LIEKR:
สื่อต่างประเทศเปิดเผยเรื่องราวของสะใภ้กับแม่สามี เรื่องมีอยู่ว่า เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีลูกชาย 1 คน ในระหว่างนี้เธอก็อยากมีชีวิตรักอีกครั้ง พยายามออกเดทนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็เพราะว่ามีลูกชายทำให้ไม่ได้ลงเอยกับใครสักที
ในใจของเธอเข้าใจดีว่า การมีลูกติดนั้นเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เพราะในอนาคตวันข้างหน้าลูกชายจะต้องแต่งงาน แต่งสะใภ้เข้าบ้าน ทำให้คู่เดทหลายคนคำนึงถึงเรื่องนี้ แล้วไม่ได้ไปต่อ
Sponsored Ad
ตอนลูกชายเรียนมหาวิทยาลัยเขามีแฟนสาวที่ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นของที่นั้น หลังเรียนจบทั้งคู่ก็สอบเข้าทำงานในสถานที่ราชการได้สำเร็จ แม้ว่าเงินเดือนจะไม่มาก แต่ถือว่าเป็นงานที่มั่นคง
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
ในตอนแรกที่พวกเขาแต่งงานกัน เธอไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านให้พวกเขา ทำได้แค่ตกแต่งภายในบ้านหลังนี้ที่เธออยู่อาศัยใหม่หมด ให้เงินค่าสินสอดสะใภ้ 300,000 บาท เพื่อให้พวกเขาทั้งสองได้ไปฮันนีมูนหลังแต่งงาน ลูกชายและลูกสะใภ้ทราบความลำบากของเธอดี จึงไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก หลังแต่งงานสะใภ้ก็ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกัน
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
เนื่องจากเธอรู้สึกผิดกับลูกชายและลูกสะใภ้ เธอจึงไม่ให้ลูกสะใภ้ทำงานบ้านเลย หลังจากที่มีหลานชาย เธอยุ่งมากจนไม่สามารถทำงานบ้านได้ทั้งหมด จึงให้ลูกสะใภ้มาช่วยถูบ้าน ทำกับข้าว ซักผ้าบ้าง แต่ทว่าลูกสะใภ้กลับบอกว่า เธอทำกับข้าวไม่เป็น หากไม่มีเวลาจริงๆก็แนะนำให้สั่งอาหารนอกบ้านดีกว่า
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
อาจเป็นเพราะเธอทำงานบ้านเองจนเคยชิน ทำให้ลูกสะใภ้ไม่ชินกับการทำกับข้าว ถ้าเธอไม่อยู่บ้านทั้ง 3 คนก็จะสั่งอาหารนอกบ้านมาทานกัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเธอไปบ้านที่ชนบทหลายวัน ทำให้ทั้ง 3 คนกินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ และทำให้หลานชายป่ ว ย โ ร ค ลำ ไ ส้ อั บ เ ส บ จนต้องนอน รั ก ษ า ตั ว ที่ โ ร ง พ ย า บ า ล หลายวัน แต่ดูเหมือนลูกสะใภ้จะไม่สำนึกเลย สั่งอาหารนอกบ้านกินทุกมื้อเหมือนเดิม
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
เธอจึงสอนให้ลูกสะใภ้ทำอาหาร แต่ลูกสะใภ้กลับชี้หน้าเธอผู้เป็นแม่สามีแล้วพูดว่า “ใครบอกผู้หญิงทุกคนต้องทำอาหารเป็น แม่ฉันไม่เคยทำอาหารมาทั้งชีวิต ให้พ่อเป็นคนทำตลอด แล้วทำไมแม่ไม่ให้ลูกชายของแม่ฝึกทำบ้าง?”
ลูกสะใภ้เป็นคนเถียงคําไม่ตกฟาก เธอพูด 1 คนก็จะเถียงคำ 10 คำทำให้เธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ลูกสะใภ้จะนอนตื่นสายมาก ไม่ว่าเสื้อผ้าของเด็กหรือผู้ใหญ่แม่สามีอย่างเธอก็ต้องเป็นคนซักทั้งหมด เธอมีเงินบํานาญเดือนละ 12,000 บาท เธอมักสั่งให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ซื้อผัก กับข้าว ผลไม้กลับบ้าน แต่พวกเขาก็มักบอกว่าลืมเสมอ
Sponsored Ad
เมื่อก่อนเธอต้องดูแลลูกชายตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนี้แก่เกษียณแล้วกลับต้องมาดูแลคน 3 คนอีก อยากแยกออกไปอยู่คนเดียวก็ลำบากมาก เพราะพวกเขาชินกับการไม่ต้องทำอะไรมานานแล้ว ทำให้พวกเขาคิดว่าการที่แม่คนหนึ่งทำงานบ้านให้ เลี้ยงลูกให้ ออกค่าอาหารทำอาหารให้กินนั้นเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว หากวันไหนกับข้าวไม่อร่อยก็จะสั่งอาหารนอกบ้านมากิน ลูกสะใภ้เป็นคนชอบกินอาหารจำพวกเนื้อมาก ไม่ชอบกินผัก ทำให้หลานชายก็กินเหมือนลูกสะใภ้
Sponsored Ad
คนในวัยเดียวกันในช่วงวันหยุดได้ออกไปเที่ยว พบปะเพื่อนฝูง แต่เธอกลับต้องมาทำงานบ้าน ดูแลคน 3 คนทั้งวัน พาหลานชายไปโรงเรียน ทำกับข้าวงานบ้านสารพัด พอเอ่ยปากบอกอยากจะไปท่องเที่ยวพักผ่อน ลูกชายก็บอกว่า “ถ้าแม่ไปแล้วใครจะทำอาหาร ใครจะช่วยเลี้ยงลูก? อย่าเพิ่งไปตอนนี้เลยนะแม่” ในตอนนั้นเธอรู้สึกน้อยใจมาก และอยากจะพักผ่อนจึงไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง ไปครั้งนี้เธอไปเที่ยวนานเกือบ 1 เดือน ไปโดยไม่ได้บอกกล่าวลูกชายและลูกสะใภ้ เมื่อถึงที่หมายก็ส่งข้อความเสียงไปบอกลูกชายว่า “แม่จะไปเที่ยวสักพัก ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับวันไหน ส่วนหลานชายก็ดูแลกันเองไปก่อน กับข้าวก็หากินเองนะ ลูกควรที่จะพึ่งพาตนเองได้แล้ว”
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
ปรากฏว่าลูกชายของเธอโกรธมาก บอกว่า “แม่เหมือนจงใจมาก อยากไปก็ไปเลย ไม่มีการปรึกษากันเลย อายุก็มากแล้วทำไมถึงเอาแต่ใจอย่างนี้”
เธอจึงตอบกลับไปว่า “แม่เคยปรึกษากับลูกแล้ว แต่ลูกไม่ให้แม่ไป แม่เกษียณมา 8 ปีแล้ว เป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายของลูก ดูแลเป็นพี่เลี้ยงในบ้านให้อย่างดี ไม่คิดเงิน เงินเกษียณแม่ก็เอามาช่วยลูกจ่ายค่าอาหาร ค่านมหลานไปมากมาย หากแม่ยังไม่ออกไปเพลิดเพลินท่องเที่ยวอีก แม่กลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีก”
ในตอนนั้นลูกชายพูดอะไรไม่ออก
หลังจากที่ท่องเที่ยวเสร็จ เธอเปิดประตูเดินเข้าบ้านก็ถึงกับตกใจ ภายในบ้านเก็บกวาดเป็นระเบียบอย่างสะอาดมาก ยังมีการปักดอกไม้ในแจกันด้วย ถังขยะก็ไม่มีขยะถุงหรือกล่องอาหารที่ซื้อนอกบ้านด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในตู้เย็นก็มีผลไม้ ผักสดและอาหารสดมากมาย เสื้อก็ตากที่ระเบียงอย่างเป็นระเบียบ ในห้องนอนของเธอก็เก็บกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อยไม่มีฝุ่นเกาะเลย
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่แท้แล้วลูกสะใภ้เคยชินกับการไม่ทำอะไร เนื่องจากเธอรับเอามาทำเองทุกอย่าง ทำให้ลูกสะใภ้ไม่อยากทำอะไรด้วยตนเอง
ในตอนนั้นเธอคิดว่า หากยังอยู่บ้านเดียวกับพวกเขา ลูกสะใภ้ก็จะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะย้ายออกไปอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ไปเช่าห้องเล็กอยู่คนเดียว หลังจากที่ย้ายออกไปแล้ว เธอก็มีเวลาให้ตนเอง ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ คุณแม่วัย 60 อย่างเธอจะได้มีชีวิตที่เป็นอิสระ มีเวลาเป็นของตนเองสักที นี่เหมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไงอย่างงั้นเลย
ที่มา:readthis
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR