอเค พอครั้งต่อไปเราก็บอก เค้าก็ถามมาว่า จะบอกทำไม คือมันงง"

        กาย :  "พอเราจะไปคุยกับคนอื่น เราก็รู้สึกว่าเราผิด เค้าก็มีความรู้สึกว่าเราจะไปคุยกับผู้หญิงอื่นทำไม เราก็งงว่าเค้าห้ามทำไม มันก็เลยมีแบบทะเลาะ ทะเลาะแบบชกกระจกแตกเลย"

        ฮารุ :  "ฮารุว่ามันถึงวันที่แบบไม่ไหวแล้ว มันสุดแล้ว ไม่ชอบตัวเอง ณ ตอนนั้นทำไมเราจะต้องมานั่งเครียด เสียใจ กังวลกับใครก็ไม่รู้ แฟนก็ไม่ใช่ มากกว่าเพื่อน จนมันงง และบอกตัวเองว่าพอแล้ว มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฮารุระเบิดออกมาเลย วันนั้นสงกรานต์เรานัดเพื่อนไปเล่นน้ำ เจอกันตรงนี้นะ 3 ทุ่ม

        ทุกคนก็ไปเจอกันเหมือนเดิม เค้าก็ไม่โผล่มา จนโทรตามเป็น 100 สายก็ไม่รับ จนเราบอกว่าช่างมันเถอะ เข้าไปเลย เพราะเราตั้งใจมาเที่ยว เที่ยวเสร็จก็ออกมาก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาหาฮารุ เค้าก็ถามว่าอยู่ไหน เราบอกกำลังจะกลับบ้านแล้ว โทรมาทำไม ทุกคนในกองโทรหาตั้งหลายรอบ ทำไมไม่รับ เค้าก็หาข้ออ้างเยอะมาก

        เราก็บอกว่าไม่เป็นไรจะกลับบ้านแล้ว เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวๆ อยู่ไหน เราบอกไม่ต้องมาแล้ว จะกลับบ้าน คือตอนนั้นตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าพอแล้วจริงๆ เพราะเรายื้อมา 2-3 เดือนแล้ว ไม่เฮลท์ตี้เลย แล้วกายก็ตะคอกมา บอกมานะว่าอยู่ไหน

        เราก็บอกงั้นก็มา มาคุยกันให้รู้เรื่อง ฮารุกะจะบอกเค้าว่า พอแล้ว เราก็บอกเค้าว่า เราตัดสินใจแล้ว ไม่ชอบสถานะนี้ เธอจะไปทำอะไรก็เรื่องของเธอ เราชอบเธอนะ แต่อยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว แล้วก็ตัดสินใจจะกลับ เค้าก็บอกว่า จะไปส่ง เราก็บอกว่า อย่ามาส่ง ไม่ใช่ฐานะอะไร ไม่ต้อง"

        กาย :  "แล้วคือทีมงานทุกคนเข้าข้างฮารุ ผมก็โมโห อะไรวะ ไม่มีใครเข้าข้างเลย ก็เลยต่อยกระจกรถตัวเอง จนทีมงานทุกคนบอกกายมันเริ่มองค์ลงแล้ว จนสุดท้ายฮารุก็โอเค ให้ไปส่งที่บ้าน"

ฮารุตัดสินใจจะไม่ไปต่อแล้ว แล้วกายล่ะ?

        กาย :  "ผมก็เลยตัดสินใจ งั้นคบกันเลย ให้มันรู้กันไปเลย ถ้ามันไม่รอด อย่ามาว่ากายนะ เพราะว่ากายเองก็แบบไม่มั่นใจกับตัวเองจริงๆ ไม่รู้ว่าจะดูแลเค้าได้รึเปล่า จะดูแลเค้าได้ถึง 3 ปีรึเปล่า แล้วเค้าบอกว่าก็ได้ ลองดู เพราะเค้าก็ไม่มีแฟน แล้วถ้ามันไม่เวิร์ค ก็คือไม่เวิร์ค"

        ฮารุ :  "เราก็งงมาก แต่ตอนนั้นมันไม่มีอะไรจะเสีย ลองก็ลอง แมนๆ มาก ก็โอเค"

ที่บอกว่าลองนี่เรารออยู่แล้วรึเปล่า?

        ฮารุ :  "ไม่ได้รอนะ เพราะตอนนั้นเราคุยกันอยู่แล้วว่า ไม่เอา เราไม่คบกันดีกว่า เราจะเอายังไงวะ เราไม่ได้โทรหาเค้านะ เค้าก็จะตื๊อๆ จะพูดว่าเรารอก็ไม่ใช่นะ แต่จะเป็นด้วยเราก็พร้อมอ่ะ หมายถึงว่าไม่มีอะไรจะเสีย เราเองไม่ได้กลัวการคบกันหรือการเป็นแฟนกัน"

        กาย :  "เค้าไม่กลัว แต่ผมเป็นฝ่ายกลัวว่าจะทำให้เค้าเสียใจ เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยมีใครไม่เสียใจเลยครับ เสียใจกันทุกคนเลย"

ทำไมต้องคิดว่าเราดูแลเค้าไม่ได้แน่นอน?

        กาย :  "คือผมว่าเวลาผมรัก ผมรักมากจริงๆ แล้วให้จริงๆ ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนผมรู้สึกว่าเบื่อที่จะให้แล้วเค้าเบื่อที่จะรับ เบื่อกันไปมาก็เริ่มไม่ค่อยดี แล้วก็ค่อยๆ หมดรัก เวลาผมหมดรักผมก็บอกว่า เราเลิกกันนะ แค่นั้นเลย ง่ายๆ อ้อนวอนขนาดไหนก็เลิก ผมก็เลยไม่อยากให้เป็นแบบนั้นกับผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าเค้าดีจริงๆ"

หลังจากคบกันเป็นยังไงบ้าง?

        กาย :  "ไม่ทะเลาะกันเลยครับ"

        ฮารุ :  "ทะเลาะกันน้อยมาก แต่กลายเป็นปัญหาของผู้หญิง คือฮารุกลายเป็นผู้หญิงที่ขี้หึงที่สุดในโลก ซึ่งปกติไม่ได้เป็น อาจจะเป็นปมของตัวเองที่มาคบกับเค้า

        และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลถึงการมาคบกับเค้า ว่าทำไมกายมาคบกับเรา แฟนเก่าเค้าสวยหมดเลย ซึ่งเราก็คิดในใจว่าเราเอาอะไรไปเทียบกับแฟนเก่าเค้าแต่ละคน

        ช่วงนั้นกว่าจะผ่านมามรสุมที่คบกันได้ ก็มาเจอมรสุมขี้หึงเนี่ย คือเป็นหนักมาก เพราะไม่มั่นใจในตัวเองเวลาที่ยืนข้างเค้า"

แล้วกายสร้างความมั่นใจอะไรให้กับฮารุ?

        กาย :  "ผมก็บอกว่า คนเรามีความสวยที่ไม่เหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าคนสูงจะสวยกว่าคนเตี้ย คนที่เราคบมาแต่ก่อนจะดีกว่าคนนี้ เค้าก็มีความสวยของเค้า อย่างบางทีเค้าจะชอบหึงแบบเวลาคนมอง

คือเราไม่สามารถบอกเค้าว่าห้ามมอง แต่เราทำได้กับตัวเราว่า เราจะเล่นอะไรต่อกับเค้ารึเปล่า คือถ้าเรายิ้มให้เค้าธรรมดามันก็จบ แต่ถ้าเรายิ้มให้เค้าต่อแบบมีความนัย เหมือนตบมือข้างเดียวมันก็จะไม่ดัง ผมก็บอกเค้าตลอด"

        ฮารุ :  "แต่คนที่มีปมมันจะพูดยังไงก็แล้วแต่ เราคิด"

แค่มองก็หึงเหรอ?

        ฮารุ :  "อย่าเรียกว่าหึง คือฮารุเป็นคนที่รู้สึกไม่ปลอดภัยอ่ะ ไม่ปลอดภัยตลอดเวลาที่คบกัน คือเราจะไม่ได้หึงว่ามองทำไม แต่เราจะนอยด์แบบไม่มั่นใจเลยจริงๆ ขนาดคนนั้นยังเลิกมาได้ แล้วกับเราล่ะ มันน่าจะไปได้ไง ก็คิดแบบนั้น"

เลิกขี้หึงได้ยังไง?

        ฮารุ :  "โห นานมาก"

เห็นมีประโยคหนึ่ง กายบอกฮารุว่ายังไง?

        กาย :  "ผมยังบอกเค้าเลยว่า ฮารุ เนี่ย คนเราตอนแรกมันก็สวยแหละ คบไปคบมาถ้าจิตใจเราไม่เข้ากัน มันก็หายสวย แล้วสุดท้ายที่สุด รูมันก็คือรูอ่ะ เอาไปมันก็เหมือนกันอ่ะ นึกออกมั้ย(พูดแบบเขินๆ)"

หลังจากพูดประโยคนี้ไป ดีขึ้นมั้ย?

        ฮารุ :  "ก็ดีขึ้นนะตอนนั้น (หัวเราะ) อย่างน้อยภายนอกไม่เหมือน แต่ภายในก็เหมือนวะ (หัวเราะ)"

มีอาการว่อกแว่กอีกมั้ย หลังจากที่คบกับเรา?

        ฮารุ :  "ไม่มีนะคะ เรียกว่ายังจับไม่ได้ ไม่ใช่ไม่มี ณ ปัจจุบันนี้ยังจับไม่ได้ คือไม่มีหรือมี แต่ฮารุรู้สึกว่าไม่มี"

        กาย :  "คือกายถ้าไม่มีแฟนแล้วคุยหลายคนถือว่าไม่ผิด แต่ถ้ามีแฟนแล้วจะไม่ไปนอกใจหรืออะไรเลย เพราะไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วนอกใจไป สุดท้ายเค้าก็เสียใจ นึกออกมั้ย แล้วยิ่งตอนนี้มีครอบครัว ความสุขแค่ไม่กี่นาที แต่ความเสียหายเราสร้างมาเยอะแยะ ไม่คุ้มค่ากัน"

ฮารุค่อยๆ หายจากขี้หึงยังไง?

        ฮารุ :  "มันไม่มีเวลา ของฮารุใช้เวลาเป็นปี เวลาจะเป็นตัวหลักๆ เลย เหมือนสมัยก่อนเค้าจะพูดทุกวันว่า ไม่ไปไหนหรอก เค้าจะพูดดีๆ มา แต่ภายในใจเราก็คิดว่าจริงเหรอวะ

        ซึ่งเค้าก็พิสูจน์ให้เราเห็นเป็นปีนะกว่าจะเลิกหึงแบบหายขาดเลย เพราะตลอดเวลาที่เราคบกันมา เค้าไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าต้องระแวง มันก็หายไปเอง"

        เป็นอีกคู่ที่แต่งงานเร็ว วันที่กายขอแต่งงาน เราตัดสินใจยังไง ทำไมถึงคิดว่าความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ต้องแต่งงานแล้ว ทั้งที่ความจริงอายุน้อยทั้งคู่?

        กาย :  "คือบางคนบอกว่า 30 ก่อนค่อยแต่ง ผมก็ถามเค้าเสมอว่า ถ้า 30 แล้วมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเหรอ เค้าก็บอกว่า จะได้เที่ยวก่อนไง เราก็บอกว่า มาดูก่อน เราเที่ยวหมดแล้ว มีอะไรน่าเที่ยวอีกเหรอ บางคนก็บอก เราจะได้ศึกษาผู้หญิงคนอื่นก่อนไง

        เราก็บอกว่า โอ๊ย จะติดเอดส์มั้ย คือพอเหอะ เรารู้มาหมดแล้ว ผมคิดว่าถ้าจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเรื่อยๆ คือพร้อมมั้ย อันนี้พร้อม ถ้าถามว่าสถานการณ์การเงินพร้อมมั้ย ถ้าเทียบกับคนอายุ 30 บางคนก็ดีกว่า บางคนก็ด้อยกว่า ผมว่าตัวผมก็อยู่ได้แหละ แต่ตอนนั้นยังไม่มีบ้าน

        ฮารุบอกว่าถ้าจะแต่งงานจริงๆ ขอมีบ้านก่อน ก็เลยไปซื้อบ้านมาหลังหนึ่ง พร้อมแล้ว ก็เลยแต่ง กายอยากมีลูกเร็วๆ ครับ พ่อแม่กายมีกายตอนอายุไม่มาก มันสนุกอ่ะที่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่อายุไม่มาก เค้าพาเราเที่ยวได้หมด ในขณะที่พ่อแม่คนอื่นเค้าอายุเยอะแล้ว"

        ฮารุ :  "ของฮารุว่าเราโชคดีที่เรามีเป้าหมายแต่เด็กว่าอยากมีลูก อยากแต่งงาน อยากมีครอบครัว เป้าหมายเรื่องงานของฮารุมันก็มี แต่มันไม่ชัดเจน ไม่มีภาพใหญ่เท่าอยากแต่งงาน อยากมีลูก อยากมีครอบครัว แต่บางคนเค้าก็บอกว่า ก่อนที่จะแต่งงานต้องมีเงินเก็บนั่นนี่ แล้วจะต้องเก็บเท่าไหร่อ่ะ

คือเราไปวัดกันมั้ง แล้วมีพ่อค้าขายน้ำชง ขายน้ำชงไป ลูกก็อยู่ตรงน้ำชง 3-4 คน เล่นดินทราย เราก็เออว่ะ เค้ายังมีลูกได้เลย ทำไมเราจะมีไม่ได้ เค้าก็มีความสุข"

        กาย :  "เค้าก็มีความสุข แล้วรายได้เราก็น่าจะมากกว่าเค้า เค้ายังเลี้ยงได้เลย เราก็น่าจะเลี้ยงได้ เลี้ยงตามแบบของเรา มันก็มีความสุขได้ ไม่เห็นจะต้องมีจำนวนเงินเท่านี้ 

        ตอนนั้นเราก็ย้ายบ้านที่ซื้อใหม่มาอยู่ด้วยกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วหลังจากที่วัดวันนั้นผมก็แบบ ลองมีลูกมั้ย

        เพื่อนเราก็กำลังท้องอยู่คนหนึ่ง เค้าก็ลองดู อยากรู้ว่ามันยากขนาดไหน รู้ตัวอีกทีท้องเลย ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วหันมาหากัน ท้องอ่ะ เอ้าตายแล้วยังไม่ได้แต่งเลย ทำยังไงดีวะเนี่ย"

ก็เลยต้องเลื่อนงานแต่งงานมาให้เร็วหน่อย?

กาย :  "ใช่ครับผม ตอนแรกจะแต่งธันวา เลยเลื่อนมาเป็นสิงหา ที่เลื่อนเพราะว่าอยากใส่ชุดแต่งงานสวยๆ เพราะตอนนั้นเพิ่งท้องอ่อนๆ"

ตอนนั้นมันมีข่าวออกมาว่า แต่งเพราะท้อง?

        กาย :  "เราก็รู้อยู่แล้ว เราก็บอกว่าใช่ครับ ก็ท้องก่อนแต่ง"

        ฮารุ :  "แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แล้วอยากให้ภาพนี้มันสวยและสมบูรณ์ที่สุด เราก็ยังพูดว่า เราอยากแต่งงานก่อนนะแล้วค่อยท้อง เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อยากจะให้เป็นแบบนั้น

เหมือนเรารู้อยู่แล้วว่า ถ้าออกมาพูดว่าท้อง มันจะต้องมีกระแสข่าว แต่ ณ ตอนนั้นก็คุยกันว่า แล้วจะโกหกกันทำไม คนก็ไม่ได้โง่ เค้าก็รู้อยู่แล้ว พูดไปตรงๆ ดีกว่า ออกมายอมรับ แต่เราก็พูดว่าเราก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น"

คือเราแพลนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ย้ายมาอยู่ด้วยกัน มีผู้ใหญ่รับรู้?

        กาย :  "ใช่ครับ คือถ้าพูดอะไรมาก มันก็เหมือนเป็นข้ออ้าง เราก็ออกมาพูดเท่าที่เป็นความจริง และก็ที่คนจะรู้เท่านั้นแหล่ะ และเราก็ดำเนินชีวิตของเราต่อ"

คบกันมากี่ปีถึงแต่งงาน?

        กาย :  "4 ปีครับ"

หลังจากมีลูกแล้วเรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากน้อยแค่ไหน?

        ฮารุ :  "ฮารุจะตื่น 6 โมงเช้า เพื่อมาอาบน้ำ ส่งลูกไปโรงเรียน แล้วเค้าจะกลับมาถึงบ้านตอน 4 โมงเย็น และจะเข้านอนตอน 2 ทุ่ม ซึ่ง 2 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าจะเป็นเวลาของเรา บางครั้งก็จะแวบกันไปดูหนัง อย่างกลางวันเราก็จะไปออกกำลังกาย

        ก็คือพยายามหาเวลาดูแลกันและกัน เพราะบางคนบอกว่า มีลูกแล้วไม่มีเวลาดูแลสามีหรอก ไม่จริงอ่ะ เรามีเวลาเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่นเหนื่อยมั้ย กินกาแฟมั้ย เวลาอ่ะมันหาได้ถ้าเราตั้งใจจะหา เพราะฉะนั้นข้ออ้างของการไม่มีเวลา ฮารุไม่เชื่อเลย"

        กาย :  "แล้วเรา 2 คนมีความสุขกับการที่ คือเราอยู่ด้วยกัน 2 คนก็มีความสุข แต่เวลาที่เราได้อยู่กับลูกๆ เป็นครอบครัวจะมีความสุขมากกว่า เราไปเที่ยวกันทุกอาทิตย์ ไม่มีอาทิตย์ไหนที่ไม่ได้ไป พอเราได้เห็นลูกมีความสุข เราก็มีความสุขตาม"

        ฮารุ :  "บางคนบอกว่าถ้ามีลูกแล้วจะไม่ได้เที่ยวหรอก แต่ฮารุค้นพบว่า การที่เรามีลูกไม่ได้หมายความว่าจะเที่ยวไม่ได้"

มาวันนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน จนใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน กี่ปีแล้ว?

        ฮารุ :  "เข้าปีที่ 10 แล้วค่ะ"

มีอะไรอยากจะบอกกันมั้ย?

        กาย :  "อยากจะบอกฮารุว่า ทุกวันนี้บางทีหนูก็ชอบคิดว่าตัวหนูเนี่ยคุณค่าน้อยลงตรงที่ไม่ได้ทำงานแล้ว แต่อยากจะบอกว่าการไม่ได้ทำงานหาเงินแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคุณค่าเลย แต่อยากจะบอกว่าสิ่งที่หนูทำทุกวันนี้คุณค่ามันมากกว่าการหาเงินเยอะ และมันเหนื่อยกว่าการหาเงินเยอะ 

        คือถ้าให้สลับกัน พี่กายก็ไม่สลับ (จากนั้นฮารุก็หัวเราะออกมาดังๆ) เพราะว่าอะไรรู้มั้ย เพราะว่าสิ่งที่หนูทำ พี่กายไม่สามารถทำได้แน่นอน แต่ถ้าเราสลับกัน สิ่งที่พี่กายทำอ่ะ หนูทำได้ หนูชอบคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เก่งมาก จะบอกว่าหนูเป็นคนที่เก่งที่สุดแล้ว"

        ฮารุ :  "(น้ำตาซึม) ไม่เคยได้ยินเลยประโยคนี้ คือเมื่อก่อนเราทำงานทุกวัน แล้วมาตอนนี้ไม่ได้ทำงาน คือพูดตรงๆ ไม่ได้หารายได้ เรารู้สึกเหมือนคุณค่าของเรามันอาจจะหายไป เพราะเราเคยคิดเอาไว้ว่าเป้าหมายของเราจะหาเงิน วันนี้ไม่ได้หาเงินได้เราก็.."

ฮารุอยากบอกอะไรพี่กายบ้าง?

        กาย : "จริงๆ ก็ทุกวันนี้ก็มีความสุขมากๆ แล้วก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะเลือกผิด ตัดสินใจผิด เพราะถ้าเกิดว่ามีใครถามว่าอยากให้ลูกโตมาเป็นแบบใคร ก็เป็นพี่กายแบบนี้แหละ

        เพราะเรารู้สึกว่าเค้าจะโตมาแล้วมีต้นแบบที่ดี แล้วคนข้างๆ หนูเชื่อว่าเป็นพี่กายนี่แหละ เป็นต้นแบบที่ดีสำหรับลูก ถ้าลูกโตมาเป้นแบบเค้า หนูก็ไม่เสียใจ ไม่ผิดหวัง ก็เติมเต็มทุกอย่าง 

        แล้วเวลาอยู่กับพี่กาย หนูรู้สึกว่าเป็นฮารุในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า เวลาอยู่กับใครก็แล้วแต่ ขอบคุณที่คอยสนับสนุนหนู ถึงแม้ความมั่นใจจะไม่ค่อยมีมาก แต่เธอก็ค่อยๆ เติมขึ้นมาเรื่อยๆ".

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก CFD SHOWthairath

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ