"ลีเดีย" เปิดใจ โดนด่าว่า "เป็นน้อย" นักการเมืองดัง-เงียบหายไป 11 ปี สุดท้ายกลับมาได้อีกครั้ง!

LIEKR:

เปิดใจ จุดเปลี่ยนชีวิต "โดนหาว่าเป็น..เมียน้อย..ของนักการเมือง" สุดท้ายตกเป็นจำเลยของสังคม......."เดียมีข่าวว่าเป็นเมียน้อยของนักการเมือง เดียท้อง แล้วก็มันเป็นเรื่อง Sensitive เป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจเยอะ หลังจากนั้นคือ คนเชื่อทั้งประเทศว่าเดียเป็นเมียน้อย"

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        'ชีวิตเรา เราอยากเลือกเอง ตัดสินใจเอง จะไม่ยอมให้ใครบงการ' คำพูดของนักร้องสาว 'ลีเดีย' ศรัณย์รัชต์  ที่บอกกับรายการ Thairath Talk แบบอันคัต ถึงจุดเปลี่ยนชีวิต ที่เธอว่ามีขึ้นสูงสุดก็มีลงต่ำสุดได้เช่นกัน

        'เธอคือใคร' คำถามของเธอที่ไม่รู้ว่า เธอเองมีตัวตนไหมที่ผ่านมา

 

Sponsored Ad

 

        ลีเดียเป็นนักร้องแนวอาร์แอนด์บี ได้รับฉายาเจ้าหญิงอาร์แอนด์บี แต่ทำไมร้องแต่เพลงคนอื่น ร้องแต่เพลงสากล เพลงคัฟเวอร์ ทำไมร้องแต่เพลงศิลปินคนอื่น ทำไมเพลงของตัวเองไม่ร้องเพราะเดียร้องไม่ได้ เดี๋ยวโดนลิขสิทธิ์...

        'เดียมีข่าวว่าเป็นเมียน้อยของนักการเมือง' เดียท้อง ด้วยมันเป็นข่าวการเมือง แล้วก็มันเป็นเรื่อง Sensitive และเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจเยอะ ข่าวยิ่งเยอะมากขึ้น และหลังจากนั้นคือ คนเชื่อทั้งประเทศว่าเดียเป็นเมียน้อย - ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ กล่าว

 

Sponsored Ad

 

        และหลังจากที่เธอห่างหายไปจากการออกอัลบั้มเพลงกว่า 11 ปี และแถมมีข่าวคาว เป็นเมียน้อย ของคนในวงการการเมือง ไปจนถึงถูกยกเลิกงานเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ลูกชายตัวน้อย 'น้องดีแลน' ชีวิตของเธอเจอกับมรสุมข่าวต่างๆ กว่าจะผ่านความพังทั้งหมดและมายืนอย่างแข็งแกร่งได้ในวันนี้ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ เปิดเผยกับรายการ Thairath Talk ที่เดียว

ชมคลิป

 

Sponsored Ad

 

คลิปเปิดไม่ออก >>>กดตรงนี้คลิ๊ก<<<

ชีวิตนักร้องไร้ตัวตน กับ 11 ปีที่ห่างหาย

-ลีเดีย ศรัณย์รัชต์-

11 ปีที่หายไป

 

Sponsored Ad

 

        การกลับมาครั้งนี้ เราต้องบอกว่าเราหลงทางไปแล้ว เราคิดว่าเราคงไม่ได้ทำใหม่แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าแบบมันต้องไปยังไง เราเป็นคนยุคแบบเทปยุคซีดี เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะยุคออนไลน์ การดาวน์โหลด เปลี่ยนตั้งแต่ MP3 เป็นสตรีมมิ่ง เป็นยูทูบ เป็นอะไรอย่างน้ีค่ะ เรื่องของโซเชียลมีเดีย ทุกอย่างมันอยู่ออนไลน์หมดแล้ว เราก็ต้องเปลี่ยนปรับตัวเองให้มันไปพร้อมกับโลกที่มันกำลังเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะฉะนั้น มันก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสกลับมาทำเพลง จนกระทั่งวันนี้ที่เรารู้สึกว่า เราก็น่าจะเรียนรู้มาเพียงพอ น่าจะมีประสบการณ์พอแล้วก็ได้รับการช่วยเหลือจาก น้องๆ พี่ๆ ผู้ใหญ่ในวงการที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เข้ามาซัพพอร์ตเดียด้วยค่ะ

 

Sponsored Ad

 

ลีเดีย กับ ฉายา 'นักร้องคัฟเวอร์' 

        ใช่ เอาจริงๆ แล้วไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสกลับมาทำใหม่ ต้องบอกว่า จากรายการเดอะแมสค์ซิงเกอร์ จากการที่ได้เป็นหน้ากากซูโม่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจให้กลับมาทำใหม่ รู้สึกฮึด เห้ย อยากจะทำอีกรอบหนึ่ง เพราะว่าเราเห็นพอเราไปร้องเพลงปุ๊บเราทำให้คนที่ฟังอยู่ดูอยู่เขามีความสุข มันก็เลยทำให้เรามีความสุขด้วย แล้วเราได้ทำสิ่งที่เรารักอยู่แล้วค่ะ ก็เลยรู้สึกเรามีไฟ เราอยากจะกลับมาลองทำใหม่อีกครั้ง

 

Sponsored Ad

 

'หน้ากากซูโม่' ทำให้มี ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ อีกครั้ง 

        เขาอาจจะหลงรักกับซูโม่ก็ได้ แล้วเขาก็อาจจะวัดกับเสียงเพลงที่ซูโม่ร้องออกมา ซึ่งถ้าวัดกันแค่นั้นนะ เดียก็รู้สึกว่าแค่นั้นเดียก็มีความสุขแล้ว การร้องเพลงเดียทำมาตั้งแต่สิบขวบ ก็เป็นสิ่งที่เรารักมันอยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่รู้ว่าหลังจากถอดซูโม่ออกมาแล้วคนยังจะรักเราอยู่ เหมือนตอนที่เป็นซูโม่หรือเปล่า

        แต่ว่าตอนที่เราเป็นซูโม่เรารู้ว่าเสียงเพลงที่เราร้องออกไปทำให้คนมีความสุข มันก็เลยเกิดแรงบันดาลใจก่อนที่จะถอดหน้ากากด้วยซ้ำ ก็รู้สึกว่าเห้ย ลุยกันดีกว่า เราก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า เราจะทำอัลบั้มก็เริ่มคิดคอนเซปต์เพลง ขึ้นคอนเซปต์ เริ่มหาทีมเพลงก่อนที่จะถอดหน้ากากค่ะ เริ่มคิดแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แต่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้ก็นานมาก 

Sponsored Ad

จากนักร้องมีค่าย สู่นักร้องอิสระ

        ได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนในการทำงาน รู้ถึงทุกๆ ดีเทล ทุกๆ ส่วน 360 องศา เลยว่า กว่ามันจะได้มาเป็นชิ้นงานชิ้นหนึ่ง มันต้องทำอะไรบ้าง มันก็ทำให้เราได้เห็นได้ใส่ครีเอทิวิตี้เข้าไปในทุกๆ ขั้นตอน ใส่ความเป็นเราเข้าไปแล้วก็คือแน่นอนมันเป็นงานของเราเอง แล้วก็เราก็จะยิ่งลงดีเทลเยอะ ต้องการให้ทุกงานทุกชิ้นทุกรายละเอียดออกมาให้ดี 

เซ็นสัญญาใหม่อีกครั้งมันเหมือนกับการแต่งงาน

        จริงก็มี เราทำงานในวงการอย่างนี้ค่ะ เราก็จะเจอแต่คนในวงการอยู่แล้วค่ะ เพราะมันคือสายงานของเรา จริงๆ ก็มีคุยอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่เอาจริงๆ แล้วก็อยากจะบอกว่าการที่เราจะไปอยู่กับค่ายเพลง หรือเซ็นสัญญาใหม่อีกครั้งมันก็เหมือนกับการแต่งงานอะ มันก็คือการผูกชีวิตเราไว้แล้วก็ใช้ชีวิตด้วยกันไป เพราะฉะนั้นแล้วก็ก่อนที่เราจะหาชีวิตคู่ที่ดีมันก็ต้องรู้จักกันให้ดีๆ ว่า เราเข้ากันๆ ได้ไหม แล้วก็มันก็มีหลายอย่างในการตัดสินใจอย่างนี้ค่ะ แต่ที่ผ่านมาเราเองก็เจออะไรมาเยอะ

        เคยมีสัญญาทาสไปแล้ว เคยผ่านประสบการณ์ที่ทำให้เราเรียนรู้ แล้วก็ยืนด้วยตัวเองมาโดยตลอด ก็ไฟว้มาโดยตลอดแล้วก็ อยากจะลองทำเองเป็นอิสระค่ะ จะเรียกว่าบาดเจ็บก็ได้แหละ ก็มันเป็นการเรียนรู้นั่นแหละค่ะ แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติแหละเพราะว่ามันก็ไม่ใช่เดียคนเดียวที่เจอ และก็ไม่ใช่แค่ที่เมืองไทย ประเทศเดียวที่เป็นก็มีในทุกที่ก็ต้องแล้วแต่คนว่าเราจะรับมือกับมันยังไงค่ะ 

สัญญาทาสที่ถูกผูกไว้ของ 'ลีเดีย'

        เดียก็เชื่อว่า ไม่ใช่เดียคนเดียวที่ได้เจอ ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว ที่เจอกับปัญหานี้มันมีอีกตั้งหลายประเทศ หรือหลายคนที่เจอกับเหตุการณ์นี้ แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เราก็สู้ฟัดกับมันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้เราได้มีเพลงของตัวเอง คือยังไงก็ต้องเอาให้รอด มันก็ต้องไปให้ได้ ต้องมีหนทางหนึ่ง สักหนทางหนึ่ง 

มาถึงจุดที่มีค่ายเพลงเป็นของตัวเองดีกว่ายังไง 

        ก็เป็นเหตุผลหลัก ดีกว่าไหมมันดีกว่าบางอย่าง และก็ไม่ได้ดีกว่าในบางอย่าง คือเราเหนื่อยกว่ากันเยอะ เราต้องลงทุนเอง เราต้องใช้เวลากับมันเยอะ เราต้องเริ่มจากลาตัวเล็กๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ เราไม่ใช่คนแบบมีอำนาจมีฐาน หรือมีพาวเวอร์ที่จะแบบสามารถทำให้มันแบบยิ่งใหญ่ได้เลยในทีเดียว เราก็ต้องเริ่มจากเล็กๆ และค่อยๆ เติบโตไปค่ะ แต่สิ่งที่ดีก็คืองานมันได้เป็นงานของเราจริงๆ พอทำเสร็จแล้วเราภูมิใจจาก ไอเดียที่มันอยู่ในหัวเรา กว่าจะทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้มัน แล้วก็เราก็จะทำได้แล้ว

        จากไอเดียที่ฟุ้งอยู่ในหัวได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างเป็นชิ้นเป็นอัน อีกอย่างหนึ่งลิขสิทธิ์เป็นของเรา ลิขสิทธิ์เป็นของเราไม่ว่าจะวันนี้ หรืออีกนานขนาดไหนจนแก่ 70-80 ถ้าดีแลนด์จะเอาไปร้องก็เป็นลิขสิทธิ์ของลูกได้อะไรอย่างนี้ จะไม่มีปัญหาทางด้านนี้ ทุกวันนี้เดียก็ ถ้าไม่มีเพลงของตัวเองเดียก็เหมือนไม่มีตัวตน เพราะว่าที่ผ่านมาเดียไม่สามารถเอาเพลงเก่ามาร้องได้

        เพราะว่าด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่างก็คือเราไม่สามารถจะทำอย่างนั้นได้ เราก็เลยร้องแต่เพลงคัฟเวอร์จนหลายๆ ปีที่ผ่านมา ลีเดียคืออะไร ลีเดียคือนักร้องคัฟเวอร์หรอ ลีเดียคือนักร้องเพลงประกอบละคร

ชีวิตเป๋จนตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราคือใคร?

        ก็ใช่คนรู้จักคำว่าลีเดีย ลีเดียเป็นนักร้องแนวอาร์แอนด์บี ฉายาเจ้าหญิงอาร์แอนด์บี แต่ทำไมร้องแต่เพลงคนอื่นล่ะ ร้องแต่เพลงสากล เพลงคัฟเวอร์ ทำไมร้องแต่เพลงศิลปินคนอื่น ทำไมเพลงของตัวเองไม่ร้องเพราะเดียร้องไม่ได้ ว่าแบบถ้าร้องได้มันก็จะแค่ ไม่ว่าง...พอค่ะเดี๋ยวโดนลิขสิทธิ์นะคะ ซึ่งก็เดียก็ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ก็คิดว่าหลายๆ คนก็คงเจอ

        เพลงประกอบละคร ก็ยังไม่มีความเป็นตัวตนของลีเดียอยู่ดี มันก็คือยังไม่ใช่ แต่มันก็แก้ขัดไปได้แป๊บนึง ก็คือคุณมีเพลงไปร้องใหม่ คุณมีเพลงในลิสต์เพลงไปร้องเพิ่มได้ในคอนเสิร์ตอะไรอย่างนี้ค่ะ

ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ - จุดเปลี่ยนชีวิต ที่เป็นเป้าถูกโจมตี

จุดเปลี่ยนชีวิตมีหลายช่วง

        จริงมีจุดเปลี่ยนหลายช่วงชีวิตมาก เจอมาเยอะเลย ก็เยอะค่ะ ถ้าในเรื่องของงาน การเป็นศิลปิน การเป็นนักร้องก็นี่แหละค่ะ เดียอยู่กับการเป็นสัญญาทาสมาก็พักหนึ่ง การโดนดองงานมาก็พักหนึ่ง คือการที่ไม่มีงานทั้งๆ ที่เราว่างมันก็ลำบากอะ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่มันก็ต้องพยายามสู้ต่อไปและเดินหน้า กว่าจะมาถึงจุดนี้และเมนเทนมาได้ถึงจุดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกจุดหนึ่งที่แบบทำให้เราตกต่ำมากเลย

        ทำให้เรารู้สึกว่าฉันไม่อยากทำงานตรงน้ีอีกแล้วเพราะว่าทำไปแล้ว ก็เหมือนแบบทำเป็นเป้าให้คนโจมตีตลอดเวลา ก็คือช่วงที่โดนข่าวการเมืองหนักๆ ซึ่งตอนนั้นเป็นจุดที่แบบหนักมาก แล้วก็แบบกว่าที่จะผ่านพ้นมันมาได้ก็ใช้เวลา 

เราเป็นเราพูดอีกร้อยครั้งก็เหมือนเดิม

        ตอนแรกๆ เดียมีข่าวว่าเป็นเมียน้อยของนักการเมือง เดียท้อง ตอนนั้นเราก็ขำอะ รู้สึกว่ามันตลก ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่คิดว่ามันจะมีคนเชื่อ เพราะเดียรู้สึกว่ามันไร้สาระ มันไม่ใช่ความจริงอะ เราก็เลยไม่ได้ใส่ใจกับข่าวมาก แต่ด้วยมันเป็นข่าวการเมือง แล้วก็มันเป็นเรื่อง Sensitiveในตอนนั้น และเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจเยอะ ก็เลยทำให้ข่าวยิ่งเยอะมากขึ้น และหลังจากนั้นคือ คนเชื่อทั้งประเทศว่าเดียเป็น

        หลังจากจุดนั้นแหละ คือจุดที่ทำให้เดียเครียดแล้วก็แบบ ไม่อยากทำแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้มีกระบอกเสียงเป็นของเราเองเราเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ก็เจอข่าวอะใครที่มีปากกาเขียน ใครที่สามารถปล่อยข่าวได้ก็ปล่อยไปแต่เราอะจะไปตอบโต้กับเขายังไง สมัยนั้นมันก็ไม่ได้มีโซเชียลมีเดีย ไม่มีช่องทางให้เราพูดได้ เราไม่ได้มีพาวเวอร์ที่จะแบบฉันจะแถลงข่าว ทำไมทำไม่ได้เราก็ได้แต่รอเวลาแล้วก็รอโอกาสที่จะได้ออกมาพูด

        ตอนนั้นมันก็มีให้พูดบ้างแต่เดียก็ ไม่รู้ว่ามันช้าไปไหมหลังจากที่ได้ออกมาพูด เพราะว่าตอนช่วงที่เป็นข่าวแรกๆ ก็เหมือนโดนผู้ใหญ่สั่งมาจากทางค่ายว่าให้เงียบๆ ไป เดี๋ยวข่าวมันก็หายไปเอง แต่มันไม่หาย

        แต่สุดท้ายไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าคนรอบตัวเราค่ะ แล้วก็คุณพ่อคุณแม่เราก็บอกเราว่าความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ เดียก็เป็นเดียอย่างนี้ แล้วก็แบบสักวันหนึ่งคนก็จะรู้ว่าสิ่งที่คนกล่าวหา เดียเป็นเดีย เราไม่ได้เป็น เราก็เป็นเราแบบนี้ก็พูดความจริงมาตลอด พูดอีกร้อยครั้งร้อยปีก็เหมือนเดิม

สังเวียนชีวิตของเธอ 'ลีเดีย' ศรัณย์รัชต์ 11 ปีที่ห่างหายจากการมีอัลบั้มเพลง

ย้อนไปได้อยากมีโซเชียลมีเดียในมือ 

        ความจริงก็คือความจริงตอนนั้นเราไม่สามารถตอบอะไรได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะมันไม่มีโซเชียลมีเดีย เราไม่มีที่ที่สามารถไปพูดได้

        มันก็พังเพราะว่า มันเจออะไรที่แบบหนักๆ มาเยอะมาก แล้วมันก็ทำให้เราแบบมันก็ท้อกับชีวิต ก็ในเมื่อมันไม่จริงแล้วเราจะทำยังไงให้คนทั้งประเทศเชื่อ ในเมื่อเขาเชื่อไปแล้วเราจะพูดยังไงให้คนเชื่อเรา เราก็เป็นแค่คนคนเดียว ผู้หญิงคนเดียวที่แบบ เราไม่ได้มีพาวเวอร์ เราไม่ได้มีปากกา ไม่ได้มีสื่ออยู่ในมือที่สามารถจะพูดเองได้ แต่ถ้าสมัยนั้นมีโซเชียลมีเดีย เดียจะเอาให้เต็มเลยค่ะ แต่ตอนนั้นมันไม่มี ก็ต้องอยู่เงียบๆ

        แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อะก็จะแก้ตรงที่ว่าเราจะไม่มารอให้คนอื่นมาบอกว่าคนอื่นมาบอกให้พูดอย่างนี้ หรือคุณควรจะรอ คุณควรจะไม่พูด คุณควรจะแถลงตอนนี้ คุณควรจะพูดแบบนี้ คุณมาบอกให้เราทำนี่นั่น ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้มันพังเหมือนกัน เดียก็รู้สึกว่าเราทำทุกอย่าง เราควรจะชี้ชีวิตเราเอง เราควรจะตัดสินใจของเราเอง เลือกของเราเอง เลือกทางเดินของเราเอง ตัดสินใจเองค่ะ

ทำให้รู้ว่าการเงียบไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด 

        ใช่ เวลาจะพูดอะไรก็ต้องรอแถลงต้องรอโอกาสนั้น ว่าเราจะได้แถลงเมื่อไหร่แล้วก็ตัดสินใจนั้นๆ ก็ไม่ใช่การตัดสินใจเรา มันเลยเกิดเหตุการณ์คุณแม่โมโหมากเลยไประเบิดกับหมอกฤษณ์กลางงาน เพราะว่ามันทนไม่ได้ ตอนนั้นแม่เจอข่าวอะไรมากมายแล้วเขาก็บอกอยู่นิ่งๆ แม่ก็รับไม่ไหวแล้ว

ย้อนไปแก้ไขอยากที่จะทำอะไร

        ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ เอาว่าถ้าย้อนกลับไปได้มากกว่านั้น เราจะเอาทุกอย่างมาอยู่ในมือเรา คอนโทรลให้ได้มากกว่านี้ เราจะไม่รอให้คนอื่นชี้เราว่าชีวิตเราต้องทำอย่างไร คุณจะตอบยังไงตอบเมื่อไหร่ คุณห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าย้อนกลับไป นี่มันชีวิตเรา เราจะตัดสินใจเอง จะไม่ปล่อยให้คนอื่นบงการ จากหลายๆ อย่างที่เจอมา และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่มันพังในหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่ามันพังเลยชีวิตเดียมันพัง มันพังอยู่ช่วงหนึ่งเลย

ยิ้มให้กับทุกปัญหา

ถึง ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ เจอปัญหาหนักก็ไม่เคยคิดหนีออกจากวงการ 

        ชีวิตสั้น อยากทำอะไรก็ต้องทำไม่ค่ะ ก็ยังอยากทำอยู่ เป็นสิ่งที่เราทำแล้วมันเป็นเราที่สุดอะ เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ตั้งแต่เราเกิดเราเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่ 10 ขวบ เราเล่นเครื่องดนตรีมาตั้งแต่ 10 ขวบ มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เราคุณพ่อคุณแม่บอกว่า เดียตั้งแต่สองสามขวบเดียชอบร้องเพลงชอบเต้น ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็รู้สึกว่า คือเราเกิดมาเพื่อเส้นทางน้ี ในสายนี้ ก็เลยคิดว่าจะทำมันต่อไปจนกว่าจะไม่มีใครฟัง ก็คงจะร้องเพลงต่อไปจนกว่าจะไม่มีใครฟังค่ะ แล้วก็เป็นสิ่งที่เราทำ แล้วถ้าความสุขนี้เรามอบให้กับคนอื่นได้ด้วย มันก็เติมเต็มกับเราแล้วค่ะ

        ก็ถ้าให้พูดสั้นๆ ชีวิตเรามันสั้นอะ มีความสุขให้มากที่สุดเถอะ อย่าไปใส่ใจ อย่าไปเครียดอะไรกับเรื่องที่ทำให้ชีวิตเราๆ ไม่มีความสุขอะ คือพรุ่งน้ีคุณอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ ทำวันนี้ให้แบบดีที่สุด คือทำให้มีความสุขแต่ไม่ใช่ทำให้คนอื่นทุกข์ ทำให้ชีวิตเรามีความสุขที่สุดแล้วก็ชีวิตคนเราไม่ได้ราบรื่นเสมอไป และก็ไม่มีชีวิตใครที่เพอร์เฟกต์ เพราะฉะนั้นชีวิตมันเจอปัญหาอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกปัญหามันแก้ไขได้

        แล้วมุมมองที่คุณมองปัญหาและเลือกที่จะแก้ปัญหาอันนั้นคือสิ่งสำคัญ เพราะถ้าคุณมองแง่มุมที่เนกาทีฟ มันจะเป็นเนกาทีฟ แต่ถ้าคุณมองให้มันมีโพสิทีฟได้มันก็เป็นมีได้เสมอ เพราะฉะนั้นก็ปัญหาไม่ได้อยู่กับคุณตลอดไป มีตกต่ำมันก็ต้องมีขึ้นสูง มีขึ้นสูงก็ต้องตกต่ำได้ กราฟชีวิตคนเรามันไม่ใช่เส้นตรงเสมอไป เพราะฉะนั้นพยายามใช้ชีวิต มีความสุข ปล่อยวาง อะไรที่ทำให้เครียดก็ปล่อยมันไป มันไม่ได้เป็นปัญหากับคุณตลอดไป มันอาจจะเป็นอยู่ในแค่ช่วงช่วงหนึ่ง แต่หลังจากช่วงนี้ผ่านไป มันก็จะไม่อยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าใช้ชีวิตให้แบบสบายๆ ให้มีความสุข

        ก็พยายามให้มากที่สุด อย่างทุกวันนี้ก็ทำแต่งาน เหนื่อย แต่ก็พยายามแบ่งเวลา ให้มากที่สุดพยายามเลือกจัดลำดับความสำคัญให้มันดีที่สุด เพราะคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเดียคือครอบครัว คือคนในชีวิตเดีย คือจริงเดียก็วางเขาไว้ที่หนึ่งมากกว่างาน มากกว่าอื่นๆ ใดอยู่แล้ว แต่ด้วยหน้าที่ ที่เรายังต้องทำอยู่ ค่าเทอมลูกก็ยังต้องหาอยู่ เราก็ต้องเก็บรักษาทำมันไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ก็พยายามใช้ชีวิตให้มันดีที่สุด ในทุกๆ วัน

        ถ้าสมมติเราต้องไป เราไม่รู้เลยว่าเราต้องไปเมื่อไหร่ เราจะได้ไม่รู้สึกว่าเราจะทำอย่างนั้นแล้วเราไม่ได้มีโอกาสได้ทำ เราก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ เราจะได้มาเกิดใหม่หรือเปล่า make the most today ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วก็จะไม่มีเสียใจทีหลังค่ะ

ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ครอบครัวสุดอบอุ่น
เคล็ดลับความคิด 30 ปี ในแบบฉบับ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ 

'ลูก' อีกสเตปชีวิต ที่ทำให้ความคิดเปลี่ยน

        พอมีลูกปุ๊บเรามีความรับผิดชอบไม่ใช่แค่ชีวิตเราแล้ว ไม่ใช่แค่ชีวิตคู่แล้ว แต่ว่าเป็นอีกหนึ่งชีวิตเลยที่เขาเรียนรู้จากคุณ เขาพึ่งคุณร้อยเปอร์เซ็นต์เลยมันอยู่ที่คุณเลยกับการเติบโตของเขา เขาจะเป็นคนแบบไหน เขาจะเจอสภาวะแวดล้อมอะไรบ้าง คุณเป็นคนกำหนดตั้งแต่เขาเกิดมาในโลกนี้เลย มันเลยทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบและทำให้เขาดีที่สุด

ให้กำลังใจคนที่เจออุปสรรค ชีวิตไม่ราบรื่น จากสิ่งที่ 'ลีเดีย' เคยประสบ

        กว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้มันก็ไม่ง่ายค่ะ เจออะไรมาเยอะ แต่ทำยังไงหรอ ก็มันไม่มีออปชั่นอื่น คุณต้องไปให้ได้ คุณต้องเอาให้รอด คุณต้องไปให้ถึง ออปชั่นที่จะทำให้ไม่รอดมันไม่มี คุณจะต้องคิดอย่างนี้ คุณจะต้องปากกัดตีนถีบคุณจะอะไรก็แล้วแต่ก็จะต้องสู้ คุณจะต้องว่ายไปให้ถึงฝั่ง เพราะมันไม่มีออปชั่นที่จะจม ถ้าคุณมองว่าคุณจะไปให้ถึงมันก็ถึง

ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต 

        ชีวิตทุกคนไม่ได้ราบรื่นค่ะ ชีวิตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ชีวิตแต่ละคนก็จะเจอปัญหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกคือคุณขึ้นสูงได้คุณก็ตกต่ำได้ ตกต่ำแล้วคุณก็ต้องขึ้นกลับไปใหม่ได้ มันอยู่ที่การรับมือกับมัน มุมมองความคิดแบบใจของคุณทั้งนั้น ล้วนๆ เลยค่ะ ก็คิดมาว่าในทุกๆ แบบ ทุกความพังอะ มันจะต้องซ่อมมันได้ ต้องไปให้มันสวยหรูได้ อยู่ที่ใจคุณว่าคุณจะสร้างมันกลับขึ้นมาใหม่ยังไงให้มันเป็นรูปเป็นร่าง จะสร้างทีละชิ้น จะเริ่มทีละหลายๆ ชิ้น จะประกอบมันด้วยกาว จะประกอบมันด้วยแม็กซ์ จะประกอบมันด้วยอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณตั้งใจทำมัน มันมีทางไป คุณจะสร้างมันรูปแบบอื่นรูปแบบไหนก็ได้ มันก็ไปได้หมดแล้วแต่ใจคุณ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>กดตรงนี้คลิ๊ก<<<

ข้อมูลและภาพ จาก ไทยรัฐ

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ