สื่อต่างประเทศรายงานว่า ดาราหญิงไต้หวัน หยินฉี ได้ลั่นระฆังวิวาห์กับเศรษฐีหนุ่ม จาง ซื่อ หยู หลังแต่งงานทั้งสองก็ตั้งเป้าหมายจะร่วมกันดูแลลูกด้วยกัน และค่อยๆห่างหายจากวงการบันเทิง โดยที่ผ่านมาเธอครองโสดไม่ยอมแต่งงาน ทั้งที่แฟนหนุ่มคนนี้ขอแต่งงานแล้วหลายรอบแต่ก็โดนเธอปฏิเสธ แถมยังโดนบอกเลิกซะงั้น?

    หยินฉี เติบโตมาในครองครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว อีกทั้งเธอราศีธนู รักความเป็นอิสระและคิดว่าการแต่งงานไม่มีวันที่จะครองคู่ไปถึงจนแก่เฒ่าได้

    นั้นเพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอเติบโตมากับคุณแม่ที่เลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง ภายใต้การอบรบของคุณแม่ ทำให้เธอมีบุคลิกภาพที่รักอิสระ เด็ดเดี่ยว เธอเปิดเผยว่า ชีวิตรักที่เคยผ่านมาในอดีตเธอจะไม่ไปจำกัดหรือตั้งขอบเขตอีกฝ่าย และจะไม่ตรวจเช็กโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย เพราะเธอคิดว่า “คำว่าแฟนก็เป็นเช่นนี้ คุณต้องใช้ความเป็นปกติทั่วไปในการรักใครสักคน ไม่ต้องทุ่มเทมากจนเกินไป จากนั้นพยายามให้เขาได้เห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงในตัวของคุณ”

    เพราะหยินฉีถูกสอนให้เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอมีความคิดอย่างหนึ่งว่า “ขอเพียงแค่ฝ่ายชายมีความคิดที่อยากจะแต่งงาน เธอก็จะบอกเลิกทันที” เพราะเธอคิดว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการแต่งงาน ขอเพียงแค่ผู้หญิงเราเลี้ยงตนเองได้ ดูแลตนเองให้ดีก็พอแล้ว

    ขนาดสามีคนปัจจุบันก็เคยโดนบอกเลิกไปแล้วหลายรอบ หลังขอเธอแต่งงาน แต่ทว่าสามีคนนี้ไม่ยอมแพ้และท้อถอย กลับยิ่งทำให้มีแรงและกล้าหาญมากขึ้นกว่าเดิม พยายามชวนหยินฉีไปทานอาหารค่ำอย่างต่อเนื่องเพื่อขอแต่งงาน

    เขาฉลาดมาก ยังขอความช่วยเหลือจากแม่ของหยินฉี  เขาขอหยินฉีแต่งงานกว่า 10 ครั้ง จนสุดท้ายสามารถทำสำเร็จ พาเธอแต่งเข้าบ้านเป็นภรรยาได้ เธอเล่าถึงอดีตที่ผ่านมาและหัวเราะว่า "ฉันมักจะฟังคำของแม่ เขาบอกว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องรีบคว้าจุดสำคัญไว้ก่อน" นั้นก็คือแม่ของเธอนั้นเอง

    และชีวิตหลังแต่งงานเธอก็เปิดเผยอีกว่า “ในสมองมีแต่ภาพสามีมีเล็กมีน้อยนอกบ้าน หรือภาพที่เธอต้องไปตามจับผิดสามี แต่เธอไม่เคยห้ามสามีไปเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆ เพราะเธอคิดว่าสามีรู้จักวางตัวและไม่ทำเกินขอบเขต”

    เมื่อมีคนถามว่าเพราะสามีมีค่าตัวสูงถึง พันล้าน หรือเปล่า? เธอตอบว่า เงินมีพอใช้ก็พอแล้ว แต่สิ่งที่ประทับใจสามีคือ เขาเป็นคนกตัญญูมากและเป็นคนจิตใจดี ไม่เพียงดีกับแม่สามีหยินฉีแล้ว อีกทั้งเขายังพยายามที่จะทำให้ดีกว่าเดิมขึ้นเรื่อยๆ

    เธอยังเน้นด้วยว่าฐานะทางการเงินของสามีภรรยานั้นเป็นอิสระต่อกัน และสามียังให้บัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินแก่เธอและแม่ของเธอด้วย แต่เธอเชื่อว่าผู้หญิงควรมีความเป็นอิสระพร้อมบอกว่า "คุณอยากได้อะไรก็ควรต่อสู้หามาได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่การแบมือขอจากคนอื่น"

    สุดท้ายเธอกล่าวทิ้งท้ายว่า “จะดูแลประคองชีวิตการแต่งงานอย่างไร ทั้งนี้ก็ต้องดูพฤติกรรมของสามีอีกที  แต่ตอนนี้ขอใช้ชีวิตคู่รัก หมกมุ่นอยู่กับความสุขของโลกที่มีแต่สองคนก่อน หลังจากนั้น 2 ปีถึงจะมีบุตรด้วยกัน"

ที่มา :lookingforward

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr