เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวของ นายจางเทียนซี ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งมา 10 ปีแล้ว เขาเป็นช่างที่มีฝีมือดี แต่เป็นคนเก็บตัว ซื่อสัตย์และไม่ค่อยพูด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาขยันทำงานให้กับบริษัท ฝึกลูกน้องอย่างน้อย 4 รุ่นให้กับทางบริษัท หัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงหลายคน ต่างเคยเป็นลูกน้องที่เคยเรียนฝีมือกับเขามาทั้งนั้น มีเพียงเขาเองนี่แหละ ดูแลไลน์ผลิตมาตลอดเวลาไม่ยอมเลื่อนตำแหน่ง เขามีความคิดง่ายๆ พึ่งพาฝีมือของตัวเอง หาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ก็พอแล้ว

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        แต่เมื่อหลังวันปีใหม่ที่ผ่านมา หิมะตกอากาศหนาวจัด แม่ของนายจางป่วยหนักเขาจึงต้องลาสามวันกับเจ้านายเพื่อกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ ถ้าสภาพอาการของแม่ดีขึ้น ก็จะรีบกลับมาทำงานต่อ เจ้านายฟังแล้วเกิดความไม่พอใจและพูดกับเขาว่า “อีกไม่กี่วันลูกค้ารายใหญ่ นายยั่ว จะมาดูงานที่บริษัท และคุณต้องไปอธิบายและสาธิตงานให้ดู งานนี้เป็นงานใหญ่ บริษัทเราต้องจับให้ได้”

        นายจางเลยตอบเจ้านายอย่างมั่นใจว่า “เจ้านายสบายใจได้ ลูกน้องสองคนของผมฝีมือดีทั้งคู่ พวกเขาสามารถอธิบายและสาธิตงานให้ดูได้ รับรองจะไม่มีปัญหาใดๆ แน่นอน อีกอย่าง ผมลาแค่สามวัน มาทันอยู่แล้วครับ แม่ผมอายุ 78 แล้ว ผมควรกลับไปหาเธอบ้าง ตลอดหลายปีที่ผ่าน ผมแทบไม่ได้ลาอะไรเลย ยังไงครั้งนี้ก็ขออนุมัติให้ผมลากลับบ้านเถอะ”

        หลังจากลากับเจ้านายเสร็จ นายจางก็รีบเดินทางกลับไปที่บ้านเกิดของเขา เมื่อเห็นสภาพของแม่ที่ป่วยนอนอยู่บนเตียง เขารู้สึกเจ็บใจมาก พออยู่บ้านวันที่สอง เจ้านายก็ให้คนโทรไปตามนายจางจนนายจางต้องเรียกน้องสาวของเขากลับบ้านดูแลแม่แทน ตัวเองจะได้กลับไปทำงานตามเวลากำหนด แต่เนื่องจากในวันที่สามเขาหาซื้อตั๋วไม่ได้ เลยกลับเข้าบริษัทในวันที่สี่ ซึ่งเป็นวันที่นายยั่วมาดูงานที่บริษัทพอดี

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        เมื่อนายจางมาถึงบริษัท เขาเห็นนายยั่วกับเจ้านายกำลังดูงานกันอยู่ ส่วนลูกน้องทั้งสองคนของเขากำลังสาธิตงานให้พวกเขาดูอยู่ นายยั่วถามพวกเขาว่า สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิต ลดต้นทุนวัสดุลง 2% ได้มั้ย ลูกน้องสองคนของเขาตอบว่าทำได้

        เจ้านายก็ตอบว่า “ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว บริษัทอื่นทำไม่ได้ แต่เราทำได้” นายจางฟังแล้วคิดในใจว่า หากแก้กระบวนการผลิตอย่างนั้น อาจจะช่วยลดต้นทุนวัสดุลงได้บ้าง แต่จะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์แน่นอน ถ้าผลิตภัณฑ์ออกมามีปัญหา จะขายได้ราคาหรือ

        นายจางเลยรีบเดินเข้าไปพูดกับเจ้านายว่า “ทำอย่างนั้นคงไม่ดีนะครับ....” ยังไม่ทันให้นายจางพูดเสร็จ ก็โดนเจ้านายด่าสวนกลับมาทันทีว่า “คุณไม่รู้เทคโนโลยีเลยอย่ามายุ่ง” โดนด่าต่อหน้าทุกคน ทำเอานายจางถึงกับหน้าแดงไปหมด

        เมื่อนายยั่วกลับไปแล้วเจ้านายก็ตะโกนด่านายจางว่า “คุณตั้งใจเล่นงานผมอย่างนั้นหรือ แถมหยุดเกินกำหนด ถือว่าคุณขาดงาน หักเงิน 600 หยวนและโบนัส 20% ละกัน” พนักงานทุกคนฟังแล้วถึงกับส่ายหัวกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรให้เขาทั้งนั้น

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        นายจางเดินตามเข้าออฟฟิศของเจ้านายและขอร้องเจ้านายว่า “20% มันมากเกินไป เป็นเงินหลายพันหยวน แม่ผมเข้าโรงพยาบาล ต้องใช้เงินเยอะ” เจ้านายเลยตอบเขามาว่า “คุณก็เห็นอยู่ ทุกวันนี้ลูกน้องคุณเก่งกว่าคุณเยอะ ถ้าคุณรับไม้ได้ คุณก็ลาออกสิ คนที่แทนคุณได้มีเยอะแยะ”

        นายจางฟังแล้วเริ่มเข้าใจ พอหาคนแทนตัวเองได้ เจ้านายนี่ไม่ต้องการตัวเองแล้วสิ ตัวเองทุ่มเทให้กับบริษัทมามากมาย สุดท้ายต้องมาโดนเจ้านายไล่อย่างนี้ คิดแล้วเจ็บใจจริงๆ

        เมื่อนายจางกลับไปที่หอพัก เขาได้กดโทรศัพท์ไปหานายยั่วว่า “นายยั่วครับ สิ่งที่เจ้านายผมสัญญาไว้กับคุณมันเป็นไปไม่ได้ เพราะจะส่งผลที่ไม่ดีกับผลิตภัณฑ์” ไม่คาดคิดนายยั่วจะนัดพบนายจางในวันนั้นเลย และพูดกับนายจางว่า “ผมก็เคยทำงานด้านนี้มา ที่ผมถามไปก็เพื่อทดสอบดูเทคโนโลยีและความซื่อสัตย์ของบริษัทคุณ สิ่งที่คุณพูกถูกต้องนะครับ เรื่องคุณภาพหลอกลูกค้าไม่ได้”

        นายยั่วพูดต่อว่า “ผมตั้งใจจะสร้างไลน์ผลิตเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จะได้ควบคุมคุณภาพและการตลาดเอง คุณอยากจะมาช่วยดูแลไลน์ผลิตให้ผมมั้ย ให้คุณเป็นหัวหน้า เงินเดือน 400,000 หยวนต่อปี ส่วนช่างที่มีฝีมือที่คุณพามา คุณสามารถเสนอเงินเดือนมาได้ ผมจะสนับสนุนคุณ เพราะผมเชื่อในตัวคุณ”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        นายยั่วเสนอเพิ่มเติมว่า “ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาเริ่มงานได้ ผมมีออเดอร์มูลค่า 20 ล้านกำลังรอผลิต มาแล้วงานดีแน่นอน คุณกลับไปทำงานก่อน อย่าเพิ่งบอกใคร รอรับโบนัสที่โน่นเสร็จ ค่อยลาออกมาทำงานกับผม ส่วนโบนัส 20% ที่โดนหักไป ผมจะเป็นคนจ่ายให้คุณเอง” พอนายจางได้รับโบนัสเท่านั้นแหละ เขาก็ยื่นใบลาออกให้กับเจ้านายเก่าโดยทันที

        เมื่อนายยั่วได้สินค้าตัวอย่างชุดแรกจากบริษัทเก่าของนายจาง ก็ให้พนักงานของเขาทดสอบดูและพบว่างานมีปัญหาจริงๆ ด้วยเหตุนี้นายยั่วจึงตัดสินใจไม่เซ็นสัญญากับบริษัทเก่าของนายจาง ทำเอาเจ้านายเก่าถึงกับตะลึงและพลาดออเดอร์ที่มีมูลค่า 20 ล้านไปโดยทันที

        เจ้านายเก่ารีบโทรไปหานายจางขอความช่วยเหลือแต่นายจางไม่ได้พูดอะไร แค่เปิดลำโพงโทรศัพท์ให้เจ้านายเก่าฟังเสียงการทำงานของเครื่องกลของบริษัทใหม่เท่านั้น

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        PS : เรื่องราวในบทความนี้มาจากประสบการณ์จริงของเพื่อนชาวเน็ตรายหนึ่ง เรื่องนี้บอกเราว่ามีคนซื่อสัตย์มากมาย พวกเขาขยันทำงาน พึ่งพาฝีมือของตัวเองทำมาหากิน ได้ทุ่มเทและสนับสนุนกิจกรรมของบริษัทอย่างเงียบๆ ถ้าไม่มีคนงานเหล่านี้ทำงานให้ กิจกรรมของบริษัทก็ไม่มีโอกาสที่จะเติบโตได้ เจ้านายที่ดี ควรรู้จักขอบคุณและเคารพพนักงานทุกคน ถ้าทำไม่ดีกับพนักงาน ก็จะส่งผลไม่ดีต่อบริษัทแน่นอน

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR